ตัวเอง.. การเห็นคุณค่า … การไม่ต้องแบก

ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 2 เมษายน 2012 เวลา 10:46 (เย็น) ในหมวดหมู่ ชีวิต #
อ่าน: 1391
  • การเห็นคุณค่าของตัวเอง นั้นมีคุณมาก ไม่ต้องลำบากไปแสวงหาจากภายนอก
  • และที่น่าจะเสริมให้ปลอดภัยมากขึ้นก็คือ การเห็นตัวเองเป็นเพียงธุลีหนึ่งของจักรวาล ซึ่งเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติโดยองค์รวม
  • เห็นเช่นนี้บ่อยๆจะทำให้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยมา “แบก” “คุณค่าของตัวเอง” แต่มีชีวิตอยู่กับ “เช่นนั้นเอง” อย่างเบาสบายได้เสมอ

  • นินทาหลาน

    ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 27 มีนาคม 2011 เวลา 8:10 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิต #
    อ่าน: 1486

    ฝนตกพรำมาตลอดวัน ต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน ไม่รู้จะทำอะไร ขอนินทาเด็กเล่นดีกว่า ..

    น้องติมอยู่ชั้นอนุบาล 2 ปกติเป็นคนติดแม่ วันก่อนผมชวนติดรถเข้าไปตลาดไชยาด้วยกันสำเร็จโดยไม่ต้องมีแม่ไปด้วย

    การ พูดคุยกันตอนหนึ่ง ผมถามว่า “เคยปลูกต้นไม้มั้ย”  น้องเขาตอบว่า “เคย” เมื่อถามว่า “ปลูกต้นอะไร” เธอตอบว่า “ดอกไม้” โดยพูดเป็นภาษากลางเสียด้วย

    ถามต่อว่า “ดอกอะไร” เธอก็ตอบทันทีว่า “ไม่รู้” ครั้นถามว่า “สีอะไร” เธอตอบเสียงดังว่า “สีคว้า” ทำเอาทุกคนในรถต้องขำกลิ้งกันทุกคน เราเลยฝึก “สีฟ้า” ให้น้องติมจนเธอพูดได้ชัด แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะ Sustainable สักแค่ไหน

    เอาไว้เจอกันอีกทีจะลองทดสอบดูว่า จะมี “ท้องคว้า” “ไควคว้า” หรือ “ไม้ควืน” อยู่หรือไม่ … อิ อิ อิ


    ความสำเร็จ

    ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 24 มีนาคม 2011 เวลา 8:52 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิต, ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
    อ่าน: 1541

    • ความสำเร็จอยู่ที่ไหน
    • ที่แน่นอนต้องอยู่ที่ใจ
    • ความล้มเหลวในสายตาคนอื่น อาจเป็นความสำเร็จของเราก็ได้
    • เหตุเพราะเขามองที่วัตถุ ส่วนเรามองด้านในของเรา
    • หากใจเราชนะได้ อิสระได้ท่ามกลางปัญหามากมาย นั่นคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
    • ต่อๆไป เมื่อมีปัญหาอะไรก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กไปเสียทั้งสิ้น


    มาเตรียมตัวตายกันเถอะ

    6 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 22 มีนาคม 2011 เวลา 6:39 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิต #
    อ่าน: 1988

    วันหนึ่งผมบอกชาวบ้าน และลูกหลานในที่ประชุมที่ศูนย์การเรียนรู้ฯใกล้บ้านว่า ผมกลับมาอยู่บ้านเกิดเพื่อ “เตรียมตัวตาย”
    ทันใดนั้นก็มีเสียงคัดค้านบอกว่า “ไม่ได้ ไม่ได้ ยังไม่ให้รีบตาย”
    ผมก็ตอบไปว่า …

    “เตรียมตัวตายไม่ได้หมายถึงรีบตาย เพียงแต่รู้ว่ามันต้องตาย จึงเตรียมตัวว่า อะไรที่ดีๆ มีประโยชน์และพอทำได้ ก็จะได้รีบทำเสีย เท่านั้นเอง”

