ด้วยงานที่ฉันภาคภูมิใจ นำพาตัวและหัวใจไปสู่จังหวัดลพบุรี เป็นจังหวัดที่เรานัดหมายกันไปสร้างกระบวนการเรียนรู้ในโครงการพัฒนารพ.คุณภาพด้วยรัก…มาค้นหาเรื่องราวดีๆ ที่นี่ค่ะ มีรพ.ทุกแห่งในจังหวัดมารวมกัน ทั้งรพ.จังหวัด รพ.ชุมชน นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายของรพ.ที่สำคัญคือ สถานีอนามัย มาร่วมสร้างกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีสอ.มาร่วมเรียนรู้กับเรา ก็ดูเนียนไปเลยค่ะ เข้ากับ concept ใหม่ของเรา อิอิ… seamless คุณภาพไร้รอยต่อค่ะ รวมผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดราวๆ 100 กว่าคน ค่ะ ครั้งนี้เรามีที่ปรึกษาใหม่ไปร่วมเรียนรู้ด้วยค่ะ ดีใจจัง…ออกเดินทางแต่เช้าตรู่กว่าจะไปถึงประมาณ 0900 น. ฤกษ์งามยามดี (ลาบานูน ก็ดี อิอิ)
เข้าไปที่ศูนย์สัมนา มณนิภารีสอร์ต ผู้เข้าร่วมประชุมมาเกือบครบแล้ว…เราสำรวจดูภายในห้องประชุม..เป็นห้องเพดานต่ำ เปิดด้านข้าง ไม่สามารถเก็บเสียงและป้องกันเสียงจากภายนอกได้…งานเข้าแล้วพอลล่า… แป่ว…แถมยังลืมอุปกรณ์สำคัญ คือระฆังทอง … ไว้ใช้เพื่อควบคุมเสียง ควบคุมกิจกรรม ขาดเขาไปแล้ว เราไม่มั่นใจเลย แต่พี่น้อง(พี่ที่ปรึกษาคนหนึ่งในทีม) ก็หามาให้ ทดแทนค่ะ อิอิ..เป็นกริ่งใช้เมื่อหมดเวลา อ่ะ ดีกว่าไม่มี แต่สถาการณ์จริงๆแล้ว ใช้แทนกันไม่ได้เลยค่ะ เรื่องนี้พอลล่าต้องปรับปรุง อย่าลืม !!!! อีกล่ะ..
ทีมวิทยากร นำโดยแม่ต้อยค่ะ
เราเรียนรู้จากชีวิตวัยเยาว์เพื่อเป็นการ วอร์ม อัพ ฝึกทักษะการฟัง ได้เรื่องเล่ามาสองเรื่องค่ะ ในวัยเด็กเธอป่วยเป็นไข้เลือดออก นอนรพ. รู้สึกเหงามาก ต้องห่างจากบ้าน ห่างพ่อ แม่ แต่สิ่งที่ทำให้ดีใจ คือได้อ่านการ์ตูนที่ชอบ พยาบาลหาหนังสือการ์ตูนมาให้ รู้สึกประทับใจหมอ พยาบาล โตขึ้นต้องเรียนพยาบาลให้ได้ จนปัจจุบันนี้เธอได้เป็นพยาบาลสมใจแล้วค่ะ (ดีนะ!! ที่ไม่ใช่สมศรี)
เรายังค้นหาเสริมสร้างให้การบริการด้วยหัวใจผุดบังเกิด ด้วยความคิดของทุกคน คิดเองพูดเอง ทบทวนไตร่ตรอง… แล้วมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สลับกับ U theory โดยแม่ต้อย ค่ะ
มีโอกาสได้ฟังเรื่องเล่าจากพี่พยาบาลห้องฉุกเฉิน รพ.พัฒนานิคมท่านหนึ่งค่ะ พี่เขาไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อนเลย ทั้งๆที่รพ.เขาก็มีเวทีเล่าเรื่องค่ะ พอลล่าสนใจ ขึ้นมาทันที สนับสนุนให้พี่เขาเล่าค่ะ
เล่าไป เขียนไป ซึ้งไปด้วย คิคิ
การตั้งสีที่สร้างสรรค์ มั่กๆ อิอิ
สมองซีกขวาทำงาน….ด้วยนะคะ
