ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง “โมถ่าย” อีกหนึ่งความหวังของประเทศไทย

อ่าน: 75913

เมื่อช่วงปลายธันวาคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา ผมได้รับการร้องขอจากสหายร่วมอุดมการณ์ (ท่านอาจารย์แฮนดี้-พินิจ พันธ์ชื่น) ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อนว่าทางบ้านเกิดของท่านได้รับอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทย ผ่านมาทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี และอำเภอไชยา ด้วยวงเงินหลักหลายล้านให้มีการก่อตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงที่ตำบลโมถ่าย เป็นหนึ่งในเจ็ดศูนย์ใหม่ในระดับประเทศ

ผมมีความตื่นเต้นมากเป็นพิเศษที่จะได้มีส่วนร่วมในโอกาสสำคัญนี้ โดยมีการวางแผนการเดินทางไปในช่วงที่มีงานแต่งงานของลูกชายท่านอัยการชาวเกาะ ที่ภูเก็ต

ท่านครูบาสุทธินันท์ ก็ได้แสดงความจำนงเข้าร่วมกิจกรรมนี้ในช่วงขากลับจากภารกิจสำคัญ โดยมาแวะพักที่บ้านพี่สาวของท่านอาจารย์แฮนดี้เป็นฐานการประสานงาน

เราเริ่มจากการสำรวจสภาพพื้นที่เพื่อความเข้าใจของเราเอง

ทำให้ทราบว่า

  • พื้นที่เดิมของโมถ่ายเป็นพื้นที่ทำนา แต่ได้ปรับไปเป็นสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันเกือบทั้งหมด
  • เหลือคนทำนาไม่กี่คน และมีนาเพียงแปลงเล็กๆที่เหลืออยู่
  • นอกนั้นเป็นแปลงปลูกยางพารา ปาล์ม และนาร้าง
  • บ้านทรงเดิมๆ และบ้านรุ่นใหม่หลังใหญ่ๆ หลายหลังแทบไม่มีคนอยู่อาศัย
  • มีการจ้างแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานแทนคนในพื้นที่

ที่มีลักษณะเป็นตัวแทนที่ดีของสังคมภาคใต้ในปัจจุบัน

ที่มีปัญหาด้านการใช้ที่ดิน เศรษฐกิจ และสังคม ที่สวนกระแสกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศ

อันเนื่องมาจาก

  • การพัฒนาการพึ่งพาภายนอก
  • ทั้งอาหาร และแรงงาน

ดังนั้น

การตั้งศูนย์เรียนรู้จึงเป็นสิ่ง “ท้าทาย- challenging” พอสมควรว่า

ถ้าทำได้จริงก็จะเป็นความหวังของภาคใต้ และของประเทศ

ที่จะพยายามพัฒนา

  • ระบบเกษตรอินทรีย์
  • การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่า
  • การผลิตข้าวเพื่อการบริโภค
  • การพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน
  • การฟื้นฟูหัตถกรรม และ
  • การพัฒนากลุ่มและการรวมกลุ่ม

โดยมีท่านนายก อบต. ให้การสนับสนุนอย่างใกล้ชิด เข้าร่วมประชุม ปรึกษาหารือกันอย่างเอาจริงเอาจัง

มีแกนนำด้านการประชาสัมพันธ์ของตำบลเป็นกำลังหนุน

และอาจารย์แฮนดี้ก็กำลังทำงานแปลงโฉมตัวเองจากอาจารย์มหาวิทยาลัย ไปเป็นเกษตรกร เพื่อจะทำนาคล้ายๆกับที่ผมทำที่ขอนแก่น โดยปัจจุบันได้วางตัวเป็นแกนนำในการเชื่อมโยงประสานกลุ่มเฮฮาศาสตร์ลงไปช่วย

ฐานแนวคิดที่สำคัญก็ได้มาจากวัดธารน้ำไหล (สวนโมกข์) ที่อยู่ใกล้ๆ

ดูแล้วก็น่าจะมีความพร้อมพอสมควร

แต่สิ่งที่ท้าทายที่เหลือก็คือ

ชุมชนจะสามารถระดมทรัพยากรที่เหลืออยู่ เพื่อกลับมาฟื้นฟูระบบเกษตรกรรม สังคม ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมให้เป็นตัวอย่างของระบบเศรฐกิจพอเพียงได้อย่างไร

ถ้าได้ ก็จะเป็นตัวอย่าง และเป็นศูนย์เรียนรู้ที่มีพลังจริงๆ

ผมจึงมีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า

แผนงานการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ที่กำลังทำอยู่ จะเป็นจริงและผลิดอกออกผลตามที่ตั้งใจไว้

ผมได้แจ้งกับทางทีมงาน และอาจารย์แฮนดี้ว่า

พร้อมที่ช่วยเหลือในทุกเรื่อง และทุกโอกาส

เห็นว่าจะมีการจัดเฮฮาศาสตร์สัญจรในครั้งต่อไปที่ไชยา เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศูนย์เรียนรู้นี้

ผมขอไปด้วยนะครับ และจองที่ล่วงหน้าให้กับคนที่รู้ใจสักสองที่นะครับ อิอิ

 



Main: 0.01400899887085 sec
Sidebar: 0.042536973953247 sec