หลง…แบบว่า..หลง….

4 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 10 กุมภาพันธ 2010 เวลา 5:34 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 1387

ในกระบวนการดำเนินชีวิต ยิ่งทบทวน
ยิ่งเห็นความแตกต่าง ยิ่งเห็นการทำให้สมดุลย์

ไม่ว่าเรื่อง อาหาร

เรื่องความเป็นอยู่

เรื่องสุขภาพ

เรื่องการทำงาน

เรื่องเทคโนโลยี

ให้แปลกใจว่า ทำไมโลกนี้มีความแตกต่างซ้อนกันอยู่ไปเรื่อยๆ
ตั้งแต่ดึกดำบรรพจนปัจจุบัน เมื่อก่อนพุทธกาล จนปัจจุบัน

เพราะความคิดที่จำแนกแตกต่างในเวลาที่แตกต่างของปัจเจกบุคคล
เพราะหลักการที่อ้างอิงคนละหลักการ
เพราะเวลาและสภาพแวดล้อม

อะไรคือหลง…
พร้อมที่จะหลงไปในร่องความคิด
แบบว่า หลง ซ้อน..หลง…

หลง..และ..ไม่รู้ว่า หลง หรือ ไม่หลง
ประมาณนั้น..

เมื่อคิดถึงทางออก..
ในเมื่อมีทางออก..ไฉนจึงวนเวียน
เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นวังวน ..วนเวียน
เหมือนเราอยู่บนโลกที่หมุน ตัวเราก็ย่อมหมุนไปด้วย
เพียงแต่เราไม่รู้บ้าง รู้บ้าง
และทุกสิ่งมี..เวลา เป็นตัวแปร เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
วัยอ่อน โตเต็มวัย แก่งอม ร่วงหล่นไป

ความคิดก็เช่นกัน


การทำงานคือการปฏิบัติธรรม (ต่อ)

2 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 20 มกราคม 2010 เวลา 4:22 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 2046

หน้าที่ที่มนุษย์จะต้องปฎิบัติตามกฎของธรรมชาติ
1 ทำอย่างไรชีวิตจะอยู่รอด
2 ทำอย่างไรจะพัฒนาความอยู่รอดนั้นให้ดียิ่งๆขึ้นไป

การจะอยู่รอดได้ต้องมีความถูกต้อง
วัตถุแวดล้อมดี ร่างกายดี สติดี ปัญญาดี
ทำดีแล้วเราก็พอใจไปหมด มีชีวิตทุกกระเบียดนิ้วที่ถูกต้อง ถูกต้องแล้วจึงดี
เช่นการหาอาหาร หาให้ดี  การกินอาหาร กินให้ดี กินด้วยสติ
แต่บางคนหาอะไร มากินให้อร่อย เซ่นผีตัณหา การถ่ายอุจจาระ ก็ทำอย่างดี
คือค่อยๆถ่ายไม่เบ่งแรง ภิกษุถ่ายอุจจาระเบ่งแรงเป็นอาบัติ ถ่ายอุจจาระก็ยังทำให้ดี
อาบน้ำ ก็อาบให้สะอาด มีสติ ถูขี้ไคลด้วยการทำหน้าที่ให้ร่างกายสะอาด เป็นสุข
แต่คนมีกิเลสจะทำให้ยุ่งยาก บางทีก็ต้องไปจ้างเขาทำ
การถูพื้น ก็ถูให้สะอาด เป็นการทำหน้าที่ การล้างจาน ก็พอใจ
เพราะทำให้จานสะอาดเพราะเราต้องใช้จานสะอาดเพื่อสุขภาพที่ดี

พูดถึงการทำหน้าที่ การทำงาน ขอให้ทำงานเต็มความสามารถที่มี
หรือตามโอกาสที่ทำได้ มีความสุขอยู่ที่ที่ทำงาน เพราะเป็นการทำงานให้ดี
ทำแล้วมีความสุข มีความสุขแท้จริงแล้วเมื่อทำงาน
จึงไม่ได้ทำงานเพื่อเงินแล้วเอาไปซิ้อความสุขที่หลอกลวง เป็นความสุขเซ่นผีกิเลส
และไม่ต้องขโมยเวลา เพื่อหาความสุขหลอกลวง เพราะมีความสุขตลอดเวลาที่ทำงานแล้ว

