หรือว่า คะแนน คือ มารร้ายของการเรียนรู้
อ่าน: 1252ผมตื่นมาตีสามกว่าๆ กะว่าจะเข้าไปสำรวจ ดูแลงานขีดเขียนของนักศึกษาที่ไปสอนมาเมื่อสัปดาห์ก่อน และเข้าไปทักทาย บอกกล่าวเรื่องที่น่าจะเติมเต็มให้กัน ก่อนที่จะขับรถออกจากบ้านในระยะทางประมาณ 70 กม. เพื่อไปสอนนักศึกษาอีกกลุ่มหนึ่งในวันนี้ แต่แล้วก็มีอันให้ต้องสะดุดหยุดลง ไม่ได้ทำตามที่ตั้งใจเนื่องจากไปเจอบันทึกใน Blog ของนักศึกษาท่านหนึ่งซึ่ง มีอาชีพเป็นครู และเรียนจบจากสถาบันชื่อดังจาก กทม.เสียด้วย เขากระทำการอันกระทบกระเทือนจิตใจผมค่อนข้างมากทีเดียวครับ ที่รู้สึกมากกว่าปกตินั้นเพราะเขาไม่ใช่นักศึกษาธรรมดา แต่เป็น ครู ที่มาเรียนต่อในหลักสูตร ป.บัณฑิตวิชาชีพครู ครับ
ผมไม่มีเจตนาร้ายต่อตัวลูกศิษย์ มีความรัก เมตตา ปรารถนาดีให้เต็มเปี่ยมเสมอครับ ไม่เช่นนั้นคงไม่ทรมานสังขารตัวเองขับรถและเดินทางไกลๆไปสอนทั้งที่สุราษฎร์ ชุมพร และกระบี่โดยไม่เคยถามถึงค่าตอบแทนหรอกครับ
สิ่งที่จะบอกกล่าวในบันทึกนี้ที่จะว่ากันต่อไปนั้น ผมทำไปด้วยเจตนา ชี้ทางสว่าง หรืออีกนัยหนึ่งคือการพยายามดึงคนที่ผมรักออกมาเสียให้ไกลๆจากปากเหวแห่งความเสื่อมเท่านั้นครับ จึงจะไม่อ้างอิงชื่อบุคคล หรือนำเสนอสาระละเอียดของสิ่งที่พบ แม้จะบันทึกหลักฐานทั้งหมดไว้แล้วก็ตาม เพราะเราอยากสร้าง ไม่ได้อยากทำลายครับ
ทุกตัวอักษรในบันทึกที่ผมพบ เมื่อตรวจสอบดูแล้วปรากฏว่า เป็นการไป Copy เอาสิ่งที่บุคคลอื่นเขียนแสดงความรู้และประสบการณ์ไว้ใน Web board แห่งหนึ่งครับ โดยเอามาลงเสมือนว่าเป็นเรื่องของตัวเอง และไม่มีการอ้างอิงใดๆ และเมื่อติดตามต่อไปก็ได้พบอาการเดียวกันอีกในบันทึกอื่นของเขา ที่ผมผิดหวังก็เพราะเราได้ใช้เวลาพูดคุยกันไม่น้อยถึงสิ่งพึงปฏิบัติ และละเว้น ใน “การประยุกต์ใช้ ICT เพื่อสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ และจัดการความรู้” ตามหัวข้อที่ผมเสนอไว้ ผมได้ชี้เหตุแห่งความเจริญและความเสื่อมไว้อย่างชัดเจน แต่แล้วมันก็ยังไม่มีพลังพอที่จะเอาชนะอะไรบางอย่างได้
อะไรบางอย่างได้แก่อะไรบ้าง ผมมานึกๆดูแล้วน่าจะมีหลายรายการ
- ความมักง่าย อยากได้รับผล แต่ไม่อยากออกแรงสร้างเหตุเพื่อผลอันนั้น จึงหาทางลัด และกลโกงเท่าที่จะทำได้เพื่อให้เกิดความสำเร็จ
- ความเคยชินกับความสำเร็จปลอมๆ ที่ระบบการศึกษามอบให้ อันนี้หมายถึงระบบการประเมินที่หละหลวม ที่ทำให้คนลอกเก่ง เลียนเก่ง Copy เก่ง กลายเป็นคนได้เกรดดีๆ แถมมีเกียรตินิยมมาอวดชาวบ้านได้อีกด้วย
- การหลงผิดคิดว่าคะแนนคือเป้าหมายสูงสุดของการเรียน ข้อนี้นับว่าเป็นโรคร้ายที่ไม่ค่อยเห็นใครคิดเยียวยารักษา
จากสิ่งที่พบทำให้ผมรู้สึกว่าจะต้องปรับปรุงคำบอกกล่าวที่ไปทักทายนักศึกษาในบันทึกแรกๆของพวกเขาเสียแล้ว และผมก็ได้ปรุงขึ้นมาชุดหนึ่งดังนี้