    • ความตายเป็นของแน่นอนที่ทุกชีวิตต้องเจอ
    • การคิดถึงความตายบ่อย หรือเจริญ มรณานุสติ จึงเป็นสิ่งควรทำ
    • ทำเช่นนั้นได้ จะพบความเบาสบาย ทำประโยชน์ได้ โดยไม่ต้องแบกโลกครับ


    โชคดี - โชคร้าย

    ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 19 มีนาคม 2011 เวลา 9:37 (เช้า) ในหมวดหมู่ การศึกษา, ชีวิต #
    อ่าน: 1927
    • เรา โชคร้ายที่สบายมานาน
    • ญี่ปุ่น โชคดีที่มีความยากลำบากเป็นเพื่อน
    • ธรรมชาติอันอุดมในอดีต สร้างนิสัยมักง่าย อะไรก็ได้ ช่างมันเถอะ .. ฯลฯ ให้พวกเรา
    • ธรรมชาติที่แปรปรวน รุนแรง ประกอบกับการมีทรัพยากรที่จำกัด ได้สร้างจิตใจที่เข้มแข็ง สร้างวัฒนธรรมและวินัยของการอยู่ร่วมกันแบบ “ซึมลึกในสายเลือด” ให้คนญี่ปุ่น
    • รู้อย่างนี้ จะเลี้ยงดู อบรมบุตรหลานให้พบแต่ความสะดวก สบาย ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้ อยู่แบบสบายๆ หน้าจอเกมคอมพิวเตอร์ อย่าให้มีโอกาสได้ รักการเรียนรู้ หรือ ฝึกสู้สิ่งยาก .. ก็เชิญต่อไปนะโย

    ผมเขียนเรื่องนี้วางไว้ที่ G2K ได้ไม่กี่นาทีก็มี Comment แรกเข้ามาครับ ความว่า …

    สวัสดีค่ะ หนูชื่อออมน่ะค่ะ
    จากประสบการสุดยอดเลยค่ะตอนนี้หนูทำได้อย่างฝันแล้วค่ะ แต่ก่อนหนูเป็นคนอ้วนมาก หนูสูง 160 น้ำหนัก 82 หนูกลุ้มใจมากเลยไม่รู้จะปรึกษาใครดี แต่พอมาวันนึงหนูได้พบกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและน้ำหนัก พี่เค้าแนะนำให้หนูทานอาหารเสริม ชื่อ XXX  จนตอนนี้น้ำหนัก ของหนูเหลือแค่ 60 กิโล เพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้นเองค่ะ หนู Happy และมีความสุขมากค่ะ ถ้าเพื่อนๆอยากมีสุขภาพดีหรือหุ่นดีอย่างหนู โปรดอย่าช้าค่ะ

    ติดต่อพี่เค้าได้เลยค่ะที่ >> XXXXX  คุณ XXX <<

    หรือดูเวปเค้าได้ที่นี้คะ.>> XXXX

    ประสบการณ์ลดน้ำหนักของหนูได้ผลใน1สัปดาห์ ตอนนี้หนูHappy!!มากกคะ ขอฝากเรื่องของหนูไว้ให้กับเพื่อนๆที่มีหัวอกเดียวกันนะคะ


    ช่างสอดคล้องกับบันทึกของผมดีเหลือเกิน .. อิ อิ อิ


    มนุษย์ กับ ธรรมชาติ

    ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 6 กุมภาพันธ 2011 เวลา 3:17 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิต #
    อ่าน: 2388

    • ธรรมชาติแท้จริงมี หนึ่งเดียว
    • มนุษย์เป็นธุลีหนึ่งในธรรมชาติทั้งมวล
    • น่าเสียดายที่ความฉลาดของมนุษย์ ทำให้พวกเขาพยายามแยกตัวเองออกไปจากธรรมชาติโดยองค์รวม
    • และด้วยความคิด ความเชื่อผิดๆเช่นนั้น การทำลายล้างธรรมชาติจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทวีความรุนแรงเรื่อยมา
    • ซึ่งที่แท้ก็คือ การทำลายมนุษย์เองไปด้วยพร้อมๆกันนั่นเอง
    • อนิจจา ! ความฉลาด … “ฉลาด” ที่จะ “โง่” อย่างไม่น่าให้อภัย
    • อิ อิ อิ