อ่านต่อ »


การทำงานคือการปฎิบัติธรรม

2 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 19 มกราคม 2010 เวลา 4:59 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 2726

ธรรม คือ หน้าที่ที่ทรงให้ชีวิตอยู่รอด เป็นธรรมชาติ

คิดว่าธรรมคือคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ถูกเพียงส่วนหนึ่ง

ธรรม คืออะไร
เราไม่รู้ว่าธรรมคืออะไร เราจึงไม่รู้จะปฎิบัติธรรมกันอย่างไร
……………………………………………………..
……………………………………………………..
ธรรมคือ สิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ
ธรรมในภาษาบาลี คือธรรมชาติ
พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้อะไร ตรัสรู้ธรรม
ท่านสอนอะไร สอนว่า…………………….
………………………………………………………..
นั่นคือ มนุษย์จะต้องปฎิบัติให้ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ
กฎของธรรมชาติมีมากมาย
แต่ที่ต้องรู้คือ ทำอย่างไรชีวิตจะอยู่รอด และ รอดถึงที่สุดแห่งความดี
……………………………………………………………..
……………………………………………………………..
การทำงานคือการทำหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ
เดี๋ยวนี้เราทำงานเพื่ออะไรกันให้คิดดู
เราไม่ได้ทำงานตามความถูกต้องของมนุษย์ เพื่อหน้าที่ของมนุษย์
แต่เราทำงานเพื่อเลี้ยงกิเลส ทำตามใจเรา จะเป็นธรรมได้อย่างไร
………………………………………………………………..
คนหนึ่งทำงานเพื่อความถูกต้อง เพื่อความเป็นมนุษย์ของตน
อีกคนหนึ่ง ทำงานเพื่อทำความเป็นมนุษย์ให้แหว่ง ยิ่งทำยิ่งทำลายให้แหว่งไป
………………………………………………………………
………………………………………………………………
การอยู่รอดมี 2 แบบ รอดแบบชาวโลก หรือ รอดแบบสูงกว่านั้น…..

……………………………………………………………

……………………………………………………………

……………………………………………………………


เสียงธรรมจากสวนโมกข์

เสียงธรรมจากสวนโมกข์ ชุดที่ ๑

ชื่อตอน
๑ การทำงานคือการปฎิบัติธรรม
๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๕
แสดงปาฐกถาพิเศษ

http://www.dhammathai.org/sounds/buddhadasa.php

http://www.dhammathai.org/sounds/playsong.php?sound=buddhadasa/suanmokkh1/440101.wma


สิ่งสำคัญของชีวิต

6 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 25 ธันวาคม 2009 เวลา 3:50 (เย็น) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 2404

สิ่งสำคัญของชีวิต  คือ ความกว้างและความลึก  ไม่ใช่ความยาว

แก่ไม่เจียมบอดี้ ทำให้นึกถึง บันทึกนี้ ค่ะ


จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่า:

5 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 18 ธันวาคม 2009 เวลา 12:13 (เย็น) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 1470

ติดดี

7 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 17 ธันวาคม 2009 เวลา 4:55 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 1441

ขึ้นชื่อว่าติด ติดอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น
มีติดอย่างหนึ่งที่ ติดง่ายเหมือนกัน

ติดดี คือยึดติดกับคำว่าดี สิ่งที่คิดว่าดี
จะเป็นผลงานดี พฤติกรรมดี ความรู้สึกดีๆ

แล้วมันไม่ดีตรงไหนเล่า
ไม่ดีตรงที่ดีไม่ถึงที่สุด ดีไม่คงอยู่แปรเปลี่ยนได้
ดีอยู่ในอารมณ์ ดีไม่เป็นอิสระ