วันหนึ่งอยู่เวรห้องฉุกเฉินมีวิทยุเรียกรถหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ไปรับผู้ป่วยอุบัติเหตุรถจักยานยนต์ชนกับรถกะบะ แขนขวาขาดหลุดออกจากตัว แต่ระหว่างที่นำรถรพ.ออกนั้น รถนำส่งจากพื้นที่ได้พาคนไข้มาส่งก่อน จึงสวนทางกัน เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ รถพยาบาลจึงพบแต่แขนข้างที่หลุดตกอยู่จึงเก็บแขนและมาทำความสะอาด แช่น้ำแข็งแพ็คไว้อย่างดีที่สุด ซึ่งเป็นครั้งแรกของหน่วยงานที่นี่ที่ได้มีโอกาสเก็บอวัยวะที่ใหญ่ขนาดนี้ เพราะปกติเคยแต่เก็บนิ้วขาดไว้ต่อเท่านั้น
ระหว่างที่ทีมหนึ่งดูแลแขนที่ขาด สังเกตเห็นแหวนที่นิ้วสองวง จึงเก็บแหวน ที่ติดนิ้วไว้ให้ญาติหนึ่งวง อีกวงหนึ่งตกไปในถังขยะ หาไม่เจอ…ทีมได้ทำความสะอาดอย่างดี อีกทีมหนึ่งต้องดูแลคนไข้ที่ไม่รู้สึกตัว ความดันโลหิตเริ่มตก ทีมจึงประสานนำส่งไปที่รพ.จังหวัดโดยเร็ว คนไข้ไปถึงรพ.ลพบุรี ซึ่งจำเป็นต้องต่อแขนที่ขาด ต้องดูแลภาวะสมองที่กระทบกระเทือนและดูแลอวัยวะในช่องท้องที่บาดเจ็บ
สามวันผ่านไป รพ.ได้ติดต่อภรรยาซึ่งกำลังตั้งครรภ์สามเดือนให้มารับแหวนคนไข้ ได้ซักถามอาการ ภรรยาบอกว่าแขนได้ต่อเรียบร้อยแล้ว…พี่พยาบาลและทุกๆ คนในห้องฉุกเฉินรู้สึกดีใจที่สามารถต่อแขนได้ เพราะเนื่องมาจากการดูแลแขนที่ขาดเป็นอย่างดีและส่งต่ออย่างทันเวลา ต่อมาอีกประมาณ 1 เดือน ภรรยาคนไข้มายืมชุดทำแผลเพื่อทำแผลเองที่บ้าน จึงได้ซักถามพบว่าคนไข้กลับบ้านแล้วแผลที่แขนเกือบหายเป็นปกติ เพียงแต่ต้องทำกายภาพบำบัดต่อเนื่อง เพื่อให้แขนสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งทีมรพ.มีแผนในการไปเยี่ยมที่บ้านต่อไปค่ะ ปัจจุบันนี้ภรรยาคนไข้สนิทสนมได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเมื่อไปฝากครรภ์
จากเรื่องเล่านี้ เราจะพบสิ่งที่ดีและความงามของหัวใจพยาบาลที่ดูแลคนไข้อย่างเต็มที่ ตลอดจนดูแลญาติ ครอบครัวทำให้ลูกไม่ขาดพ่อ ภรรยาไม่ขาดสามี เรื่องของทีมที่ดูแลคนไข้ฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี ส่งต่อได้อย่างทันเวลา มีผลลัพธ์ในการรักษาเป็นที่น่าพอใจ แต่โอกาสพัฒนายังมีอีกค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของการพัฒนา อิอิ ซึ่งคิดว่าทีมคงจะมองเห็นจากเรื่องเล่านี้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาศักยภาพของผู้นำส่ง เก็บอวัยวะให้เรียบร้อย หากนำส่งแล้วควรส่งข้อมูลระหว่างทีม เรื่องการติดตามอาการคนไข้ที่ส่งต่อ การส่งต่อข้อมูลในการดูแลต่อเนื่องระหว่างรพ.สองแห่ง ถ้าภรรยาไม่มายืมชุดทำแผล พี่เขาอาจจะไม่ทราบว่าผู้ป่วยที่เขาช่วยเหลือสุดชีวิตได้รับการรักษาหายแล้ว และต้องการดูแลต่อเนื่องเรื่องใดบ้าง (ความจริงอาจจะส่งมา แต่ไม่ถึง ER ก็ได้นะคะ)แต่รายนี้ ทันทีที่รู้ว่าคนไข้ปลอดภัย พยาบาลดีใจอาจจะเท่าๆกับญาติเขาเลยค่ะ พี่เขาเล่าด้วยตาที่เป็นประกาย (มากๆค่ะ)
