คอนเสิร์ตหัวหมาก

4 ความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 10 กุมภาพันธ 2009 เวลา 23:19 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1639

สวัสดีครับ

       หายหน้าหายตากันไปนาน เนื่องจากพิษงานเข้า และพิษเน็ต ตอนนี้ใช้งานได้ปกติแล้วครับ  มีเรื่องราว หลาย อย่างที่อยากบันทึก

        บันทึกนี้ก็เป็นอีกอันทึกหนึ่งที่อยากบันทึกแต่ไม่ได้บันทึก

        คือ ได้มีโอกาสไปร่วมเล่นดนตรี ในงานคอนเสิร์ต กีฬา หัวหมากเกมส์ที่รามคำแหง โดย

วงเรา แนน พันธุ์ทิพย์ ได้ขึ้นเล่นประมาณ สามทุ่ม เล่นเพลงทั้งหมด 4 เพลง ไปดูภ่าพคอนเสิร์ตกันครับ

ขอหล่อก่อน อิอิ

บรรยากาศก่อนขึ้นคอนเสิร์ต

โห ถ่ายไกลมาก

เทห์จริงๆ อิอิ

ขอบคุณที่ให้กำลังใจครับ 


ชวนมาชื่นชมลุงเอก

13 ความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 2 กุมภาพันธ 2009 เวลา 19:34 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2726

สวัสดีครับ

       เมื่อวาน ครูโย่งกำลังสอนเด็ก ๆ อยู่ เผอิญมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ เหลือบไปหยิบมาดู รู้สึกคุ้นหน้ามาก ๆ ก็เลยไม่แน่ใจ ไปเปิดอ่าน ปรากฎว่า เป็นลุงเอก ของพวกเราชาวโกทูโนว์ นั่นเอง ครับเป็นหนังสือ ครอบครัวพอเพียง ฉบับเดือนธันวาคม

       พอได้เข้าไปอ่าบนทความของลุงเอก รู้สึกอบอุ่นในแนวคิดของลุงเอก อย่างหนึ่งในการเลี้ยงลูกคือ ลุงเอกบอกว่า ลูกไม่ต้องเรียนเก่ง แต่ต้องอยู่ในสังคมให้ได้ เรียนเก่งแล้วเห็นแก่ตัว เอาเปรียบคนอื่น พ่อไม่ต้องการ ลูกของลุงเอก เรียนไม่เก่ง แต่ทำงานและอยู่ร่วมกับสังคมได้ เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ลุงเอกบอกว่า ครอบครัวเอกน่ารักและอบอุ่นมาก อ่านแล้วรู้สึกดีมาก ๆ ครับ ขอบคุณลุงเอกมากครับ ผม

      

พลเอก เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า

 

ตั้งแต่ผมเกิดมาจำความได้ คุณพ่อของผมเป็นทหาร เป็นทหารอากาศ เป็นทหารการเงิน เป็นตัวอย่างในชีวิตของผม เพราะท่านเป็นคนตรงมาก เรื่องระเบียบวินัย ความเคร่งครัด ผมได้รับการสอนจากคุณพ่อเป็นอย่างดี คุณแม่ผมเป็นแม่ค้าขายของ ขายขนม ขายจิปาถะ สมัยผมเรียนมัธยม ทุกเช้าผมจะห่อขนมไปขายที่โรงเรียนด้วย จนเพื่อนๆ ล้อ และให้สมญานาม แต่ผมภูมิใจนะ ภูมิใจในสิ่งที่ผมทำ

 

การดำเนินชีวิตของผมนั้น ผมยึดถือการทำงานแบบปิดทองหลังพระ คือหมายความว่าเราจะไม่ทำงานแบบที่ว่าทำไปประชาสัมพันธ์ไป โปรโมทตัวเองไป แต่เมื่อเราได้ทำงานมาแล้วถึงจุดหนึ่ง ดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสไว้ว่า เมื่อทองล้นมาหน้าพระแล้วคนทั่วไปก็จะเห็นเอง ผมเป็นข้าราชการทหาร ผมมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ในทุกๆ เรื่อง ผมจะไม่เคยไปสั่งหรือบงการใครว่าต้องทำ แต่ผมจะค่อยๆ บอก ค่อยๆ แนะนำว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนถ้าทำแล้วจะเกิดผลอย่างไร ผมชอบแนะนำและชี้แนะหนทางกับทุกคน ทุกเรื่อง และเมื่อทำมาแล้วมาถึงจุดจุดหนึ่ง เราก็คิดว่าเรารับรู้ได้ ว่าสิ่งที่เราทำมาตลอดชีวิตนี้ ตั้งแต่ทำงานมา ได้มาปรากฏให้เห็น ซึ่งเราก็ไม่รู้สึกตัวหรอก แต่ว่ามันก็เริ่มรับรู้ได้จากการที่สังคมยอมรับในความคิดของเรา เช่นในปัจจุบัน การได้รับเกียรติจากหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ที่มาเชิญไปบรรยายในหลายๆ เรื่อง หลายๆ แห่ง