พอติดดีแล้วเกิดความอยาก อยากทำดี
อยากให้คนอื่นทำดี อยากมอบสิ่งดีๆ
คิดถึงดี ก็ทำให้คิดถึงไม่ดี
อยากทำดี ก็ต้องมีอะไรที่ไม่ดีที่ไม่อยากทำ

ดี ทำให้เกิดเปรียบเทียบ
บางทีก็มีอัตตาเกิดเพราะ ดี
คนนั้น คนนี้ไม่ดี ดีไม่พอ
งานนั้นงานนี้ยังไม่ดีพอ
ความดีอะไรคือสูงสุด คือดีพอ
ดีพอในใจของใคร ดีพอในเงื่อนไขอะไร
ดีพอในสถานการณ์ของใคร

บางทีเพราะติดดี จึงต้องเป็นพระเอก เป็นนางเอก
ในใจของคนอื่นตามที่เขาบอก
แล้วหลงติดภาพว่าตัวเองเป็นพระเอกหรือนางเอกด้วย
พระเอกในใจเขา พระเอกในใจเรา
แล้วบางทีก็ต้องทำอะไรที่ไม่ควรเพื่อรักษาภาพนั้น
ยอมให้ตัวเองเลวไม่ได้ เลยต้องทำเลวบางอย่าง
เพื่อรักษาภาพดีนั้นไว้ ไม่ว่าด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
บางทีก็เกิดความโกรธ กับคนไม่ดี เรื่องไม่ดี

ดีให้ถึงที่สุด คืออะไร
ดีที่ไหน ดีเมื่อไร ดีอย่างไร
ดีแบบไม่ยึดติดคืออะไร

ละติดดี เป็นเรื่องยากมากอีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าได้รู้ตัว มีสติ คงช่วยได้
ติดดี ติดดี เราไม่รู้ตัวกันบ่อยๆ
ธรรมดา ธรรมดา ก็เราเป็นปุถุชน นี่นะ


รักคนไกล ระอาคนใกล้

15 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 12 ธันวาคม 2009 เวลา 3:06 (เย็น) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 2928

ปลูกป่า รักต้นไม้ทั่วทั้งโลกนั้น บางครั้งกลับง่ายกว่ารักต้นไม้ในบ้าน
เราพร้อมจะไปปลูกป่าทั่วทุกหนแห่ง แต่คร้านที่จะดูแลต้นไม้ในบ้าน

ปลูกป่านอกบ้านไม่ใช่เรื่องยาก แค่หย่อนกล้าไม้ลงหลุมแล้วกลบ
จากนั้นก็กลับบ้านได้เลย แต่ปลูกต้นไม้ที่บ้านสิ เรายังต้องรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยนานนับปี
ครั้นต้นไม้เติบโตสูงใหญ่ ก็ยังต้องเสียเวลากวาดใบไม้ร่วงไม่หยุดหย่อน
วันดีคืนดีกิ่งไม้อาจตกมากระแทกหลังคาเป็นรู

เป็นเพราะต้นไม้นอกบ้านให้แต่สิ่งดี ๆ
มีแต่สิ่งที่น่าชื่นชม ไม่เป็นภาระแก่เราเลย
เราจึงรักเขาได้ง่าย ส่วนต้นไม้ในบ้านนั้นเรียกร้องการดูแลเอาใจใส่จากเรา
แถมยังอาจก่อปัญหาให้ด้วย หลายคนจึงมองเห็นแต่ข้อเสียของเขา จนรู้สึกระอาขึ้นมา

เป็นเพราะเหตุผลเดียวกันนี้หรือเปล่า
ผู้คนเป็นอันมากจึงรักและชื่นชมคนอื่นได้ง่ายกว่าคนในบ้าน
เราเห็นแต่ความดีของคนไกลตัวเพราะเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราเลย
ส่วนคนในบ้านนั้นอยู่ใกล้กับเรามากเกินไปจึงเห็นแต่ข้อเสียของเขา
หรือเห็นเขาเป็นภาระที่ต้องดูแลเอาใจใส่จนกลบข้อดีของเขาไปเกือบหมด

