เราทุกคนคือคนพิเศษ
เราเกิดมาด้วยภารกิจหนึ่งที่ได้กำหนดไว้แล้ว
ไม่มีใครที่เกิดมาโดยไร้ความหมาย
เพียงเราค้นพบ “ความหมาย” นั้นก็พอ
คาริล ยิบราล
////
คุยกับเจ้าหลานสาวตัวน้อย…
เธอเป็นสาวน้อยวัย 9 ปีเศษ เป็นลูกคนกลางในบรรดาสามใบเถา ธรรมชาตินิสัยของเด็กแต่ละคนย่อมแตกต่างไม่ซ้ำกันเลย เธอเป็นสาวเดียวในสามคนที่ถูกผู้ใหญ่ให้สมญานามว่า “เจ้าหนูจาไม” เพราะตั้งคำถามกับทุกเรื่องราวที่ประสบ จนบางครั้งคนรอบตัวเธอเกิดปัญหากับการตั้งคำถามของเธอ
เมื่อวานนี้…
เธอวิวาทะกับพี่สาวซึ่งกำลังเข้าสู่วัยรุ่น มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ต้องการให้น้องสาวมาวุ่นวายด้วย เธอพาลโกรธน้องสาวของเธอที่มาเซ้าซี้ให้เล่นด้วย ไม่พูดไม่จา ไม่ยอมทานข้าวกลางวัน คุณตาคุณยาย พ่อแม่ เดือดเนื้อร้อนใจ จึงส่งคุณยายน้อย(น้องสาวคุณยาย)ไปคุยกับเธอ เลยตกที่นั่งทูตสันถวไมตรี
เข้าไปหาที่ “มุมส่วนตัว” ซึ่งเธอประกาศเป็นอาณาจักรส่วนตัว ห้ามใครเข้าไปใกล้ นั่งหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว เลยยกพิซซ่าชิ้นโต (ของโปรดของเธอแหละ) ใส่จานเข้าไปขอนั่งคุยด้วย
คุณยายน้อย: ขอนั่งด้วยได้ไหมจ้ะ
สาวน้อย: ไม่ได้…นี่ที่ของหนู ห้ามใครเข้า… เสียงเขียวเชียว
คุณยายน้อย: อ้าวเหรอ งั้นนั่งข้าง ๆ ก็ได้ ขอนั่งหน่อยนะ กำลังหิวเลย พิซซ่า นี่อร่อย ๆ กินไหมแบ่งให้
สาวน้อย: ไม่กิน…หนูไม่หิวสักหน่อย
คุณยายน้อย: ไม่หิวเหรอ ตามใจ หิวเมื่อไหร่บอกนะ มีอีกเยอะ
สาวน้อย: หน้าบึ้ง แอบกลืนน้ำลายด้วย…ฮา ๆ (จะบ่ายสองโมงแล้วนี่ ไม่หิวได้ไงกัน)
คุณยายน้อย: เออ…ไอ้นี่เขาเรียกอะไรน่ะ ชี้ให้ดูส่วนประกอบบางอย่างของพิซซ่าที่กินอยู่
สาวน้อย: พริกหยวกไง… ปลายเสียงยังสะบัด ๆ
คุณยายน้อย: อ้อ พริกหยวกเหรอ ไม่กินละ เดี๋ยวเผ็ด ๆ
สาวน้อย: เฮ้อ…พริกหยวกน่ะ ไม่เผ็ดสักหน่อย เสียงลอยมารำคาญ ๆ คุณยายน้อยนี่ช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
คุณยายน้อย: อ้าวไม่เผ็ดเหรอ แหมเพิ่งรู้นะนี่ … ทำทีเป็นกินต่อไป คอยชายตามองปฏิกิริยาของสาวน้อยไปด้วย บ่นลอย ๆ อีกว่า กินไม่ไหวแล้ว อิ่มจัง วันนี้พิซซ่าไม่อร่อยเลย แกล้งบ่น ๆ
สาวน้อย: อิ่มแล้วก็บอกว่าไม่อร่อยน่ะสิ เสียงค่อน
คุณยายน้อย: งั้นมั้ง… เหลือเยอะเลย กินไหม … ไม่บอกใครหรอก…ยื่นเข้าไปให้ทั้งจาน
