ว.วชิรเมธี : แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป (This too shall pass)
ในอดีตมีพระราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักร ฮีบรูพระนามว่าโซโลมอน
พระราชาได้สั่งให้เจ้าเมืองทุกเมืองทำของวิเศษให้อย่างหนึ่งโดยของสิ่งนั้นต้องมีคุณสมบัติพิเศษคือ…
ของสิ่งนี้ จะสามารถเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกของพระราชาได้
“หากมีความทุกข์อยู่ก็จะหายจากทุกข์ หากมีความสุขอยู่ก็จะคลายความสุขลง
ไม่ว่ากำลังร้องไห้อยู่หรือหัวเราะอยู่ก็จะสามารถหยุดอารมณ์ทั้งสองอย่างนั้นได้”
เมื่อครบกำหนด เจ้าเมืองใหญ่เมืองใด ๆ ก็ไม่สามารถหาของตามที่พระราชาต้องการได้
แต่มีเจ้าเมืองเล็ก ๆ อยู่เมืองหนึ่งได้บอกว่ามีแหวนวิเศษมีคุณสมบัติอย่างที่พระราชาต้องการมาถวาย
พระราชาจึงรีบให้มาเข้าเฝ้า เมื่อพระราชาได้เห็นแหวนวงนั้นแล้ว
ปรากฏว่าเป็นเพียง แหวนทองธรรมดาเรียบ ๆ วงหนึ่ง
พระราชาก็สงสัยว่าแหวนนี้จะมีความวิเศษได้อย่างไรกันเมื่อพระราชานำไปใช้ก็ปรากฏว่าแหวนวงนี้
สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของพระองค์ได้จริง ๆ
ไม่ว่าพระองค์จะกำลังมีความสุขอยู่ก็ตาม เพียงเพราะแหวนนั้นมีข้อความสั้นสลักไว้ว่า
“แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป”
ยามใดที่พระราชามีความสุข ความยินดีหรือมีความทุกข์ ความโกรธ ความกังวลไม่สบายใจใด ๆ ก็ตาม
เมื่อมองไปที่แหวนนี้ซึ่งเตือนสติพระองค์ว่า “แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป”
ทำให้พระองค์เข้าใจว่าสิ่งที่พระองค์กำลังประสบอยู่ไม่ว่าสุขไม่ว่าทุกข์มันไม่จีรังยั่งยืน
เกิดขึ้นมาแล้วก็จากไป นับตั้งแต่นั้นมาพระราชาก็ไม่คิดที่จะนำความทุกข์มาเป็นกังวล
มีความสุขก็ไม่ได้ยึดติดกับความสุขนั้น ทำให้พระราชาสามารถตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ
ได้อย่างถูกต้องและตั้งหน้าตั้งตาทำเพื่อประชาชนของพระองค์
จนได้ขื่อว่าเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นที่รักใคร่ของประชาชน
ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องประสบกับโลกธรรม 8
คือได้ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
ก็ต้องมีเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์เป็นธรรมดา
หากเราสามารถเตือนสติตนเองได้ว่า
“แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป”
ก็จะช่วยให้เราทำใจเป็นกลางทำใจเป็นปกติได้
เมื่อความรู้สึกต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่น หงุดหงิด โกรธ น้อยใจ เสียใจ ขี้เกียจ วิตกกังวล หรือมีความรู้สึกตื่นเต้น
ยินดีพอใจก็ตามให้เรามีสติ ปรับปรุงลมหายใจยาวๆ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ
ให้เกิดความรู้สึกตัว รักษาใจเป็นกลางๆ ทำใจสงบและทำใจปล่อยวางว่า
“แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป”
เมื่อมีทุกข์ ทุกข์นั้นไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืน ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนำความทุกข์นั้นมาเป็นกังวล
เมื่อมีสุข สุขนั้นก็ไม่จีรังยั่งยืนเช่นกัน เราไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง
จากหนังสือ โชคดี
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
ว.วชิรเมธี (W.Vajiramedhi): แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป (This too shall pass)
Next : This Too Shall Pass… » »
2 ความคิดเห็น
ใช่ค่ะป้าหวาน ไม่ว่าดีหรือไม่ดี …แล้วมันก็จะผ่านไป
ไม่มีอะไรจีรัง แต่ที่ยังค้างอยู่ก็เพราะยังไม่รู้จักการดับที่เหตุ หรือหนักกว่านั้นคือยังไม่รู้เลยว่าปัญหาอยู่ที่ไหน อยู่ที่เราหรือว่าคนอื่น
ส่วนมากเรามักจะชี้ไปที่สิ่งอื่นนอกตัว โดยคิดว่าแก้ที่นั่นสิ แก้ที่นี่สิ แต่ที่จริงเราเองนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุของการชี้นิ้ว และทำให้มันเป็นเรื่องขึ้นมา
อยากเจอป้าหวานจังค่ะ
สวัสดีค่ะ น้องเบริ์ด เวลาน้องเบริ์ดชี้…ใช้นิ้วอะไรชี้คะ? ถ้าใช้นิ้วชี้ พระอาจารย์ไพศาลบอกว่า เวลาเราชี้นิ้วไปที่คนอื่น เราชี้ไปแค่นิ้วเดียว แต่อีก 3 นิ้ว เราชี้ที่ตัวเราเอง…งั้นวันหลัง ต้องใช้ทั้งมือชี้ไปนะคะ…อิอิ อิอิ เวลาคิดย้อนกลับ ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้น เขาก็ไม่ทำอย่างนี้ หรือ อย่างน้อยๆ เราคิดอะไรอยู่ เรานั่นแหละคนคิด ใช่หรือเปล่า เราปรุงเองที่กำลังรู้สึก ที่รู้สึกไปแล้ว ที่กำลังทำ ที่ทำไปแล้ว ป้าหวานก็รู้ตัวเหมือนกันเวลาพูดออกไป..เราเป็นผู้กระทำแล้ว คุณดังตฤณ กล่าวว่า อย่าปล่อยมันออกมา ให้มันฟุ้งอยุ่ได้อย่างมากคือความคิด อย่าให้ออกมาเป็นวาจา หรือ การกระทำ เตือนใจได้ดีเลยค่ะ ถ้าทำได้เราคงจะไม่พูด หรือ ไม่ทำอะไรโดยไม่เจตนา