ธรรมชาติแสดงสัจธรรม
ระยะนี้ ต้นมะลิ ที่พี่สาวเพียรทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยง แข่งกันออกดอกเสียเต็มต้นเอาใจเจ้าของ … สร้างความสุขและชื่นชมให้กับพี่สาวผู้บำรุงเลี้ยง ด้วยการเก็บ “น้ำซาวข้าว” ไว้รดต้นมะลิทุกวัน
ทุกเช้า พี่ก็จะเก็บ ๆ แล้วไปปักแจกันถวายพระ ไว้ที่โต๊ะทั้งในห้องนอน โต๊ะในบ้าน … จนมีกลิ่นอบอวลไปทั่วบริเวณ
เย็นวันหนึ่ง พี่สาวบ่นว่า ดูสิบานหอมอยู่วันเดียว ก็ไม่หอมแล้ว… สีหน้าและน้ำเสียงที่เคยเปี่ยมสุขตอนเก็บดอกบานมาใส่แจกัน หุบลงอย่างผิดหวัง
ฟังแล้วยิ้ม… โห พี่สาวเราจะให้ดอกมะลิบานตลอดกาลนานไม่โรยราเลยหรือ จะเป็นไปได้อย่างไรกันล่ะ
คิดไปยิ้มไป เกิดแล้ว ก็ตั้งอยู่ชั่วครู่หนี่ง และในที่สุดก็ต้อง ดับไปตามเหตุปัจจัย มิใช่หรือ? อะไรจะคงทนอยู่ตลอดไปเล่า
หลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง กล่าวไว้ในเรื่อง “สองหน้าของสัจธรรม” ว่า…
“คนเราไม่รู้จักคิดย้อนหน้าย้อนหลัง เห็นแต่หน้าเดียวไปเลย จึงไม่จบสักที ทุกอย่างมันก็ต้องมีสองหน้า มีความสุขเกิดขึ้นมาก็อย่าลืมทุกข์ ทุกข์เกิดขึ้นมาก็อย่าลืมสุข มันเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน”
ธรรมชาติสอนใจ แสดงสัจธรรมให้เราประจักษ์อยู่ทุกวี่วัน…
วันนี้ดอกมะลิที่เคยบานส่งกลิ่นหอมอบอวลกลับแห้งหายหอม วันพรุ่งนี้ก็จะมีดอกใหม่บานขึ้นมาอีก แทนดอกเก่าที่โรยราไปเสมอ
Next : เจ็บปวด » »
4 ความคิดเห็น
ดอกมะลิสวยมากเลย… ชอบมุมมองของบันทึกจังเห็นสัจจะในทุกแห่ง ^ ^
ดอกไม้ก่อนจะบานต้นต้องมีการเตรียมตัว เรามักเห็นแต่ผลลัพธ์โดยไม่ค่อยนึกย้อนว่ากว่าจะมีวันนี้ ควรมีความพร้อมอะไรบ้างเนาะ
ขอบคุณที่เข้ามาเป็นสมาชิกของลานฯ และเขียนบันทึกน่ารัก ๆ ให้ได้อ่านนะคะ
ชอบดอกมะลิมากเช่นกันค่ะ
มะลิชอบน้ำซาวข้าว ชอบน้ำชุ่ม ๆ และชอบแดดจัด ๆ พี่บอกว่าต้องคอยริดใบแก่ทิ้งด้วยยิ่งดีค่ะ ที่บ้านจะมีดอกมะลิบานทุกวัน ไม่เคยขาดเลยแม้แต่วันเดียว
ปัจจุบ้นเราถูกโลกที่อยู่ในกระแส เร่งรีบ เร่งรุด เรามักสนใจแต่ “ผลลัพธ์” ส่วน “กระบวนการ” นั้น เราไม่ค่อยใส่ใจ เช่นเดียวกันกับระบบการศึกษา เด็กนักเรียนม.ปลายต้องเร่งไปเรียนกวดวิชา ติวเพื่อเก็งข้อสอบ การเรียนในห้องเรียนไม่จำเป็น ทำอย่างไรก็ได้ให้ทำ “คะแนน” ได้มาก ๆ ส่วน “ความรู้” เรากลับไม่เคยสนใจ…
เห็นบันทึกนี่ตั้งแต่บ้านโน้นแล้ว
ทำให้คิดถึงพ่อ
เมื่อก่อนที่บ้านปลูกมะลิซ้อน กลิ่นหอมมากมาย
เอาไปไหว้พระ ไว้ในห้อง หอมชื่นใจ
พ่อทำงานบริบัทชาระมิงค์ ต้องเอามะลิมาอบใบชา ที่บ้านจึงมีทั้งมะลิสด และมะลิที่สะกัดเป็นหัวน้ำหอม
วันที่พ่อเสีย เย็นนั้นกลิ่นมะลิโชยมา หลาย ๆ คนตกใจกระจิดกระเจิงหมด
ได้กลิ่นมะลินี่ทำเอาพี่เป็นโรคประสาทไปหลายปี เพราะได้กลิ่นจากไหน ก็ทำให้เราคิดถึงแต่พ่อตลอด
ใครเอากลิ่นมะลิมาใกล้ ๆ จะไม่ชอบมาก ๆ ๆ ๆ ๆ
แต่เดี๋ยวนี้โอเคทุกประการแล้วค่ะ
มะลิ…จึงสอนให้เราเรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกของความจริง (อย่างทรนงด้วย) อิอิอิ
(จำได้ว่า ถึงเวลา เราจะเด็ดใบมะลิออกจากต้นเกือบหมด เพื่อให้เหลือแต่กิ่งพร้อมที่จะผลิดอกออกใบใหม่ ตอนที่เราเด็ดมันจนโล้น ก็กล้า ๆ กลัว ๆ ว่ามันจะไม่ออก แต่สุดท้ายออกทั้งดอก ทั้งใบสวยงาม แต่…จำไม่ได้ว่าต้องเด็ดเมื่อใด แคว๊ก ๆ ๆ ๆ)
พี่ที่รัก sompornp
ของบางอย่าง คำพูดบางคำ ต้นไม้ใบไม้ ทำให้เราระลึกถึงคนหรือเรื่องราวที่ประทับใจ
เห็นของบางอย่างคิดถึงบางคน ได้ยินบางคำพูด ทำให้คิดถึงบางเรื่องที่ผ่านมา
น้องมาเว็บนี้ เพราะตามอ่านมาระยะหนึ่งแล้ว ชอบบรรยากาศของที่นี่ และตั้งใจอยากจะเขียนมากกว่าต้องคอยตอบคอมเม้นท์ตามมรรยาทสังคม เพราะบางทีการทักทาย หรือตอบและไปคอมเม้นท์ก็เพราะเป็นเรื่องของความคุ้นเคยกัน เคยทักทายต้องทักทายกัน บางครั้งก็เป็นภาระ ต้องใช้เวลามากเกินไป
ส่วนเรื่องการปลูกมะลิให้ออกดอกมาก ๆ นี้ เป็นการค้นพบโดยบังเอิญ คนทำงานบ้านเขาจะซักผ้าเช็ดมือ ผ้าคลุมฝุ่น และถงเท้าทุกวัน และบริเวณที่เขาเทน้ำลงไปมีต้นมะลิ และต้นนั้นมีดอกดกมากตลอดปี เราจึงรู้ว่ามะลิชอบน้ำ และชอบแดดจัด ๆ และที่ชอบเป็นพิเศษคือ “น้ำซาวข้าว” (หายากแล้วในปัจจุบัน) ค่ะ
ขอบคุณที่มาทักทายน้องค่ะ