เก็บตกจากวัดป่า

7 ความคิดเห็น โดย aphsara เมื่อ 20 พฤษภาคม 2011 เวลา 11:20 (เช้า) ในหมวดหมู่ อยากเล่า #
อ่าน: 3094

ทุกช่วงของการปิดเทอม ไม่ว่าจะปิดเทอมระยะยาวช่วงเมษายน หรือว่าระยะสั้น  ดิฉันมักจะหาโอกาสแว้บไปบวชชีที่วัดทุก ๆ ปี    และปีนี้ก็เช่นกัน  ดิฉันเก็บกระเป๋าแต่งชุดขาวไปบวชชีพราหม์ที่วัดเชิงพนมดิน  จังหวัดสุรินทร์ เป็นระยะเวลา 7 วัน

DSC06047 DSC06046

เนื่องจากเดินทางมาวัดตัวคนเดียว  เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ชุดขาวมาครบ ที่สำคัญ ดอกบัว ธูปเทียนสำหรับขอบวชมาเรียบร้อย   จึงเป็นเรื่องแปลกสำหรับแม่ชี   เพราะนานๆครั้งจะมีผู้หญิงอายุยังไม่เข้าขั้นวัยทอง  เตรียมตัวมาบวชพร้อมขนาดนี้  และครั้งนี้ก็ไม่พ้นกับคำถาม อกหักหรือเปล่าที่มาบวช

เนื่องจากเป็นวัดป่าบริบทโดยรอบ จึงน่าอยู่น่าอาศัยเป็นอย่างมาก  ต้นไม้  ดอกไม้ แข่งกันงามสะพรั่ง  เหล่านกกาส่งเสียงร้องโดยรอบ  อาคารใช้สอยกระทัดรัด   เหมาะสำหรับผู้การบำเพ็ญภาวนา  โดยเฉพาะอัธยาศัยไมตรีของแม่ชีทุก ๆ ท่าน  ดิฉันปลาบปลื้มใจทุกครั้งที่หวลระลึกถึง

DSC06049 DSC06052

หลังจากที่ขอบวชกับหลวงพี่เรียบร้อย   ดิฉันก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่  แม่ชี โดยทันที  กิจวัตรประจำวันเริ่มจาก

04.00  - 05.30   ทำวัตรเช้า  และนั่งสมาธิ

05.30  - 07.00   เช็ดถูปัดกวาดศาลา  กวาดโรงครัว  จัดเตรียมสำรับ( เหนื่อยมาก ๆ)

07.00  - 07.30   ฉันอาหาร

07.30 – 08.30   เก็บจานล้าง  ทำความสะอาดโรงอาหาร  บางวันจาน ชาม กองเป็นภูเขา

08.30 – 09.30   ทำภารกิจส่วนตัว  ซักเสื้อผ้า กวาดห้องพัก กวาดบริเวณโดยรอบ

09.30 -  11.00   เตรียมสำรับสำหรับเพล  วันไหนมีญาติโยมมาทำบุญเยอะ  ก็คอยต้อนรับ

11.00  – 11.30   ฉันเพล

11.30  -  12.30   ล้างจานและเก็บกวาดโรงครัว

12.30  -  14.00   ช่วยแม่ชีทำงานโดยทั่วไป  เช่น ปลูกต้นไม้  กวาดถู ศาลา

14.00 –   16.00   เป็นเวลาสำหรับภาวนาในห้องคนเดียว (ชอบมาก วันแรก ๆ หลับประจำ)

16.00 -   17.00   ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ

17.00  -  18.00  มานั่งภาวนาที่ห้องต่อ  บางวันก็กวาดใบไม้รอบ ๆ ที่พัก

18.00   -  19.00  เดินจงกรม และนั่งสมาธิ  รอบดึก พร้อม ๆ กัน

19.00 -   21.00  กลับมานั่งสมาธิ  หรือไม่ก็เดินจงกรม  บางวันเอาหนังสือธรรมะมานั่งอ่าน

21.00     เอนกายนอน พักผ่อนกายา

นี่คือกิจวัตรในแต่ละวัน   เนื่องจากดิฉันเคยเป็นลูกเทวดา  ตื่น 7 โมง มีอาหารตั้งอยู่บนโต๊ะ  รับประทานเสร็จแล้วไปทำงานได้เลย  เสื้อผ้าก็โยนลงเครื่องซัก งานหนัก ๆ ไม่เคยแตะต้อง   เมื่อต้องมาอยู่วัด  เหนื่อยแทบขาดใจ  มือจับไม้กวาด มันพองเป็นปุ่มด้าน ๆ ปวดข้อมือ   ปวดขา มันปวดจนขาสั่นไปหมด   ปวดที่เอวมันเหมือนจะขาดออกจากตัว  แต่ดิฉันไม่กล้าบ่น เพราะอาย  แม่ชีแทบทุกท่านอายุมากกันทั้งนั้น  ไม่เห็นท่านจะบ่นว่าเหนื่อย เห็นท่านทำไปยิ้มไป  เพราะหลายคนอายุมากดิฉันเห็นท่านทำงานหนักนึกสงสาร  เลยอาสาช่วยมันซะทุกเรื่อง  มันก็ยิ่งเหนื่อย  แต่ว่าได้คะแนนเอ็นดูทั้งแม่ชีทั้งพระ มาเกือบเต็ม 10