วันที่สองของการประชุมโครงการการพัฒนารพ.คุณภาพด้วยรัก ณ จังหวัดลพบุรี ณ ที่นี่ทีมเราได้จุดประกายความคิดเรื่องการบริการด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ ในวันแรกจากบันทึกก่อนหน้านี้ และบันทึกของแม่ต้อยค่ะ
การบริการด้วยหัวใจในความคิดของที่นี่ เขาเปรียบเทียบได้น่ารักมากค่ะ ..”เหมือนกับการเติมเงินโทรศัพท์มือถือ” คือต้องหมั่นเติมใจให้เหมือนเติมเงินโทรศัพท์ค่ะ “เติมเงินหรือเติมใจ ..ต้องเติมให้เต็ม..” (สงสัยที่บ้านขายบัตรเติมเงิน อิอิ) และหากอยากรู้ว่าคนตาบอดต้องการอะไร เราต้องลองไปเป็นคนตาบอดดูค่ะ เอาใจเขามาใส่ใจเรานั่นเองค่ะ
เรื่องเล่าความดีที่นี่มีมากมาย แม่ต้อยเล่าไปบ้างแล้วค่ะ สำหรับตนเอง มีความสุขทุกครั้งที่ได้ฟังเรื่องราวดีๆ แม้พี่ๆบางท่านอาจจะคิดว่าไม่กล้าเล่าเพราะมันเป็นเรื่องเกน้อยแต่ถ้าเราเรียนรู้และรับรู้ รู้สึกกับเรื่องนั้นแล้ว จะกลายเป็นเรื่องที่สามารถเปลี่ยนใจคนฟังได้หรือเรื่องนั้นสามารถเปลี่ยนความคิดของคนเล่าก็ได้ค่ะ แต่สำหรับตนเองแล้ว เรื่องดีๆ นำมาใช้และทบทวนปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอๆค่ะ
เรื่องเล่าจากสอ.ท่านหนึ่งค่ะ
ฉันเป็นพยาบาลสถานีอนามัย…วันหนึ่งฉันอยู่เวร เมื่อถึงเวลาเที่ยงกำลังจะออกไปทานอาหาร มีชาวบ้านวิ่งมาบอกว่าโดนงูเห่าวิ่งผ่านหลังเท้า ฉันถามว่า..มาทำไม !!! เห็นยายตกใจ ใจสั่น จึงถามไปว่างูกัดไหม??? ไม่มีรอยแผลเลย.. จึงบอกไปว่าไม่เป็นไรหรอก พอยายได้ยินว่าไม่เป็นไรหรอกยายจึงกลับบ้านไป ฉันรู้สึกว่าชาวบ้านเขารู้สึกว่าหมอคือเทวดาเมื่อบอกว่าไม่เป็นอะไรจึงรู้สึกหายเลย….อยู่มาวันหนึ่ง…ฉันกำลังถางหญ้าที่หลังบ้าน เมื่อนั่งยองๆ มีใบไม้แห้งๆปลิวผ่านหลังเท้า เท่านั้นแหละฉันรู้สึกว่าหัวใจแทบวาย ตกใจมาก ทันใดนั้นได้คิดถึงคนไข้คนนั้นทันทีว่า เขาคงรู้สึกเหมือนเรา…และเข้าใจความรู้สึกยายได้ดีมากขึ้น ต่อไปจะไม่ถามแล้วว่ายายมาทำไม… เป็นตัวอย่างเล็กๆ ที่คนเล่าสามารถรู้สึกและเข้าใจความรู้สึกของคุณยายได้เพราะตัวเองได้ประสบกับเหตุการณ์คล้ายๆ คุณยายนั่นเอง…
วันนี้เรายังได้เรียนรู้วิธีทำให้เกิดการบริการด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ ซึ่งแต่ละกลุ่มได้เปิดใจพร้อมที่จะเปลี่ยนตัวเองก่อนและจะกำจัดปัญหาอุปสรรค ที่เขาเรียกว่ากิเลสออกไปเสียก่อน เช่น …ไม่ทำเพราะเหนื่อย ภาระงานมาก ไม่มีงบประมาณ ต้องดูแล สามีและลูกเป็นต้น (แม่ต้อยเรียกว่าเป็นความเห็นขั้นเทพเลยค่ะ) เพราะเป็นความรู้ที่เขาคิดเองสดๆ เป็นความรู้มือหนึ่งไม่ใช่ second hand knowledge ที่เราอ่านได้ทั่วไปค่ะ