หลังจากทำทีท่าลังเลสักครู่ แต่ทนการคะยั้นคะยอไม่ไหว สาวน้อยก็รับจานพิซซ่าไปอย่างเสียไม่ได้ คุณยายน้อยก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ทำทีไม่สนใจกับการทานอย่างหิวโหยนั้น พอท้องอิ่มอารมณ์เริ่มดีขึ้น หันมายิ้มหวานให้…เลยคุยต่อ ถามว่าเพราะอะไรจึงไม่ยอมทานข้าวเที่ยงกับคนอื่น ๆ เธอพรั่งพรูความรู้สึก แม่สนใจแต่น้องเล็ก พ่อเอาใจใส่แต่พี่สาว คนอื่น ๆ ในครอบครัวก็ตื่นเต้นกับพี่สาวและน้องสาวเธอ ไม่ค่อยมีใครสนใจเธอ …..ฯลฯ
เข้าตำรา เด็กมีปัญหา “ลูกคนกลาง” เลยแฮะ…เสียงในหัวพิพากษาทันที แต่ช้าก่อน… รอสักหน่อย ฟังสาวน้อยไปเรื่อย ๆ ก่อน… เธอพูดยาวเกินกว่าที่คิดว่าเด็กขนาดนี้จะพูดได้ ท้าย ๆ เธอเริ่มมีน้ำตาด้วยความคับข้องใจ สังเกตดูก็ไม่มีใครในบ้านที่ยกพี่สาวและน้องสาวมาเปรียบเทียบกับเธอแต่เธอรู้สึกเอง ด้วยความเป็นเด็กที่มีความรู้สึกไวกว่าเด็กในวัยเดียวกัน พยักหน้าฟังไปเรื่อย ๆ ไม่พูดไม่ขัดใจ ยิ้มบ้าง จับหัวเธอบ้างเพื่อให้กำลังใจเธอ…
ท้ายที่สุด…ทั้งคนพูดและคนฟังก็หลับเค้เก้อยู่ในอาณาจักรส่วนตัวของสาวน้อยนั่นเอง
เรื่องมาจบลงที่ว่า… กินอิ่มมากตอนบ่าย ๆ ก็เริ่มง่วง คุยไปคุยมาเลยเคลิ้มหลับไป แต่ต้องตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจจากเสียงร้องว่า… ดูสิ หลับกันทั้งคู่เลย ทำอะไรกันน่ะ เออนะให้มาคุยกับหลาน แต่ดันมาชวนกันนอนหลับอุตุ…ยังไงนี่…
โธ่เอ้ย…เรื่องแค่นี้เอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรสักหน่อย ผู้ใหญ่มักโวยวายบ่นว่าตัดสินพฤติกรรมของเด็ก ๆ ว่ามีปัญหา ต้องแก้ไข … บางเรื่องบางราวอาจเป็นแค่กระบวนการหนึ่งที่เด็ก ๆ กำลังปรับตัว กำลังค้นหาความหมายในชีวิตของเขาก็เป็นได้ เวลาผ่านไป…ก็แค่นั้น ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้นี่นา
////
หันไปพยักเพยิดแล้วชวนสาวน้อยว่า ไปเล่นโยคะกันดีกว่าเนอะ กินพิซซ่าเข้าไปซะพุงกางเลย เดี๋ยวอ้วนแย่…แล้วค่อยกลับมาช่วยกันวาดรูปประกอบข้อความที่ยื่นให้เธอช่วยอ่านให้ฟัง ของคาริล ยิบราลที่ว่า
“เราทุกคนคือคนพิเศษ
เราเกิดมาด้วยภารกิจหนึ่งที่ได้กำหนดไว้แล้ว
ไม่มีใครที่เกิดมาโดยไร้ความหมาย
เพียงเราค้นพบ “ความหมาย” นั้นก็พอ”
////
สาวน้อยยิ้มแป้นตอบรับอย่างกระตือรือร้น เพราะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการวาดภาพและระบายสีอยู่แล้ว แต่ไม่วายหันมาถามว่า…
…แล้วเราจะค้นพบ “ความหมาย” ได้ไงคะ…
////
คุณยายน้อยยิ้มตอบ ชักเข้าเค้าแล้วแฮะ…
ตอบเธอไปว่า…ไม่รู้เหมือนกัน…แต่เรามาช่วยกันค้นหาก็แล้วกันนะจ้ะ…
////
อย่างน้อยเธอก็คงอบอุ่นใจที่มีคนเคียงข้างเธอบ้างล่ะน่า