    ท่านฝากบอกให้ “หัวเราะ” เมื่อพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่

    2 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 14 มกราคม 2011 เวลา 5:02 (เย็น) ในหมวดหมู่ ชีวิต #
    อ่าน: 2250

         หลายปีมาแล้ว น้าทองมากผู้เป็นเสมือนพ่อคนที่สองของผม ได้พบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ในครอบครัว น้ามีลูกชายเพียงสองคน  น้องพิมลเรียนอยู่ปีสุดท้ายที่วิทยาลัยครู น้องนพพรก็ไปเรียนอยู่ที่สถาบันเดียวกัน  น้องนพพรท้องเสียไปรพ.เขาให้น้ำเกลือแต่ทำพลาด มีฟองอากาศขึ้นไปทำให้สมองมีปัญหา ต้องนอนเป็นอัมพาต รักษาตัวอยู่ที่รพ.ประสาทเป็นแรมเดือน โดยมีแม่ไปคอยประคับประคองดูแล   น้องพิมลมาเยี่ยมน้องชายทุกเย็น และแล้วเย็นวันหนึ่งน้องพิมลถูกคนเมาขับรถชนตายที่หน้ารพ.ประสาท

         กลับมาจัดการศพกันที่บ้านที่ไชยา ผ่านไปเพียงสองวัน ยายหอม แม่ของน้าทองมากก็มาล้มตายลงอีกคน ผมลงไปจากกทม. เพื่อร่วมงานศพน้องพิมลที่รักผมเหมือนพี่ชายแท้ๆ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นโลงศพวางคู่กันเป็นสองราย ยายหอมที่ดูแลแม่ของผมมา ได้นอนเคียงคู่กับหลานพิมลเสียแล้ว น้องนพพรก็พงาบๆอยู่ที่รพ.ประสาทสงขลาไม่รู้อนาคตว่าจะเป็นรูปแบบใด

        ตอนนั้นน้าทองมากเป็นครูใหญ่โรงเรียนวัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม) สนิทสนม และรับใช้ใกล้ชิดท่านอาจารย์พุทธทาสอยู่เสมอมา  เหตุการณ์ครั้งนั้นล่วงรู้ถึงท่านอาจารย์ ท่านจึงสั่งคนมาบอกน้าทองมากว่า …

                         ” บอกครูทองมากด้วยว่า .. ให้หัวเราะ

     

                                                  


    ไปกราบสวัสดีปีใหม่ “คุณครูในดวงใจ-ครูผู้ลิขิตชีวิต”

    1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 14 มกราคม 2011 เวลา 7:21 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิต #
    อ่าน: 1375

         หลังจากผมได้เคยไปเยี่ยมคุณครูสุวรรณ สุวรรณรักษ์ ที่บ้านของท่านเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ตั้งแต่ 1 พค. 2545 ตามที่เขียนเล่าไว้ในบันทึกเรื่อง ครูสุวรรณ “ครูผู้ลิขิตชีวิตผม” ผมก็ไม่มีโอกาสไปเยี่ยมท่านอีกเลย แม้จะย้ายไปอยู่บ้านเกิดที่ไชยาที่ห่างจากบ้านท่านเพียงประมาณ 11 กม.เท่านั้น ขับรถผ่านหน้าบ้านท่านทีไรก็ได้แต่นึกว่าจะต้องมากราบท่านและเล่าเรื่องราวการอพยพหลบภัยของผม ให้ได้สักวัน รอจนกระทั่งเมื่อวานนี้ 13 มค. 54 จึงออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อไปกราบคารวะท่าน

       คุณครูสุวรรณเป็นครูในดวงใจ และครูผู้ลิขิตชีวิตผมอย่างไร คงต้องกลับไปติดตามในบัน ทึกเก่า ตาม Link ข้างบน ส่วนเมื่อวานนี้ ก็ได้รับทราบด้วยความตกใจว่าภรรยาคู่ชีวิตของท่านได้จากไปแล้วตั้งแต่ปี 2549