ผลก็คือเรามักสุภาพอ่อนโยนกับคนไกล แต่มึนตึงฉุนเฉียวง่ายมากกับคนใกล้ตัว
อะไรก็ตามยิ่งอยู่ใกล้ตัวมากเท่าไร เราย่อมหน่ายแหนงและระอาได้ง่ายมากเท่านั้น

ที่แล้วมาเราอาจมองข้ามไปเพราะคุ้นชินความดีที่เขาทำกับเราจนมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
เพลงที่แสนไพเราะ หากได้ฟังทุกวันทุกคืนก็กลายเป็นเพลงดาษ ๆ

ไม่มีเสน่ห์สำหรับเรา ฉันใดก็ฉันนั้น
คำพูดที่ไพเราะของภรรยา น้ำใจของสามี หรือความใส่ใจของพ่อแม่
หากเราได้ยินได้ฟังหรือได้รับติดต่อกันเป็นปี ๆ หรือนานนับสิบปี
ก็กลับกลายเป็นสิ่งสามัญจนเรามองไม่เห็นความสำคัญ

ไม่ต่างจากอากาศที่เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าทั้ง ๆ ที่ขาดมันไม่ได้เลย

น่าแปลกก็ตรงที่หากคนใกล้ตัวทำผิดพลาด
หรือสร้างความไม่พอใจแก่เรา แม้เพียงครั้งเดียว
การกระทำนั้น ๆ กลับฝังใจเรา
ได้นานหรือลึกกว่าความดีที่เขาทำกับเรานับร้อยนับพันครั้ง
ใช่หรือไม่ว่าเวลาเขาทำดีกับเรา เรามองว่านั่นเป็น “หน้าที่ของเขา”
หรือเป็น “สิทธิที่เราควรได้รับ”

แต่เมื่อใดที่เขาทำไม่ดีกับเรา ทำให้เราไม่พอใจ
เรากลับมองว่าการกระทำเช่นนั้นเป็น “สิ่งที่ไม่สมควร”
เป็นเรื่อง “ไม่ธรรมดา” ดังนั้นจึงฝังใจเราได้ง่ายกว่า

อันที่จริงเขาอาจไม่ได้ทำผิดพลาดเกินวิสัยปุถุชน
แต่ความที่เรามักจะมีความคาดหวังสูงจากคนใกล้ชิด
ความผิดพลาดของเขาแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เราหัวเสีย
ขุ่นเคือง หรือน้อยเนื้อต่ำใจได้ง่ายและนาน

คนในบ้านหรือคนใกล้ตัวนั้น ไม่ว่าจะดีแสนดีเพียงใด
ก็ย่อมมีวันที่ต้องกระทบกระทั่งกับเราบ้าง

แต่หากเราไม่ฝังใจอยู่กับเหตุการณ์เหล่านั้น
หันมามองและชื่นชมคุณความดีของเขา
เปิดใจรับรู้ความรักที่เขามีต่อเรา เราจะรักเขาได้ง่ายขึ้น
และตระหนักว่าเขามีความสำคัญต่อชีวิตของเรายิ่งกว่าคนไกลตัวเสียอีก
อย่ารอให้เขาจากไปเสียก่อนถึงค่อยมาเห็นคุณค่าของเขา
ถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว

เพราะใจที่ชอบเห็นแต่แง่ลบมากกว่าแง่บวก
มิใช่แค่ต้นไม้ในบ้าน หรือคนในบ้านเท่านั้น
หากยังรวมถึงทรัพย์สมบัติในบ้านด้วย
แต่นั่นยังไม่ใกล้เท่ากับร่างกายและจิตใจของเราเอง

รักคนไกล ระอาคนใกล้
อ่านมาจาก http://www.visalo.org/article/Image255209.htm
เขียนโดย  ภาวัน นิตยสาร IMAGE กันยายน ๒๕๕๒
นำบางส่วนมาให้อ่านค่ะ โปรดอ่านจากต้นฉบับ และ ขอขอบคุณผู้เขียนอย่างยิ่งค่ะ


คิด..คิด..เท่าไร..