 

จนถึงวันหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้ทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยความเข้าใจว่าเรื่องของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้นไม่ใช่เรื่องของการเกษตรเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องทางด้านจิตใจ เป็นเรื่องของการที่จะปรับวิถีชีวิตให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ของแต่ละบุคคล โดยยึดหลักธรรม รวมถึงธรรมชาติ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ หลักของท่านพระพุทธทาส คือทำตัวให้เป็นธรรมชาติ ทำยังไงให้ชีวิตเป็นธรรมชาติ เราจะไม่ทุกข์ร้อน จะไม่เดือดร้อน ปัญหาหนักหนาสาหัสยังไงเราก็จะถือว่าเป็นธรรมชาติ เพราะเราจะไม่ฝืนธรรมชาติ ไม่ฝืนกระแสน้ำ ฝืนกระแสลม อันนี้เป็นจุดสำคัญ เพราะฉะนั้นใครจะแรงมา ใครจะมีปัญหา เราก็ไม่มีปัญหา เราก็ไม่แรงด้วย เราก็จะโอนอ่อนผ่อนตามไป อันนี้คือการดำเนินชีวิต

 

ในด้านความเป็น พ่อ ผมได้รับการคัดเลือกให้เป็นพ่อดีเด่นแห่งชาติเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก แต่สิ่งที่ทำให้ผมได้สิ่งนี้ก็เนื่องมาจากแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ทำแล้วไม่ต้องหวังว่าใครจะมาตอบแทน ทำแล้วไม่ต้องหวังว่าจะได้อะไร ผมจึงสอนลูก ถึงจะเรียนไม่เก่งก็ไม่เป็นอะไร แต่ต้องไม่เห็นแก่ตัว ทุกวันนี้การแข่งขันมันสูง แข่งขันกันตั้งแต่เด็ก ผมว่าการแข่งขันกันจนเกินไปมันก่อให้เกิดการเห็นแก่ตัว และยิ่งในกระแสทุนนิยม ทำให้คนเห็นแก่ตัว เมื่อคนเห็นแก่ตัวก็จะไม่คิดถึงการทำอะไรที่เป็นกิจสาธารณะ ทำประโยชน์เพื่อคนอื่น ขาดการแบ่งปัน เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าสังคมไทยในทุกวันนี้มาถึงจุดที่ว่า เราอยากทำอะไรเพื่อตัวเองอย่างเดียว ไม่อยากทำให้เพื่อประเทศชาติ ทำให้เพื่อคนอื่น แม้แต่ทะเลากันนั่นก็คือผลประโยชน์ตัวเองทั้งสิ้นเลย ไม่ใช่ทะเลาะแล้วทำให้ประเทศชาติเจริญขึ้นมาเลย

ฉะนั้นผมจึงบอกลูกผมเสมอว่า ลูกไม่ต้องเรียนเก่งนะ แต่ลูกต้องอยู่ในสังคมได้ เพราะเราถือว่าตรงนี้สำคัญมากกว่าการเรียนที่จะอยู่ในสังคมได้ เพราะว่าการดำเนินชีวิตได้ในสังคมต้องมีการปรับตัว แต่ถ้าเมื่อเรามุ่งแต่จะเรียนเก่ง เราก็จะเห็นแก่ตัวมาก ก็จะไม่ยอมทำอะไรเพื่อนคนอื่น และก็ยังคอยกีดกัน คอยปิดบังคนอื่นตลอดเวลา ผมเลี้ยงลูกค่อนข้างปล่อยอิสระ ลูกผมเรียนแย่มากเลย แต่ก็บอกลูกว่าไม่เป็นไร แต่จะทำอย่างไรให้อยู่ในสังคมได้พอแล้ว จนกระทั่งเค้าเรียนจบมา แต่กลับทำงานได้ดีกว่าคนที่เรียนเก่ง ผู้ใหญ่ให้ความรักและความเอ็นดู มีแต่คนชอบ ไม่มีใครรังเกียจ ผมจะสอนลูกสาวในเชิงป้องกันทางจิตใจมากที่สุด สอนให้เข้าใจในเหตุและผลของสิ่งต่างๆ ตั้งแต่เล็กจนโต ครอบครัวผมอบอุ่นมากครับ”

ขอบคุณพี่ ธ.วัชชัย ที่พิมพ์มาให้อ่านนะครับ น่ารักจริงๆ ครับพี่น้อง

 

 



Main: 0.012083053588867 sec
Sidebar: 0.010122060775757 sec