      พอผมไปถึงลูกชายของท่านก็รีบไปตาม บอกว่ามีคนมาหา และภาพที่ได้เห็นก็คือ คุณครูเดินออกมาจากห้องในอาคารไม้หลังเก่าของโรงแรมอุดมลาภ โรงแรมเล็กๆเก่าๆที่ท่านมาซื้อกิจการ และปรับปรุงให้ทันสมัย มีการสร้างอาคารเป็นตึกเพิ่มขึ้น และมีบ้านพักแบบทันสมัยหลังใหญ่อยู่ด้านหลัง ในบริเวณเดียวกัน แต่นั่นสำหรับลูกๆอยู่ ตัวท่านเองนั้นยังคงสมถะ เรียบง่าย พักอยู่ในห้องชั้นล่าง ของอาคารไม้หลังเดิม

      ท่านเดินออกมาพบที่นั่งรออยู่ผมด้วยรอยยิ้ม ปัจจุบันท่านอายุ 86 ปีแล้ว แต่ดูสุขภาพยังดีใช้ได้ทีเดียว จะมีปัญหาบ้างก็เรื่องการได้ยิน ที่เราเริ่มจะต้องพูดให้ดังกว่าแต่ก่อน ตามคำแนะนำของลูกสาวท่าน ซึ่งก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นมัธยมกับผม

      ผมอดไม่ได้ที่จะถามถึงอัลบั้มชื่อลูกศิษย์ของท่านอีกครั้ง ท่านก็เดินไปหยิบมาให้ดูและถ่ายภาพตามที่ผมต้องการ ที่จริงท่านมีเล่มใหญ่หลายเล่มมาก มีตั้งแต่ลูกศิษย์รุ่นน้าชายของผมซึ่งปัจจุบันก็อายุ 80 ปีแล้ว แต่เมื่อวานท่านหยิบ “เล่มเล็ก” ซึ่งดูเหมือนกับว่าท่านจะมีไว้ข้างกายตลอดเวลา เหลือเชื่อครับ ท่านทำของท่านเองด้วยใจรัก ทำมาตั้งแต่ปี 2487 และเก็บชื่อลูกศิษย์พร้อมภาพถ่ายเล็กๆที่ติดคู่กับลายเซ็นชื่อของลูกศิษย์แต่ละคน 

       ในบันทึกเก่าผมไม่ได้มีภาพมาให้ดู วันนี้จะพาไปชมกันชัดๆครับ

    เมื่อคุณครูออกมาเริ่มนั่งคุยกับผม

     

                                              นี่คือ Album บรรจุชื่อศิษย์ ตั้งแต่ปี 2487

                 -  บนซ้าย .. ปกหน้าด้าน ในคุณครูตอนเป็นหนุ่ม และตรา รร.พุทธนิคมที่ท่านแกะสลักเอง

                 -  บนขวา .. ปกหลังด้านนอก มีรูปของท่าน

                 -  ล่างซ้าย .. รองปกหน้า พร้อมลายเซ็นที่เชื่อว่าท่านน่าจะแกะสลักตรายางเอง

                 -  ล่างขวา .. อำนวย อินทรสุข เพื่อนสนิทของผม ครูดีแห่งรร.บ้านทุ่งนางเภา จากไปแล้วตั้งแต่ 10 พย. 27 ท่านบันทึกไว้ชัดเจน

     

    อีกบางหน้าใน “อัลบั้มแห่งความรัก” ของคุณครูสุวรรณ

    ที่มีหน้าเด๋อด๋า ของเจ้าของบันทึกนี้อยู่ด้วย

     

    ถ่ายภาพกับท่านอีกครั้งก่อนอำลากลับ

     