นอกจากนี้ ยังมีความเห็นของกลุ่มแบบขั้นเทพอีกค่ะ เราให้กลุ่มได้ทบทวนกันว่า ระดับของความสัมพันธ์กับคนไข้ในรพ.แต่ละแห่งเป็นอย่างไร?? ตามทฤษฎีบอกว่า
1) ความสัมพันธ์ขั้นตั้น แพทย์เป็นช่างซ่อมคือรักษาแต่โรค ป่วยตรงไหนรักษาตรงนั้น
2) ระดับที่ 2 เป็นครู นักเทศน์ เป็นครู สอนคนไข้ หรือบอกว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อต้องการจะปรับพฤติกรรมของคนไข้..อันนี้เราพบเจอบ่อยๆ
3) เป็น coach ใช้วิธีสะท้อนความคิดเห็นความรู้สึกเพื่อให้คนไข้ได้คิดและตัดสินใจเอง เพราะเขารู้ปัญหาของเขาดีที่สุด เราเป็นผู้รับฟังให้เขามีโอกาสคิดด้วยตนเอง
4) ระดับนี้ เป็นขั้นเทพเลยค่ะ เราเป็นผู้ประคบประหงมให้เกิดตัวตนใหม่ สามารถจะปรับเปลี่ยนความคิดตัวตนของเขาเอง เป็นการเปลี่ยนจริงๆและจะเปลี่ยนอย่างยั่งยืน ระดับนี้ขั้นเทพมากๆ ต้องอาศัยการฟังอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้เกิดตัวตนใหม่ ปรับเปลี่ยนได้อย่างชัดเจน
รพ.แห่งหนึ่งเปรียบเทียบกับบัวสี่เหล่าค่ะ ดังภาพ มานึกๆดูแล้วก็จริงของเขานะคะ เห็นความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้น ทำให้ทีมเปิดใจเรียนรู้และเข้าใจมากขึ้นค่ะ ชมภาพได้ค่ะ
ก่อนกลับบ้าน กิจกรรมสุดท้าย เราให้ทุกคนได้ทบทวนว่า เราอยู่ที่นี่เพื่ออะไร ตัวตนเราเป็นอะไรและอะไรคือภาระกิจที่แท้จริงของเรา …มีตัวอย่างจากพี่ๆ มาฝากค่ะ
เราอยู่ที่นี่เพื่อจะได้รับรู้ เรียนรู้การให้บริการด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ตามหลักวิชาการ เพือ่จะนำความรู้หรือแนวทางไปปรับใช้กับชีวิตและงานประจำของเรา เราไม่อยากเสียโอกาสในสิ่งดีๆในชีวิต ไหนๆ เราก็ได้พักงานประจำที่วุ่นวายและยังมีภาระอีกมากที่ยังไม่เสร็จ แต่เรายังอยู่ที่นี่จนเกือบสิ้นสุดการอบรม เพราะอยากได้รับสิ่งที่มีค่าไปปรับใช้ในการทำงานในชีวิตองเรา ตัวตนของเราคือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่มีหน้าที่ของความเป็นแม่ ของลูกชาย 2 คน เป็นภรรยา เป็นลูกสาวของพ่อ แม่ เป็นพี่ของน้อง เป็นพยาบาลของคนไข้ เป็นที่พึ่ง เป็นที่ปรึกษา เป็นคนที่ต้องตอบคำถามในสิ่งที่ไม่รู้ เป็นคนบอกทางให้คุณยายที่มาตรวจรักษาว่าร้านอาหารไปทางไหน ทางไปห้องน้ำไปทางไหน ยามที่คนไข้ที่มารักษานอนสังเกตอาการยังไม่ได้ทานข้าวเพราะเลยเวลาอาหารของรพ. เราต้องหานมหรือไปซื้ออาหารให้คนไข้ ยามคนไข้เสียชีวิต ไม่มีญาติรับรู้ เราต้องติดต่อญาติให้เพียงเพื่อให้เขาตายตาหลับ เราต้องรักษาลมหายใจไว้ให้มีชีวิตอยู่เพื่อที่จะทำประโยชน์ให้กับมวลมนุษย์สืบต่อไป….
