ความรู้ต้องคู่กับความรู้สึก : พระไพศาล วิสาโล

ไม่มีความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 3 กันยายน 2010 เวลา 7:31 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต, คำสอน #
อ่าน: 2786

ความรู้ต้องคู่กับความรู้สึก
พระไพศาล วิสาโล

นิตยสารสารคดี : ฉบับที่ 284 :: ตุลาคม ๕๑ ปีที่ ๒๔
คอลัมน์รับอรุณ : ความรู้ต้องคู่กับความรู้สึก

“รู้” กับ “รู้สึก” เป็นเสมือนฝาแฝดที่มีความสำคัญกับมนุษย์ทั้งคู่ ปัญหาที่น่าคิดคืออะไรเป็นพี่ อะไรเป็นน้อง อะไรมาก่อน อะไรมาหลัง

อ่านต่อ »


ทำตามหน้าที่…..

1 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 31 สิงหาคม 2010 เวลา 8:22 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 2366

ทำหน้าที่ คือ การปฎิบัติธรรม
ทำทุกสิ่งบนความถูกต้อง คือ ชอบธรรม

( หลวงปู่พุทธทาส )

***************************************************************

อ่านต่อ »


ความรุนแรง กับ ความสงบ

1 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 20 พฤษภาคม 2010 เวลา 2:07 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 1430

โชคดีที่เกิดเป็นมนุษย์ มีปัญญา
แต่โชคร้าย ถ้าไม่ใช้ความเป็นมนุษย์ให้อาหารปัญญา

ป้อนอาหารให้มาร หรือ ป้อนอาหารให้ปัญญา

ความรุนแรง ตอบด้วยความรุนแรง
จะได้ความรุนแรงรวมมากขึ้น อาจเป็นหลายเท่า
เป็นอาหารของมาร มารชอบ
จึงทำให้ สะใจ รู้สึกชนะ ข้าเก่ง สมน้ำหน้า ได้ใจ อยากจะทำอีก อยากเห็นเขาแพ้
ในขณะเดียวกัน เพิ่มความกังวล ความเห็นแก่ตัว กลัวเสียหน้า กลัวแพ้
เพิ่มความรุนแรงถ้าถูกตอบโต้ แรงมาต้องแรงกลับให้มากกว่าอีกจะได้ชนะ
ผลคือแลกกับสูญเสีย จึงไปโกรธเพิ่ม ทุกอย่างทวี ยิ่งไปไกล ยิ่งกลับยาก มารชอบ

ความรุนแรง ตอบด้วยความสงบ
จะได้ความรุนแรงลดลง ความสงบเพิ่มขึ้น
แต่ไม่เป็นอาหารของมาร มารไม่ชอบ
จึงทำให้ ไม่สะใจ หงุดหงิด เสียใจ กลัวแพ้ กลัวถูกหยาม ลังเล

ตอนนี้คือสติจะเกิดไหม ถ้าสติไม่เกิดมารชนะ
ถ้ามารชนะ กลับไปรุนแรงอีก
ถ้าสติเกิดมารแพ้ ใจเลือกสงบ ไม่เลือกแพ้ ชนะ

ไม่รุนแรง มาร..อด
สงบ … มารถูกทำลาย
ยื่นไมตรี …มารบาดเจ็บ
เสียสละ…มารตาย

เกิดความสงบ เพิ่มความสุข ลดความทุกข์
ใจสงบ เกิดเมตตา เกิดความคิดดีๆ ลดความกังวล ลดความเห็นแก่ตัว มั่นใจ
มารก็คือ กิเลส ตัณหา มานะ อัตตา
ต่อเมื่อความเป็นมนุษย์แข็งแรงขึ้น  มีปัญญา
มนุษย์จึงมองเห็นทางออก ใจสว่าง ตาสว่าง
เห็นใจตน ใจผู้อื่น เห็นทางที่จะไปด้วยกัน
ทั้งหลายทั้งปวงก็เป็นสิ่งชั่วคราวทั้งสิ้น

