พิธีสวดภาณยักษ์
อ่าน: 4372อาทิตย์ที่แล้วได้มีโอกาสไปเป็นเจ้าภาพถวายน้ำปานะในโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนที่วัดในตัวอำเภอ เหลือบไปเห็นป้ายประชาสัมพันธ์ เชิญชวนเข้าร่วมพิธีสวดภาณยักษ์ เป็นการไล่เคราะห์ เสนียดจัญไร คุณไสย สารพัดสรรพคุณ โห ดีขนาดนี้ต้องเดินไปอ่านซ้ำใกล้ ๆ แอบคิดในใจพระท่านทำอย่างนี้เป็นอาบัติหรือเปล่านะ เมื่อถึงวันทำพิธีดิฉันก็คว้าจิ๊บดำคู่ใจ เข้าร่วมพิธีด้วย ไม่ใช่อยากสะเดาะห์เคราะห์อะไรหรอกค่ะ แต่เพราะแม่ มารดาบังเกิดเกล้า อยากเข้าร่วม ดิฉันก็ต้องเข้าร่วมด้วย แม่มีเหตุผลมากมายที่คนเป็นลูกห้ามมีเหตุผลโต้เถียง และอีกเหตุผลอีกอย่างที่คนหัวแข็งอย่างดิฉันเข้าร่วมพิธีกรรมนี้ เนื่องจากอยากรู้ อยากเห็นค่ะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นสักที ทันทีที่เข้ามาในวัด โอ้โห คนแน่นขนัด ศาลาที่ว่าใหญ่ ยังดูคับแคบไปถนัดตา ในบริเวณพิธีมีด้ายสายสินญ์ห้อยลงมาเพื่อเอาคล้องที่หัวคนเข้าร่วม คน
ที่เข้าร่วมพิธีต้องนั่งให้ตรงกับด้าย คนในศาลาวัดเต็ม ล้นทะลักออกมาข้างนอกเต๊นท์เต็มไปหมด ก่อนเข้าในศาลา ทางวัดจะให้บูชาผ้าขาว ดอกไม้ ธูปเทียน ในราคาทีี่แตกต่างกัน ตามกำลังวันเกิด สะเดาะห์เคราะห์ให้รถก็อีกราคาหนึ่ง วันนั้นคนเกือบสองพันคน รถยนต์เต็มวัด คิดว่าน่าจะได้เงินจากพิธีนี้มากพอสมควร กว่าจะได้เริ่มพิธีสวดก็เกือบ 2 ทุ่ม ขั้นแรกในการสวด พระท่านจะสวดมนต์บทชัยมงคลคาถา ดิฉันนั่งฟังบทสวดแล้วดูจิตตนเองไปเรื่อย ๆ รู้สึกว่าสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน เป็นสุขได้ท่ามกลางฝูงชนห้อมล้อมมากมาย แต่พอขึ้นบทสวดภาณยักษ์ ปรากฏว่าเสียงที่สวดเป็นเสียงดังสูง ๆ ต่ำ ๆ คล้าย ๆ ปลุกเร้า ในใจรู้สึกหงุดหงิดขึ้นโดยฉับพลัน ใจเต้นตึก ๆ ชักเริ่มกลัว ในขณะที่สวดบทภาณยักษ์ไป จะมีพระสงฆ์นั่งอยู่มุมศาลา 4 มุมเพื่อพรมน้ำมนต์ ไปเป็นระยะ สวดไปสักพัก เด็กผู้ชายที่นั่งด้านหลังศาลาเกิดอาการทำท่าแปลก ๆ วิ่งกระทืบเท้า วิ่งฝ่าฝูงชนที่นั่งออกมา เหยียบคนนั่งร่วมพิธีไปหลายราย เพราะคนแออัดกันมาก ดิฉันรีบจับกล้องขึ้นมาถ่ายภาพทันที
กลุ่มผู้ชายที่ช่วยในงานพิธีหลายคนรีบเข้ามาช่วยจับ แล้วพระท่านก็เดินมาพรมน้ำมนต์ ประพรมจนเกือบอาบก็ว่าได้ แล้วเจ้าตัวคนนั้นก็ลุกขึ้นท่าทางเหมือนคนพึ่งฟื้น แล้วก็ไปนั่งที่เดิม ทำพิธีต่อ ไม่นานนักก็มีรายอื่น ๆ ทำท่าทางเพี้ยน ๆ ขึ้นอีกหลายราย
บางรายส่งเสียงกรี๊ด ๆ บางรายสั่นเทิ้มเหมือนเจ้าหรือผีเข้า ดิฉันได้รับคำอธิบายว่า คนที่มีอาการแปลก ๆ เพราะว่าเค้าอาจจะถูกคุณไสย หรือบางรายไปเรียนคุณไสย หรือสักยันต์ คนสุรินทร์เรียกว่า พวกเล่นของ พวกเรียนวิชา ก็เลยทำให้มีอาการต่าง ๆ
ในขณะที่วิ่งถ่ายรูปหลายราย ดิฉันได้กลิ่นเหล้า แต่บอกแหล่งไม่ได้ กลับจากงานพิธี ก็เลยได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม วิทยาศาสตร์อธิบายว่า เหตุที่เกิดอาการแปลก ๆ เพราะเป็นอุปาทานหมู่ งานนี้ใครต้มใครไม่รู้แน่ แต่ที่รู้ ๆ วัดได้เงินเข้าเยอะมาก สามเณรน้อยจะมีค่าภัตตาหาร ค่าน้ำปานะ หรือวัดอาจจะสร้างห้องน้ำ หรือสร้างศาลาได้อีกสักหลัง
ดิฉันเคยชวนญาติ เพื่อนร่วมงาน มาช่วยถวายภัตตาหาร น้ำปานะ ปฏิบัติธรรม ชวนยากเหลือเกิน จนหลายครั้งท้อใจ ขึ้นสวรรค์คนเดียวก็ได้(วะ) แต่ครั้นวัดจัดงานแบบนี้ขึ้น แทบไม่ต้องชวนคนเข้าวัด คนและเงินไหลเข้าวัดง่ายเหลือเกิน ดิฉันเริ่มเข้าใจพระมากขึ้น วิธีการชวนคนเข้าวัดมีหลายวิธี นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่เหมาะกับคนอีกกลุ่มหนึ่งในพุทธศาสนา
สาธุ ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
6 ความคิดเห็น
เส้นแบ่งระหว่างศรัทธากับงมงายมันบางมาก….โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม อิอิ
วัดอะไร อยู่ตรงไหนครับ
หากผมเข้าร่วมผมคงดิ้นพลาดๆด้วย
เพราะมีของ รับมาจากพ่ออุ้ยที่สะเมิง..
โทนเสียงน่าจะมีผลต่อการรับรู้ของคนค่ะ
เสียงแหลมจะเป็นเสียงที่รบกวนประสาทและหากฟังนานๆ เกิดความเครียดก็จะแสดงออกได้ตามวิธีของแต่ละคน
นี่ก็ว่าไปตามหลักการค่ะ…แต่ถ้าเป็นเรื่องของจิตวิญญาณแล้ว…ไม่ทราบเหมือนกัน…
อย่างไงก็เชื่อในพระรัตนตรัยมากกว่าค่ะ