สองผู้ยิ่งใหญ่กับนายกบาลเบา
อ่าน: 12799ผู้ยิ่งใหญ่ คือ ผู้ที่นั่งบนหัวใจคน ไม่ใช่นั่งบนหัวคน
คำพูดของเพื่อนตัวสูงโย่ง บอกกับผมในวันก่อนจากกันไปปฎิบัติภารกิจชีวิตในสังคม ในฐานะ บัณฑิตคณะศิลปกรรม ผมยังจำได้มาตราบทุกวันนี้ ครั้นจะเริ่มเขียนบันทึกจิตใจกลับหวนไปคิดถึงเพื่อนคนนี้เข้า เลยขอกล่าวถึงผู้ยิ่งใหญ่ของวงการศิลปะในความคิดของผม..ถือว่าเล่าสู่กันฟังครับแวนโก๊ะ เขียนภาพเพราะต้องการสะท้อนจิตใด้สำนึกที่อยู่ในวังวนของความเหงาและความผิดหวังซ้ำซาก กลั่นออกมาจากจิตใจที่บอบช้ำ เอาน้ำตาคละเคล้าผสมสี เขาพร้อมที่จะขาดใจตายทุกครั้งหลังวาดภาพเสร็จ แต่จนแล้วจนรอดความทุกข์ระทมก็คอยติดตามอยู่ไม่ห่างกาย จนต้องตัดสินใจบอกลามันด้วยกระสุนปืน ชั่วชีวิตของเขาไม่เคยขายผลงานได้เลยสักชิ้นเดียว หลังเขาเสียชีวิตผลงานจึงมีราคาหลายร้อย หลายพันล้านบาท
ถวัลย์ ดัชนี เขียนภาพเพราะมีสิ่งเร้าเข้ามากระทบอารมณ์ศิลปินที่คุกรุ่น เกิดเป็นพลังอันมหาศาลถ่ายทอดจากมันสมองสู่กล้ามเนื้อใหญ่ กล้ามเนื้อเล็ก สะบัดฝีแปรงตามแรงเหวี่ยงของข้อมือที่หนักแน่น คนดูอ้าปากค้างยังไม่ทันหุบก็เสร็จแล้ว พร้อมกับยืดอกเชิดรับเสียงปรบมือและคำชมจากผู้ชมที่เตรียมแย่งกันซื้อในราคาหลักแสน หลักล้าน
นายกบาลเบา เขียนภาพเพราะต้องการปลดปล่อยความหวาดกลัว ความวิตกกังวล ความหยาบกระด้าง ของเยาวชนในกิจกรรมศิลปะบำบัด ให้เขาได้เปิดตัวเองจากโลกส่วนตัว สู่สังคม สู่โลกกว้าง ใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างป็นสุข ผลงานไม่มีชื่อเสียง ไม่เป็นที่รู้จัก ไม่มีราคาเป็นเงินเป็นบาท มีแต่คุณค่าทางจิตใจต่อผู้วาดเท่านั้น จึงเปรียบอันไดไม่ได้เลยกับสองผู้ยิ่งใหญ่ข้างต้นเลย
ด้วยจิตคารวะ
บันทึกนี้โพสต์เมื่อ วันที่ วันพฤหัสบดี, 4 กันยายน 2008 เวลา 5:46 (เช้า) และจัดไว้ในหมวดหมู่ ศิลปะ กิจกรรม, สังคม ครอบครัว ชุมชน. ติดตามอ่านการแสดงความเห็นได้ที่ฟีดนี้ RSS 2.0. คุณสามารถจะ ฝากความคิดเห็นไว้, หรือ แทร็กย้อนหลัง จากเว็บไซต์ของคุณได้.
#2:: จอมป่วน 4 กันยายน 2008 เวลา 8:21 (เช้า)
……ตวัดปลายภู่กัน อะไรจะเกิดขึ้น….
ผ้าใบเลอะ 5555555