        เมื่อลาคุณครูสุวรรณออกมาแล้ว ผมยังโชคดีที่ได้พบกับคุณครูผู้สร้าง อีกหนึ่งท่านเมื่อแวะไปกราบท่านที่บ้านท่าโพธิ์ ใกล้ๆกับรพ.ไชยา นั่นคือคุณครูชอบ  นาคเมือง ท่านเป็นครูใหญ่ รร.พุทธนิคม 1 และเป็นครูประจำชั้นมศ.3 ที่ผมเรียนอยู่ในสมัยนั้น คุณครูชอบ เป็นผู้ที่คอยเคี่ยวเข็ญพวกเราเรื่องภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก จำได้ว่าทุกเย็นท่านจะติวเข้ม ให้พวกเราทำแบบฝึกหัด โดยมิได้มีค่าจ้างค่าตอบแทนแต่อย่างใด

       เมื่อบอกว่าคุณครูสุวรรณ ทำให้ผมรักภาษาอังกฤษได้อย่างไร จากบันทึกเก่า .. คุณครูชอบ  นาคเมือง ก็คือผู้ส่งแรงผลักดันให้ผมต้องกลายมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ทั้งๆที่ใจนั้นบ้าไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นชีวิตจิตใจ มาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม  เมื่อวานผมก็ได้เรียนให้ท่านได้ทราบว่า ผมภูมิใจ ที่ได้ทั้งภาษาและวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี จนสามารถนำมาบูรณาการ ประยุกต์ สร้างสรรค์งานในหน้าที่ และช่วยเหลือผู้คนได้อย่างน่าพอใจ ก่อนกลับท่านเลยฝากโทรศัพท์แบบ Cordless Phone ยี่ห้อ Fujitel ที่ชำรุดให้ไปช่วยซ่อม 1 เครื่อง ก็รับมาด้วยความอิ่มใจที่จะได้ทำอะไรแม้เล็กๆน้อยๆ เพื่อช่วยเหลือท่านผู้มีพระคุณ อันเป็นความสุขรายวันที่ผมสามารถเก็บเกี่ยวได้ ง่ายๆและสม่ำเสมอ

     

    ผมกับคุณครูชอบ  นาคเมือง


    Positive Thinking ของดีที่ต้องใช้ให้เป็น

    3 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 6 มกราคม 2011 เวลา 6:03 (เย็น) ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, การศึกษา, ชีวิต #
    อ่าน: 1328

        ใครๆก็มักพูดถึงความคิดเชิงบวกหรือ Positive Thinking และมองว่า Negative Thinking นั้นเป็นสิ่งที่ไม่พึงมีพึงเป็น ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะใครเล่าจะชอบการถูกตำหนิ แต่ก็พึงระวังว่า Positive จนเกินพอดีก็มีผลเสียได้เหมือนกัน อาจทำให้คนที่เราหวังดีไม่มีโอกาสเห็นความจริงในตน หรือกว่าจะเห็นหรือรู้สึกได้ก็สายเสียแล้ว .. เพราะมัวแต่โอ๋หรือถนอมน้ำใจกัน

        Positive Thinking สุนทรียสนทนา หรือการหยิบความสำเร็จแม้เพียงเล็กน้อยของผู้คนมาชื่นชม มาให้กำลังใจกัน เป็นสิ่งที่ผมชื่นชมเช่นที่หลายๆคนชื่นชอบ และก็ใช้สำเร็จมาหลายครั้งแล้วทั้งในระดับห้องเรียน และการทำงานโครงการใหญ่ๆดูแลงานวิจัยกว่า 30 โครงการ จึงขอยกมือให้ทุกท่านที่สนับสนุนเรื่องแนวนี้

        การตำหนิติเตียนมันบั่นทอนกำลังใจ ไม่มีใครชอบ ไม่มีใครต้องการได้รับ แต่จากประสบการณ์อีกมุมหนึ่ง ในกลุ่มเพื่อนฝูงที่รู้ใจ และครูบาอาจารย์ที่เราเคารพบูชา เราใช้หมัดตรง หรือของแข็ง กันมากเหมือนกันและได้ผลดีมากเสียด้วย เช่นท่านอาจารย์ถามว่า ทำไมคุณโง่อย่างนั้น? .. เป็นอาจารย์เขา ทำได้แค่นั้นหรือ ? ฯลฯ