คำสอนหลวงพ่อชา

อารมณ์ทั้งหลายที่ว่ามานี้ เหมือนกันกับงูเห่าที่มีพิษร้าย
ถ้าไม่มีอะไรมาขวาง มันก็เลื้อยไปตามธรรมชาติของมัน
แม้พิษของมันจะมีอยู่ มันก็ไม่แสดงออก ไม่ได้ทำอันตรายเรา
เพราะเราไม่ได้เข้าไปใกล้มัน งูเห่าก็เป็นไปตามเรื่องของงูเห่า มันก็อยู่อย่างนั้น

ดังนี้ ถ้าหากเป็นคนที่ฉลาดแล้ว ก็จะปล่อยหมดสิ่งที่ดีก็ปล่อยมันไป
สิ่งที่ชั่วก็ปล่อยมันไป สิ่งที่ชอบใจก็ปล่อยมันไป สิ่งที่ไม่ชอบก็ปล่อยมันไป
เหมือนอย่างเราปล่อยงูเห่าตัวที่มีพิษร้ายนั้น
ปล่อยให้มันเลื้อยของมันไปมันก็เลื้อยไปทั้งพิษที่มีอยู่ในตัวมันนั่นเอง


คำถามเฮงซวย : ดร.โสรีช์ โพธิแก้ว

10 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 9 พฤษภาคม 2010 เวลา 7:23 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต, คำสอน #
อ่าน: 4578

ขออนุญาตเอาประสบการณ์มาแบ่งปันเพื่อขยายประโยชน์นะคะ
คำถามเฮงซวย คำนี้ฟังแล้วสะดุ้ง แต่โดนใจ เหมือนลูกถึบของหลวงพ่อชา
วันนั้นเราได้เรียนรู้เรื่องการพัฒนาการเกษตร การพัฒนาชีวิต จากหัวข้อ ชำแหละครูบา

หลังจากจบการบรรยาย และมีการแสดงความคิดเห็น กันแล้ว
ป้าหวานก็เกิดอยากฟังความคิดของ อ.โสรีช์ เนื่องจากอาจารย์มีอะไรดีๆจะบอก
จะสอนเรา เยอะแยะเลย ครั้งนี้ก็เช่นกัน

ป้าหวาน: อยากให้อาจารย์อธิบายเกี่ยวกับ คำว่า พัฒนา กับ ดีแล้ว พอแล้ว ว่า
ความพอดีของมันอยู่ตรงไหน ไม่ทราบอาจารย์เข้าใจคำถามของป้าหวานไหมนะคะ
หมายถึง เมื่อไรเราจะบอกได้ว่าดีแล้ว หรือ ยังไม่ดี พอแล้ว หรือ ต้องพัฒนาอีก

อ.โสรีช์: คำถามเฮงซวย ผมไม่ตอบ
ป้าหวาน : …..…….
พี่หมอจอมป่วน : ( ช่วยแก้สถานการณ์มั้ง อิอิ ) พอดีถ้าไม่มีอะไรแล้ว ได้เวลาทานข้าวแล้ว..
อ.โสรีช์ : เอา..ผมตอบนิดหนึ่ง คืออย่างนี้นะน้องป้าหวาน บางคำถามไม่จำเป็นต้องตอบ
คำถามนี้เป็น speculation…ถ้าอย่างนี้ ..แล้วจะเป็นอย่างไร…ถ้าวันนี้ฝนตกแล้วจะ……
เป็นการคาดคะเน ( แล้วท่านก็ยกคำพระ ป้าหวานจำไม่ได้..อิอิ ) เมื่อคำถามไม่จริง คำตอบก็ไม่จริง
มันก็ไม่จริงทั้งเรื่อง

ป้าหวาน :  อย่างนี้แหละคือคำตอบ นี่คือคำตอบอย่างดี
อ.โสรีช์ : ผมตอบคำถามที่น้องป้าหวานไม่ได้ถามแล้วกัน
ป้าหวาน : ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ (ยิ้มแป้น )

อาจจะถ่ายทอดไม่ครบ ไม่ตรงกับคำพูดทั้งหมดนะคะ

บางคำตอบเมื่อถึงเวลาจึงมีคำตอบ
เราคิดอย่างโน้น อย่างนี้ ไป ก็ยังไม่รู้แน่อยู่ดี
คราวนี้ รู้จักหรือยัง คำถามเฮงซวย.


