สมดุลย์ระหว่าง คิดก่อนทำ…กับ ทำก่อนคิด

โดย ป้าหวาน เมื่อ 2 สิงหาคม 2010 เวลา 7:12 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3037

ต้องคิดก่อนทำ แน่นอน…อยู่ๆจะทำอะไรโดยไม่คิดได้อย่างไร
ต้องทำก่อนคิด…ก็ถูกอีก…เอาแต่คิดไม่ลงมือทำ ..ก็คือฝัน

บางสิ่งต้องลงมือทำก่อนจึงจะรู้ จึงจะได้ความคิด เกิดปัญญา

ไม่มีสูตรสำเร็จ ทุกเรื่องมีส่วนประกอบ และมีความเข้มข้นที่แตกต่างกัน
คนที่เกี่ยวข้องแตกต่าง คนที่กำลังคิด กำลังทำก็แตกต่าง

ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก หรือ ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
มีนิทานสนุกจาก พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ค่ะ

แบ่งปัน

เมื่อวานนี้ เวลา 20:06 น.

สมปองเข้าไปหาจิตแพทย์ด้วยสีหน้าหม่นหมอง
“หมอครับช่วยผมด้วย ผมนอนไม่หลับมาเป็นปีแล้ว ทุกครั้งที่นอนบนเตียง ผมจะรู้สึกว่ามีใครซ่อนอยู่ใต้เตียง พอผมลงไปนอนใต้เตียง ก็มักตงิด ๆ ว่ามีคนอยู่บนเตียง ผมเป็นอะไรรู้ไหมหมอ หมอช่วยผมที”
“คุณไม่เป็นอะไรมากหรอก คุณคิดมากไปเอง มาหาหมอทุกอาทิตย์ แล้วหมอจะช่วยคุณ แต่ระหว่างที่คุณอยู่บ้าน ขอให้คุณพูดกับตัวเองก่อนนอนสัก ๑๐๐ ครั้งทุกคืนว่าห้องนี้มีฉันคนเดียว ไม่มีใครอยู่ใต้เตียงหรือบนเตียงทั้งสิ้น”
อาทิตย์แล้วอาทิตย์เล่า ที่สมปองทำตามที่หมอว่า ทั้งพูดกับตัวเองคนเดียวและไปคลีนิกฟังหมอบรรยายนานนับชั่วโมง หนึ่งเดือนผ่านไปพร้อมกับเงินอีกหลายพันบาทที่จ่ายเป็นค่ารักษา สมปองก็หายหน้าไปจากคลินิก แล้ววันหนึ่ง หมอก็เจอสมปองโดยบังเอิญที่ห้าง สรรพสินค้า
“คุณหายไปไหน ไม่เห็นไปหาผมอีกเลย”
“ผมหายแล้วครับ ”
“หายได้ยังไง หมอยังรักษาไม่ครบคอร์สเลย”
“ผมไปเจอหลวงพ่อที่อยุธยา ท่านแนะว่าให้ผมตัดขาเตียงออกซะ ก็เท่านั้นเอง”

สมปองมีปัญหาทางจิตใจ เขาเป็นคนคิดมาก อาจเป็นเพราะมีปมบางอย่างในใจ จิตแพทย์พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ และพาเขาสำรวจปมดังกล่าว ทั้งให้ทำแบบฝึกหัดมากมาย แต่ไม่เป็นผล ผิดกับหลวงพ่อซึ่งเข้าใจนิสัยของคนอย่างสมปองดี แทนที่ท่านจะใช้เหตุผลอธิบายให้เขาหายวิตกกังวล ท่านแนะวิธีแก้ที่ง่ายกว่านั้น เมื่อตัดขาเตียง ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนอยู่ใต้เตียง เป็นอันว่าหมดปัญหา

การอธิบายด้วยเหตุผลนั้น ใช้ได้กับบางคน หรือใช้ได้ในบางสถานการณ์ คนที่กำลังทุกข์ร้อนอย่างหนัก เอาเหตุผลหรือแม้แต่ธรรมะมาพูดกับเขา มักจะไม่ได้ผล เพราะสมองไม่รับคำพูดจึงไม่เข้าหัว แต่พอหลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้หรือให้สายสิญจน์ เขากลับสงบและเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น วิธีนี้แม้ไม่ช่วยให้เขามีปัญญามากขึ้น แต่ก็ดึงสติของเขาให้กลับมาและตั้งหลักได้เร็ว คนที่มีการศึกษามักดูถูกหลวงพ่อหลวงปู่ที่ใช้วิธีแบบนี้ หาว่าเป็นไสยศาสตร์ ทำให้หลงงมงาย นั่นเป็นเพราะเขายังไม่เข้าใจจิตวิทยาของชาวบ้าน

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ววิธีของหลวงพ่อเป็นการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ตรงกันข้ามกับวิธีการของจิตแพทย์ ซึ่งยุ่งยากซับซ้อน นอกจากใช้เวลานานแล้ว ยังสิ้นเปลืองทั้งเงินและคำพูด คนที่มีความรู้มาก มีการศึกษามาก แม้จะมีข้อได้เปรียบหลายอย่าง แต่บางครั้งก็ทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยาก

มีเรื่องเล่าว่าเมื่อสหรัฐอเมริกาสามารถส่งนักบินอวกาศไปโคจรรอบโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เกิดปัญหาขึ้นมาว่าปากกาหมึกซึมและปากกาลูกลื่นใช้ไม่ได้ในอวกาศ เพราะแรงโน้มถ่วงน้อยมาก ทำให้การบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เป็นไปได้ยาก จึงมีการวิจัยและพัฒนาปากกาที่จะใช้ได้ในอวกาศ นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำหลายคนถูกดึงมาทำงานนี้ ปรากฏว่าหมดเงินไปหลายสิบล้านบาทกว่าจะได้ปากกาชนิดพิเศษ อเมริกาภูมิอกภูมิใจมาก ไปคุยอวดเรื่องนี้กับรัสเซียซึ่งเป็นคู่แข่ง แล้วถามรัสเซียว่า “เจอปัญหาแบบนี้แล้วทำยังไง” รัสเซียตอบว่า “ก็ใช้ดินสอแทนไง”
การทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ต้องอาศัยการคิดนอกกรอบ ไม่ติดยึดกับทฤษฎีหรือความรู้ที่เรียนมา รวมทั้งหัดมองจากแง่มุมที่ดูเหมือนกลับหัวกลับหางด้วย การมองแบบนี้อาจช่วยให้เราเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น อย่างศุภมัยในเรื่องข้างล่าง

“รู้ไหมอะไรที่ฉลาดกว่าคน” ศุภมัยถามเพื่อนในวงอาหาร
“ก็ซุปเปอร์แมนไง” เพื่อนตอบ
“ผิด โลมาต่างหาก” ศุภมัยเฉลย
“มันฉลาดกว่าคนยังไง” เพื่อนสงสัย
“แกไม่เห็นเหรอ โลมาไม่ว่าตัวไหน เล็กหรือใหญ่ก็ตาม พอถูกจับได้ไม่กี่วัน ก็สามารถฝึกให้คนมายืนอยู่บนขอบสระและโยนปลาให้มันวันละสามเวลา “

ขำขันวันหยุด : ทำยากให้ง่าย

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : ความรุนแรง กับ ความสงบ

Next : ทำตามหน้าที่….. » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 สิงหาคม 2010 เวลา 11:02 (เช้า)

    ขอบคุณเรื่องของสมปองและนักบินอวกาศของสหรัฐและรัสเซียค่ะ
    แล้วยังยิ้ม ๆ กับความฉลาดของ “โลมา” ด้วย
    มนุษย์คิดว่าตัวเองฉลาดและรู้ทุกเรื่อง…แต่ความจริงอาจรู้ไม่หมดไม่ถ้วน แต่หลงไปเอง
    ;)

  • #2 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 สิงหาคม 2010 เวลา 5:27 (เย็น)

    ขอบคุณ คุณ freemind ค่ะ ความซับซ้อนบางสิ่งเป็นการมองต่างมุม ซึ่งเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกบุคคล และการพิพากษาก็เป็นมุมหนึ่งเช่นกัน เพียงแต่มนุษย์เราจัดจำแนกความแตกต่างนั้น ตามความคิดในกลุ่มของตน ในกาลเวลาของตน แต่ถ้าใช้หลักอนัตตา ก็คงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต่างมุมไปอีกค่ะ จิตไม่หยุด สิ้นสุดไม่มี

  • #3 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 สิงหาคม 2010 เวลา 7:47 (เช้า)

    อดหัวเราะกับเรื่องสมปองไม่ได้ค่ะ เพราะเป็นเรื่องจริงว่ายิ่งรู้เท่าไร เราก็จะพยายาม”ยัดเยียด”ความรู้ที่มีให้คนอื่นมากเท่านั้น ซึ่งบางทีก็เกิดจากการยึดติดของตัวเราเอง

    นึกถึงช่วงแรกๆที่ทำเคส ช่วงนั้นจะไฟแรงทุกอย่างต้องตามระบบระเบียบเป๊ะเลยค่ะ แต่ต่อมาพบว่าแค่คำพูดหรือสิ่งง่ายๆสั้นๆก็ทำมห้เค้า”พ้นทุกข์”ได้ แม้จะมีบางคนบอกว่าเป็นเรื่องชั่วคราวก็ตาม ซึ่งเบิร์ดมองว่าแม้แต่ทบ.ต่างๆก็เป็นการช่วยเฉพาะเรื่องเหมือนกัน ไม่ได้คลุมทั้งหมดทุกปัญหา

    วันนี้รื่นรมย์ได้อีกครั้ง ^ ^

    ขอบคุณค่า

  • #4 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 สิงหาคม 2010 เวลา 11:44 (เย็น)

    ขอบคุณน้องเบริ์ดมากค่ะ อ่านเรื่องนี้ป้าหวานก็คิดถึงน้องเบริ์ดค่ะ กระบวนการของนักจิตวิทยาย่อมมีรายละเอียดมาก และปริมาณของผู้เข้ารับการดูแล ทำให้มีหลากหลายระดับที่จะให้การรักษา สมปองเป็นรายหนึ่ง ยังมีอีกมากมายและหลากหลายค่ะ ป้าหวานเข้าใจ ไม่มีอะไรที่เหมาะสมตลอดกาลเนาะ

    หวังว่าเราคงจะได้พบกันสักวันค่ะ : )


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.027257919311523 sec
Sidebar: 0.017751932144165 sec