6 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 5 พฤศจิกายน 2009 เวลา 7:06 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 1334

ความสุข เรามักจะอยากได้ความสุข ทำอะไรเพื่อความสุข แต่มักจะลืมคิดไปว่ามันไม่จีรังยั่งยืน  จะสุขอย่างนั้นตลอดเวลาก็ไม่ใช่ จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง เราจึงมักขาดทุนอยู่เสมอเพราะเราเก็งกำไรผิดไป…

ความจริง เราจะโกรธนักถ้าใครหลอกเรา แต่ถ้าเราไม่รู้เองไม่เป็นไร เราอยากได้ความจริงและมักคิดไปเองว่าเป็นสิทธิของเราที่จะได้รับความจริง แล้วอะไรคือความจริง มันคือสิ่งสมมุติที่เรียกชื่อให้ตรงกันใช่หรือเปล่า ในเมื่อความคิดมีหลากหลายแนวทาง หลากหลายระดับ จุดที่ความจริงอยู่ในใจของคนอาจเป็นคนละจุดในเรื่องเดียวกันก็ได้

ความจริงจัง เราเอาจริงกับอะไรบ้าง มีบางเรื่องไหมที่เราไม่เอาจริง แล้วเรารู้ตัวไหมว่าเรื่องนั้นควรเอาจริงแค่ไหน  บางที่การจริงจังกับทุกเรื่องอาจไม่ใช่เรื่องน่าทำ  การจับจุดสำคัญได้ว่าควรเอาจริงไหมจึงน่าทำกว่า

จินตนาการ เราจำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง อย่างถ่องแท้หรือไม่ บางสิ่งก็ไม่ต้องการเช่นนั้น เพราะจินตนาการให้ความงาม  ถ้าเมื่อไรไม่ต้องการความงามแล้วจึงค่อยค้นหาความถ่องแท้เถิด เพราะลึกลงไปแท้จริงอาจไม่เหลือความงามอีกเลย

ความไม่สำเร็จ

เป็นมุมมองอย่างหนึ่งที่ดูไม่น่ารื่นรมย์ เป็นเรื่องร้าย บางทีถึงกับพาชีวิตอับเฉา  แต่มีอีกมุมมองหนึ่งที่ชีวิตควรเก็บเกี่ยวไว้  ในเมื่อเราจ่ายค่าบทเรียนราคาแพง ด้วยความทุกข์ ด้วยความผิดหวังไปแล้ว เมื่อเราคิดได้ ได้คิด ความไม่สำเร็จนั้นมีอะไรหลายๆอย่าง ที่สมควรแก่ราคา อย่าปล่อยให้สูญเปล่า เรียนรู้จากเหตุการณ์

เป็นเพราะเราตั้งเป้าหมายไว้อย่างหนึ่ง แต่เราได้อย่างอื่นแทนเป้าหมายนั้น  มันเป็นเพียงการเรียกชื่อเท่านั้น ว่า ไม่สำเร็จ หรือ มันขึ้นกับความคิดเราว่า จะคิดอย่างไร การได้เรียนรู้คือการหยอดกระปุกชีวิต  เอาความไม่สำเร็จมาสร้างความสำเร็จ เอาความทุกข์มาสร้างภูมิคุ้มกันชีวิต

เหตุการณ์หนึ่งคือการเปิดประตูอีกครั้งหนึ่ง  จะทำอย่างไรให้ดีกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า   ทำความจริงตรงหน้าให้ดีที่สุด ใช้สติ ใช้ปัญญา ในทางที่เกิดประโยชน์  เพราะชีวิตคือเรื่องหลากหลายที่รอการปรับสมดุลย์