        สรุปแล้วของแต่ละอย่างคงต้องเลือกให้เหมาะกับคนและสถานการณ์ .. ดีสำหรับคนหนึ่งอาจเลวร้ายสำหรับอีกคนหนึ่งได้เสมอ .. สรุปอีกทีก็คือจง ระวัง ระวัง และ ระวัง

         ถ้าผมกำลังจะตกหลุมลึกโดยไม่รู้ตัวและมีใครสักคนกระโดดถีบจนผมล้มลงและรอดพ้นจากการตกหลุม ผมจะขอบคุณการถีบของเขาอย่างจริงใจ ผมไม่ต้องการให้ใครมาปลอบโยน ให้กำลังใจในภาวะวิกฤติเช่นนั้น .. ในที่สุด คิดบวก หรือ คิดลบ ไม่มีทางสู้ “คิดเห็นตามที่เป็นจริง” ได้หรอก ผมเชื่อเช่นนี้


    ตัวผมนี่หรือ มีทั้งความดื้อ และความประมาท

    1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 19 ธันวาคม 2010 เวลา 11:10 (เย็น) ในหมวดหมู่ ชีวิต #
    อ่าน: 1246

       ความประมาท มักเกิดจาก ความเชื่อมั่น ที่มากเกินไป เช่น ผมเรียนค่อนข้างดี จบป.ตรี ก็คิดว่ายังไง สอบบรรจุเข้ารับราชการได้ Sure ! ตอนนั้นในใจนึกอยู่แต่ว่าจะ เลือกวิทยาลัยครูไหนดีนะ ? แล้วก็ไม่อ่านหนังสือสอบ  ผลออกมาคือ สอบได้ที่ 113  ปีนั้นสาขาวิชาของผมเขาบรรจุ ไม่กี่สิบคน และเรียกบรรจุรอบสองถึงที่ 110 มันส์ มั้ยล่ะ เจ้า ความประมาท !

        ผลที่ตามมาทำให้ผมต้องไปสอนอยู่ รร.เอกชนอยู่ค่อนปี อะไรๆก็ดีหมด แต่ผมก็  ดื้อ คือ มีเจตจำนง ที่จะทำ หรือ ไม่ทำ ตามที่ คนอื่น หรือ ตนเอง เคยคิดว่าควรทำ ในที่นี้คือการ ลาออกเสีย ทำตัวเองให้เป็นคนว่างงาน และเริ่มอ่านหนังสือเตรียมสอบบรรจุครั้งที่สองในปีถัดมา 

         บางวันไปนั่งอ่านระเบียบ กฎหมาย ใต้ร่มไม้ข้างหอพัก อยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมงก็ง่วง เลยเดินกลับจะไปนอน แต่แล้ว  เสียงพ่อ ก็ก้องเข้ามาในสำนึกอีกว่า   ” ปีนี้เอาให้ได้นะ ไปไหน ใครถาม พ่ออายเขาเสียแล้ว “  ก็เพื่อนซี้ผมที่ไปจากตำบลเดียวกัน  เรียนด้วยกันมาตลอด เขาสอบบรรจุได้ที่ 1 ในสาขาของเขาตั้งแต่ปีแรก ไม่ใช่ 1 สองตัว ตามด้วย 3 อย่างที่ผมได้   ผมจึง ดื้อ เดินกลับไปนั่งอ่านหนังสือต่อทันที
         ผลจากความ ดื้อ ทำให้ผมสอบบรรจุ ได้ที่ 2 จากผู้เข้าสอบจากทั่วประเทศ 842 คน และได้รับการบรรจุทำงานรับราชการต่อเนื่องมาจนลาออกจากราชการเมื่อไม่นานมานี้  

        ทำงานมาไม่กี่ปีหรอกครับ 30 ปี ฝ่าๆ เท่านั้นเอง ! ( ตายจริง ! ใครไม่รู้ต้องนึกว่าเราแก่แล้ว แน่เลย .. ขอปฏิเสธว่า ยังครับ … ยังแก่กว่านี้ได้อีกครับ )



    Main: 0.94798302650452 sec
    Sidebar: 0.099498987197876 sec