ที่ประทับใจมากๆคือ พี่ที่ดูแลเราที่เป็นพนักงานของศูนย์สัมนา เขาบอกว่าผมมาแอบเรียนรู้ไปด้วย ชอบมากๆเลย ผมสามารถนำไปใช้กับงานของผมได้ และพี่ท่านนี้ให้บริการเราดีมากๆค่ะ เรียกได้ว่าเป็นบริการที่มาจากหัวใจก็ว่าได้ค่ะ..
และวันนี้เองเกือบทำให้พอลล่าต้องหลั่งน้ำตากับการพูดความในใจ… เรื่องของภาระกิจนี้ ที่เป็นความภูมิใจของตนเอง ทำเอาคนทั้งห้องประชุมเงียบกริบและอึ้งไปตามๆกันค่ะ …
ขอบคุณโอกาส… ขอบคุณทุกๆสิ่งที่ทำให้พอลล่าได้มีวันนี้ค่ะ
อ่อ …วันนี้นึกได้อีกประเด็นนึงค่ะ แอบมาเติม อิอิ….ที่นี่มีสอ.อยู่สองกลุ่มจะมาประเมินตนเองตามมาตรฐานรพ.ภาพรวม ป๊าด ตอนแรกพอลล่าก็อยากให้เขารวมกับรพ. แต่เขาไม่อยากรวม อยากคิดเอง เชื่อไหมคะเขาเลือกมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับเขาค่ะ กลุ่มแรกเลือกการให้ข้อมูลและการเสริมพลังผู้ป่วย น่ารักมากทีเดียวค่ะ ก็ได้เรียนรู้ว่า ถ้าใจเปิดรับแล้ว อะไรมาก็ใช้ได้ทุกอย่างหากเราคิดว่าได้ประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ค่ะ
มีนาคม 27th, 2009 at 11:28 (เช้า)
โอย หาช่องคอมเมนท์แทบแย่
อ่านไม่หมดอ่ะ ตาลาย
เหอ เหอ
ได้รับลิงค์เมื่อคืนที่ส่งไปก่อเจ้า
มีนาคม 27th, 2009 at 11:41 (เช้า)
สุดยอดครับ มาเรียนรู้เพิ่มเติมครับ
มีนาคม 27th, 2009 at 11:47 (เช้า)
พี่ปูจ๋า…ได้รับแล้วค่ะ อิอิ
ยายลาย…. ขออภัยค่ะ มือใหม่ อิอิ
มีนาคม 27th, 2009 at 11:48 (เช้า)
“เรานัดหมายกันไปสร้างกระบวนการเรียนรู้”
ไม่เลวทีเดียวครับ
ความสำเร็จที่ได้รับ ไม่น่าจะมีแค่กระบวนการเรียนรู้
สร้างเสริม จิตอาสา และแรงจูงใจในการทำงานกันต่อไป
การทำงานรวมหมู่ ความเป็นคณะ และร่วมกันคิดค้นพัฒนา ก็เป็นอันหนึ่งที่มีผลสะเทือนด้วยเหมือนกัน
ขอบคุณมากๆครับ
มีนาคม 27th, 2009 at 11:48 (เช้า)
สวัสดีค่ะ คุณท่านอาจารย์ สิทธิรักษ์
แวะมาอย่างอื่น นอกจากเรียนรู้ ก็ได้นะคะ ขอบคุณเจ้าค่ะ มีอีก มีอีกค่ะ
มีนาคม 27th, 2009 at 11:49 (เช้า)
ตื่นเต้นกับแขน….ฮือ ฮือ…เสียวววววววว
มีนาคม 27th, 2009 at 11:49 (เช้า)
อิอิ…ดีใจจัง
มีนาคม 27th, 2009 at 11:50 (เช้า)
เหมือนในละครเมื่อคืนเลยใช่ไหมคะ แขนลอยได้ อิอิ
มีนาคม 27th, 2009 at 12:05 (เย็น)
สุดยอด….
มีนาคม 27th, 2009 at 12:24 (เย็น)
สวัสดีค่ะ ไปทานข้าวกลางวันกันก่อนนะคะ เดี๋ยวมาใหม่เจ้าค่ะ อิอิ