”
สวัสดีครับ
■ มายินดีต้อนรับสู่โลกแห่งการเรียนรู้ นามย่อว่า G2K ครับ
■ พื้นที่ตรงนี้จะมีพลัง บันดาลอะไรได้มากมาย หากเราตั้งใจและใช้มันอย่างถูกต้อง ไม่เชื่อให้ลองติดตามอ่านเรื่องที่ชอบ ตามแนวทางที่สนใจของใครต่อใครดูได้ครับ
■ การไปทักทาย ต่อยอดความรู้ความคิดกับ “ญาติๆ” เหล่านั้นด้วย มิตรภาพอยู่สม่ำเสมอ ก็จะยิ่งทำให้เครือข่ายเหนียวแน่นและขยายวงกว้างยิ่งขึ้น
■ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ก็จะยิ่งขยายวงกว้างออกไปไม่สิ้นสุดครับ
■ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความสุจริต ความจริงใจและให้เกียรติผู้อื่น เช่นมีการอ้างอิงเสมอเมื่อนำข้อมูลจากแหล่งใดมาเผยแพร่
■ เราต้องจะไม่ “ชุบมือเปิบ” เช่นไปยกข้อความอันเป็นความคิดเห็นหรือข้อเขียนของผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นอันขาด เพราะตัวอย่างของความเสื่อมเพราะเรื่องแบบนี้มีมาหลายรายแล้วครับ
■ พึงระลึกไว้เสมอว่า ในโลกอินเตอร์เน็ต เก็บความลับได้ยากครับ ”
เมื่อพูดถึงเรื่องคะแนน ผมรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา มาถามว่าทำอย่างไรถึงจะได้คะแนนดีๆ และบ่อยครั้งมากที่เห็นเขากุลีกุจอกันทำงานเพื่อส่งอาจารย์แบบทุ่มเทกำลังกายใจและทุนทรัพย์ชนิดไม่อั้น เพียงเพื่อ เข็นอะไรบางอย่างที่จะต้องดูดี เข้าตากรรมการ และให้เสร็จทันเวลาที่กำหนด แล้วความสุขสูงสุดก็คือการได้รู้ว่าได้คะแนนมากๆหรือ ได้เกรดดีๆ .. ส่วนได้เรียนรู้อะไร มีประโยชน์ มีคุณค่าต่อชีวิตอย่างไรนั้น มักไม่มีใครถามถึง เพราะได้ถึงเป้าหมายสูงสุดของการเรียนไปแล้ว คือ คะแนน หรือ เกรด นั่นเอง
ช่วยกันหน่อยเถอะครับ คนละไม้คนละมือ อย่าให้ “คะแนน” ต้องกลายเป็น “มารร้ายของการเรียนรู้” เลย สักวันหนึ่งเราอาจช่วยให้นักศึกษาเขาปลดแอกอันหนักอึ้ง และสร้างทุกข์มาให้เขายาวนานได้เสียที เขาจะได้เรียนเพื่อเข้าถึงความรู้และจัดการอย่างเหมาะสมจนเป็นความรู้ที่สามารถใช้แก้ปัญหาในชีวิตและการงานได้ ไม่ใช่ไล่คว้าความว่างเปล่าแห่งตัวเลขคือคะแนนอย่างเช่นที่เป็นมา
« « Prev : โฆษณาชวนเชื่อที่ไม่น่าให้อภัย
Next : จะทำอย่างไรกับชีวิตที่เหลืออยู่ » »
3 ความคิดเห็น
อ่านด้วยความเข้าใจค่ะ เพราะเป็นเช่นนั้นกันมากมายไม่เฉพาะนักศึกษา
คะแนนเป็นสิ่งที่ดี แต่คนบ้าคะแนน อยากได้คะแนนโดยไม่ลงทุน ทำให้คะแนนเป็นของโหล
คนได้ไปก็ได้แต่คะแนนโหลๆ อาจารย์จะต้องบริหารคะแนนไม่ให้เป็นของโหล ทำได้ปล่าว!
นักศึกษาโหล อาจารย์โหล ทำให้การศึกษาโหล
ไอ่ที่ลอกเก่งๆส่งมาสวนป่า จะถี-เข้ากอไผ่
ผมคิดว่าคะแนนเป็นเพียงเครื่องมือครับ แล้วแต่ว่าใช้วัดอะไรด้วย
การวัดประสิทธิผลของการศึกษา คงมีวิธีอื่นอีก แต่ว่าโดยมากแล้ว ใช้คะแนนสะดวกดี ทั้งสำหรับคนวัดและคนถูกวัด