รวมพระธรรมคำสอนหลวงปู่ดู่ พระผู้จุดประทีปในดวงใจ

ไม่มีความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 28 เมษายน 2010 เวลา 3:57 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต, คำสอน #
อ่าน: 3542

ขอขอบพระคุณ FW mail ค่ะ


ความยากอย่างหนึ่ง…

2 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 3 เมษายน 2010 เวลา 1:59 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 2333

ความยากอย่างหนึ่งอยู่ที่การหมุนเวียน
ออก ไป กลับ เข้า จม ไม่จม ยึด ไม่ยึด
ติด จม ติด ปล่อย
ออก ไป กลับ เข้า หมุนไปอย่างนี้

เกิด สังเกต เกิด สังเกต
หมั่น สังเกต จึงเกิดความเข้าใจ

จึงเกิดจังหวะ มีระยะห่าง มีการหยุด
ก่อนที่จะเป็นไปอีก หมุนเวียนอีก


ตอบจดหมายรัก(ชาติ)ฤดูร้อน

2 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 24 มีนาคม 2010 เวลา 8:31 (เย็น) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 1516

พระ ไพศาล : อาตมาถือเป็นหน้าที่ เมื่อสังคมขัดแย้งแตกแยกกันขนาดนี้
หลักธรรมพุทธศาสนาเท่านั้นที่จะมาหยุดตรงนี้ได้
เพราะจริงๆ แล้วปัญหามันเริ่มที่ความไม่สงบสุขในใจ
คือใจที่วุ่นวาย เป็นทุกข์ ทั้งหลายนั้นเกิดมาแต่เหตุ 3 อย่าง คือ ตัณหา มานะ ทิฐิ

ตัณหา ก็คือในเรื่องของผลประโยชน์ ซึ่งพอมีมากเข้าทำให้สำนึกต่อส่วนรวมเลือนหายไป
มานะ คือความสำคัญตัวว่าดี ว่าเหนือกว่า และ
ทิฐิ ที่เป็นความใจแคบ เพราะยึดติดถือมั่นในความคิดของตน

อ่านต่อ »


ว.วชิรเมธี : แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป (This too shall pass)

2 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 21 มีนาคม 2010 เวลา 4:54 (เย็น) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 5363

A sunset in Hora Sfakion

ในอดีตมีพระราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักร ฮีบรูพระนามว่าโซโลมอน
พระราชาได้สั่งให้เจ้าเมืองทุกเมืองทำของวิเศษให้อย่างหนึ่งโดยของสิ่งนั้นต้องมีคุณสมบัติพิเศษคือ…
ของสิ่งนี้ จะสามารถเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกของพระราชาได้

อ่านต่อ »


ออกนอกลู่ นอกทาง

2 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 19 มีนาคม 2010 เวลา 9:06 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 2177

ออกนอกลู่ นอกทาง

สำนวนไทย..ช่างคิดแล้วได้ความหมาย
จะตีให้สั้น ให้ยาว ให้ตื้น ให้ลึก ก็ได้
สงสัยจะแก่แล้ว…ก็เลยคิดต่างจากตอนเป็นเด็ก.(ฮา.)..
ตอนเด็กๆคิดว่า แปลว่าทำอะไรไม่ถูก ไม่ควร
เตลิดเปิดเปิง ทำผิดแผกจากที่ควรทำ

ตอนนี้คิดเพิ่มว่า ลู่ กับ ทาง ก็บอกอะไรบางอย่างไหม..

อ่านต่อ »


รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี….