เมื่องานประจำหนัก  เวลาในการเรียนรู้วิปัสนาที่เป็นเป้าหมายในการเข้าวัดมันก็น้อยลง   แต่กลับรู้สึกว่าทุกครั้งที่นั่งสมาธิ  รู้สึกสบาย  ครั้นพอนั่งไปนาน ๆ เป็นชั่วโมง เริ่มรู้สึกปวดหรือที่เรียกว่ามีเวทนา  ดิฉันเคยอ่านหนังสือพบว่า ให้นำใจไปจดจ่อที่บริเวณที่ปวด ตรงไหนปวดมาก เพ่งมันไปที่นั่น สักพักมันจะหายไป  ดิฉันทดลองดูหลายครั้งมันก็หายปวดจริง ๆ แต่ทว่าพอตรงนี้หาย ตรงโน้นก็ปวด แถมปวดมากเสียด้วย  พอเอาใจไปจดจ่อที่นู่น ที่นู่นก็หาย  ที่โน้นก็ปวดขึ้นมาอีก  อ้าว ! ดูเหมือนว่ากำลังวิ่งไล่จับลม    มาปีนี้เริ่มเข้าใจ  ไม่รู้่ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า   ดิฉันเข้าใจว่า การปวดหรือเวทนามันเป็นธรรมชาติของร่างกาย  มันปวดได้มันก็หายได้  เหมือนคำว่า มีเกิดแล้วก็มีดับ   หากเราไปสนใจเวทนาก็เสียเวลาเปล่า  หลังจากวันนั้นดิฉันนั่งสมาธิได้นานขึ้นโดยที่อาการปวดก็ยังคงอยู่  แต่ไม่ได้ไปใส่ใจมัน   สบายมากขึ้น จนนึกสงสัยว่าตนเองหลับในสมาธิหรือเปล่า  กลับบ้านมาปฏิบัติต่อก็ยังรู้สึกสบาย บางวันเหนื่อยมาก ๆ  ทุกครั้งจะหลับทันที  กลับจากวัดเปลี่ยนนิสัยใหม่  เมื่อรู้สึกเหนื่อยนั่งขาขวาทับขาซ้าย  หลับตาลง พุธโธ สักชั่วโมง  ก็สามารถทำงานต่อไปปกติ โดยที่ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย  แอบหลับในสมาธิหรือเปล่าน๊า  ข้อสงสัยนี้ดิฉันจะต้องหาคำตอบต่อไป

แง่คิดที่ดิฉันเอาเก็บมาคิดและจำได้ตลอดจากวัดคือแม่ชีท่านหนึ่ง  ท่านจะเดินไปตลาดเพื่อซื้อของใช้เป็นประจำ    ระยะทางไปกลับ 8 กิโลเมตร  ยายชีแก่ ๆ เดินไปตามถนนที่แดดร้อน ๆ รถวิ่งกันขวักไขว่ไม่นั่งรถโดยสาร   ไม่โบกรถง้อผู้ใด  เดินไปเรื่อย ๆ ขากลับถือข้าวของพะรุงพะรังกลับมาจากตลาด  ดิฉันเห็นแล้วตกใจ  ถามท่าน ว่าทำไมไม่นั่งรถโดยสาร ท่านบอกขี้เกียจรอ  อีกอย่างท่านเดินจนชินแล้ว  ดิฉันเหลือบไปเห็นข้าวของในมือที่ถือมา  ถุงหูหิ้วน้ำหนักมากพอดู  ทำให้มีรอยแดง ๆ ในฝ่ามือ  ดิฉันแอบน้ำตาซึม   เหตุการณ์ครั้งนี้สะเทือนใจดิฉันอย่างแรง  กลับมานั่งคิด คิดแล้วคิดอีก  เดินไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันก็ถึง ทำไมจะต้องรอพึ่งคนอื่น   ใครจะจอดรถรับหรือไม่ ไม่สนใจ  ไม่อายที่จะเดิน ใช่แล้วดิฉันกำลังได้รับบทเรียน  เพราะตลอดชีวิตของการทำงาน  ต้องหวังพึ่งหรือสนใจเสียงรอบตัวเรื่อยมา  เหนื่อยหน่อยไม่มีทางยอมทำ  ทิ้งตั้งแต่คิดจะทำ   น่าอายแท้ ๆ ดิฉันอายแม่ชีแก่ ๆ ท่านนี้   หากคิดเหมือนแม่ชีสักนิด  ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็เสร็จ ใครจะช่วยหรือไม่ช่วย จะสนทำไม   ทำเรื่องดี ๆ ไม่เห็นต้องอาย     เข้าวัดครั้งนี้ดิฉันคุ้มเหนื่อยก็เพราะบทเรียน  บทนี้ค่ะ

Picture 210

Post to Twitter Tweet This Post



Main: 0.94575190544128 sec
Sidebar: 0.029690980911255 sec