ส่องกระจก เรามักส่องกระจกเพื่อดูภายนอก บางทีก็นอกของนอกอีกชั้น คือชั้นที่มาจากอย่างอื่นนอกเหนือจากสิ่งที่เรามีอยู่ จะเป็นการแต่งหน้า แต่งกาย แต่งผม ก็แล้วแต่ บางทีถ้าการส่องกระจกนั้นมองให้เห็นตัวตนได้ก็คงดี คล้ายๆที่โบราณว่า ตักน้ำใส่กระโหลก ชะโงกดูเงา ซึ่งมีความหมายให้เจียมตัว แต่ที่นี้จะหมายให้พิจารณาตัวโดยทั่วไป ไม่เพียงเจียมตัวแต่ตรวจสอบภายใน มองว่าหน้าตาอย่างนี้หรือที่จะเป็นอย่างนั้น จะทำอย่างนี้ ทำจริงหรือไม่ หรือ มองว่า คนคนนี้หรือคิดอย่างนั้น คิดอย่างนี้ คิดดีหรือ คิดร้าย พิจารณาแล้วเห็นตัวเองอีกมุมหนึ่งไหม ร่างกายเป็นที่อาศัยของจิตใจ บางคนติดต่อกันที่ระดับกายและวาจาเท่านั้น แต่บางคนติดต่อกันที่ระดับใจไม่ได้ยึดติดกับร่างกายก็มี


การทำให้ไม่มี

3 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 16 ตุลาคม 2009 เวลา 9:41 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 1320

การให้ เป็นการทำดี เราพบกันเยอะแล้วในชีวิตประจำวัน
จนเราเผลอคิดไหมว่า การทำดี คือการให้
วันนี้เกิดความคิดขึ้นมาว่า การไม่ให้ ก็เป็นการทำดี ได้เหมือนกัน
ถ้าให้แล้วจะเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ การไม่ให้คือการทำดี คือการทำให้ไม่มี

เพราะถ้าชีวิตเป็นสมการคงไม่ใช่ สมการชั้นเดียว
ความซับซ้อน ซ่อนเงื่อนของชีวิตนั้น ทำให้เราทำดี ทำไม่ดี โดยไม่รู้ตัวก็ได้

การคิดมีได้หลายระดับ สิ่งหนึ่งๆจึงมีหลายระดับไปด้วย
และเมื่อก่อให้เกิดการกระทำ จึงเกิดได้หลายระดับไปด้วย
ส่วนประกอบ บุคคลที่เกี่ยวข้อง ก็อาจเห็นตรงๆว่ามี 1 แต่ที่จริงลูกโซ่มีมากกว่านั้น
เหมือนลูกคลื่นเมื่อเกิดแล้วกระทบต่อ ๆ ๆ ๆ ไปอีกหลายวง

โดยมากเราไม่ได้คิดละเอียด ไม่ได้หวังให้เกิด หรือ ไม่เกิด อะไรซับซ้อนนัก
แต่กลายเป็นความประมาท เพราะจริงๆมันซับซ้อนเอง
ด้งนั้น การมีสติ มีสมาธิไตร่ตรองเท่านั้นจะทำให้เราพิจารณาเชิงซ้อนได้มากขึ้น

 


มองให้เป็น คิดให้ออก

5 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 10 ตุลาคม 2009 เวลา 9:12 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 1804

มองให้เป็น แปลว่า  มองอย่างผู้รู้จักคิด  มองโดยใช้สติปัญญา มองไปให้ไกล มองให้รอบด้าน
แต่จะแปลว่า มองให้ไม่ตาย ก็ดีนะ….แปลว่า ให้เกิ้อหนุนชีวิต จิตใจ ต่อตนและผู้อื่น
ให้มีเมตตา และ ให้อภัย ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น

คิดให้ออก แปลว่า คิดให้ได้คำตอบออกมา ไม่ใช่คิดวกวนไปมาหาคำตอบไม่ได้
แต่จะแปลว่า  คิดให้ออกจากตัวบ้าง อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง หรือ อย่าคิดเอาแต่ได้
ออกจากใจเรา ไปดูใจผู้อื่น ก็ดีนะ….

มองให้เป็น  คิดให้ออก อิอิ อุอุ  คิดไม่ออก ไปบอกอุ้ยเน้อ…..ฮา…



Main: 0.38466596603394 sec
Sidebar: 0.26417803764343 sec