2 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 7 มีนาคม 2010 เวลา 12:04 (เย็น) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 3073

เดี๋ยวนี้อะไรๆก็ต้องตีความ แม้แต่คำว่าตีความ….
เดิมทีการเข้าใจอะไรๆ ก็เข้าใจตามตัวอักษร
นั่นอาจเป็นเพราะเวลานั้น..คือ เวลานั้น..
และ.เวลานี้ คือ..เวลานี้…

เมื่อผ่านเวลา ก็รับยาขมหม้อเล็ก หม้อใหญ่
ไปตามสถานการณ์ แบบฝึกหัดก็ผ่านไปหลายบท
ละครชีวิตก็ดูมาหลายเรื่อง

อย่าไปโทษอะไรเลย…มันเป็นธรรมดา ธรรมชาติ เช่นนั้นเอง
ถ้าเราเกิดมารู้หมดทุกอย่าง ทำได้หมดทุกอย่าง
เราคงไม่ใช่คนปกติ…แม้ร่างกาย แม้สรรพสิ่ง ก็ยังมี
วันเวลาเป็นตัวกำหนดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
เราจะคิดหวังว่า น่าจะ..อย่างนั้น อย่างนี้ นั้นก็คือ ความอยากแล้ว..

แม้ในศีลข้อที่ 1ที่ท่องมาแต่เด็กๆ เด็กๆท่องว่าห้ามฆ่าสัตว์
ถ้าตีความตามตัวอักษร  ห้ามฆ่าให้ตาย ทำให้ตาย
ตามตัวอักษรน่าจะหมายถึงการทำให้ตายโดยเจตนา
แต่ถ้าจะคิดให้ลึกซึ้ง ถึงเจตนาของคำสอนแล้ว มีเจตนาลึกซึ้ง
กว่าการฆ่ามาก ดังจากคำสอนของสมเด็จพระสังฆราช
ใน แสงส่องใจ พระองค์สอนถึงเจตนาของศีลข้อ 1 ที่ลึกซึ้ง
ว่า อย่าว่าแต่ทำให้ถึงตายเลย แม้แต่การกระทบต่อกาย หรือ ใจ
ก็ไม่ควรทำ
คำเทศนานี้ชี้ให้เห็นลึกลงไปในคำสอน
คำห้ามของพระพุทธองค์ ซึ่งเราจะเรียนกันตามตัวอักษรไม่พอ

แต่นั่นก็ขึ้นกับคนเรียนด้วยเหมือนกันว่าจะคิด พิจารณาเพียงใด
สาเหตุหนึ่งที่เกิดเรื่องต่างๆระหว่างคนก็คือ การกระทบที่ใจ
การกระทบที่กาย นั้นเอง
กระทำอย่างไร กระทบอย่างไร
ด้วยวาจา ด้วยสื่อ ด้วยเจตนา ด้วยไม่เจตนา กระทำโดยตรง
กระทำโดยอ้อม ก็ล้วนแต่มีผลทั้งสิ้น จะผลในระดับใดก็สุดแต่
จะพิจารณาได้โดยสติ โดยสมาธิ นั้นคือก่อกรรมแล้ว อาจดี หรือ ไม่
ก็พิจารณาโดยละเอียดได้อีก การไม่ทำชั่ว เท่ากับอย่าติดลบ การทำดี
คือทำเพิ่มจากเดิม ลดการติดลบ จนถึงทำให้เป็นบวก และการทำให้จิตใจ
บริสุทธิ์ คือ ลดละล้าง กืเลส ความเศร้าหมองที่นำไปสู่การติดลบ
และการลดความดี จากที่เคยมีลงไป

การรู้รักษาตัวรอดนั้น ถ้าตีความในทางลบ อาจหมายถึง
การเอาตัวรอดโดยทิ้งความรับผิดชอบ และ หรือ เห็นแก่ตัว
แต่ถ้าตีความในทางบวก อาจหมายถึง
กระทำการโดยรอบคอบ และไม่ทิ้งความรับผิดชอบ ไม่เห็นแก่ตัว
แต่รู้จักคิดเลือก ทำการใดๆในทางที่ชอบที่ควร และไม่เป็นภัยแก่ใคร

ในสังคมทุกวันนี้ ฉลาด แต่ ไม่เฉลียว ก็พัง…
ดังนั้นการกระทำใดๆพึงกระทำโดยไม่ประมาท
แมัการทำดี ก็มีการทำดีโดยประมาทได้ด้วย…..
ก็อยู่ในสังคมมนุษย์ จึงต้อง รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี
ดูที่เจตนา ทำดีโดยไม่ประมาท



Main: 0.098320007324219 sec
Sidebar: 0.20916795730591 sec