คิดแปลกๆตอน : เงินไปแล้ว แต่ทิ้งอะไรไว้…
โดย ป้าหวาน เมื่อ 13 มิถุนายน 2011 เวลา 8:51 (เช้า) ในหมวดหมู่ การจัดการ, ข้อคิด ชีวิต, เรื่องไม่เป็นเรื่อง #
อ่าน: 2752 เงิน..เป็นวัตถุที่มีค่า
แต่วิถึที่เงินผ่านมา และ ผ่านไป
กลายเป็นสิ่งสร้าง หรือ ทำลาย คุณค่าของมันในเชิงคุณภาพ
และเงินเป็นสิ่งที่ผ่านไป แต่วิถีนั้นถูกบันทึกไว้
แล้วกลายเป็น “ค่า” อีกแบบ ของคนที่อยู่ในวิถึนั้น
« « Prev : คิดแปลกๆตอน : ท่องเที่ยว
Next : คิดแปลกๆตอน : ลึกหรือเปล่า » »
4 ความคิดเห็น
ถ้าเวลาเป็นเงินเป็นทองจริง คนขี้เกียจคงร่ำรวยกันหมด
money cannot buy everything except those who often say so.
สองแถวที่ผมแต่งไว้นมนาน อันหลังแปลเป็นไทยแล้วไม่ไพเราะ/กระชับ เลยปล่อยไว้เช่นนี้แล
ใครว่า…. ถ้าคนขี้เกียจมาก มีเงินมาก ก็ใช้มาก แต่หาน้อยเพราะขี้เกียจทำเอง จึงมีแต่ใช้เงินๆๆซื้อๆๆๆ และ ขี้เกียจหา จึงมีแต่ใช้เงินๆๆๆ จะร่ำรวย ได้อย่างไร…มีแต่จะจนลงๆๆ..555 เอิ้กส์ศ์ษ์
ประโยค ภาษาอังกฤษนี้ ทำให้คิดถึง ประโยคที่ว่า มนุษย์หาเหตุผลมารองรับการกระทำ ได้เสมอค่ะ เช่นถ้าคิดให้ลบก็หาเหตุผลมารับรองให้ลบจนได้ แต่ถ้าจะคิดให้บวก ก็หาทางคิดและหาเหตุผลมารองรับให้เป็นบวกจนได้
เช่น
เพราะต้องใช้เงินในชีวิตประจำวัน
คนจึงต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้เงินมา
ถ้าจะมองเท่านี้ หลายๆคนคงกลายเป็นถูกเงินซื้อ
เพราะ ยอมทำอะไรแลกกับเงิน
แต่ถ้ามองต่อว่า แลกกับอะไร
และ เหตุผล เหนือ กว่าเงินหรือเปล่า
ก็ตอบได้ว่า เงินซื้อไม่ได้ทุกสิ่ง นิ อิอิ
แต่ในความหมายของป้าหวานที่เขียนในบันทึก
หมายถึง ตัวเงินนั้นไม่ใช่ตัวการ
ความคิดของคนที่เกี่ยวข้อง
วิธีการหาเงิน และ วิธีการจ่ายเงิน
ต่างหากที่บ่งบอกคุณค่า
ว่าเงินนั้นถูกใช้อย่างมีคุณค่ามากกว่า จำนวน
หรือ ถูกใช้แบบไม่มีค่า
คนรับและคนจ่ายก็พลอย อาจถูกวัดค่า จาก วิถี ของเงินค่ะ
ใครว่าล่ะแม่ sweety auntie..ถ้าคนขี้เกียจจริง ก็มีเวลาว่างมาก แล้วเวลาเป็นเงินเป็นทอง ดังนั้นคนขี้เกียจก็จะมีเงินทองมากที่สุดกว่าใครเขา
แล้วยังขี้เกียจใช้เงินเสียอีก …(เหมือนผมเลย ..เอิ๊กส์ษ์ศ์s)
ไปเจอบทความนี้ของพระอาจารย์ไพศาล จึงนำมาไว้ที่นี่ด้วย เพื่อขยายขัอมูล ความคิด ค่ะ
..*..*..*..*..*..*..*..*..*..*..*..*..*..*..*..*..*..
อีกคราวหนึ่งท่านได้รับนิมนต์เทศน์ฉลองวัดของยาย
แฟง ยายแฟงผู้นี้เป็นแม่เล้าที่ร่ำรวยจากน้ำพักน้ำแรง
ของโสเภณี เมื่อยายแฟงมีอายุมากขึ้น อยากทำบุญ
ครั้งใหญ่เพื่อลบรอยบาป จึงบริจาคเงินสร้างวัด ตั้งชื่อ
ว่าวัดใหม่ยายแฟง เมื่อสร้างวัดเสร็จ ยายแฟงดีใจมาก
ที่สามารถสร้างวัดได้อย่างเศรษฐีแม้มีอาชีพเป็นแม่เล้า
เมื่อหลวงพ่อโตขึ้นธรรมาสน์ ท่านได้เทศน์ให้ยายแฟง
ฟังต่อหน้าว่า
“ยายแฟงสร้างวัดครั้งนี้ ได้ผลอานิสงส์บกพร่อง ไม่เต็ม
เม็ดเต็มหน่วย เพราะเงินที่สร้างวัดเป็นเงินที่เกิดจาก
น้ำพักน้ำแรงของคนอื่น ที่ไม่ชอบด้วยธรรมเนียม ถ้า
เปรียบอานิสงส์นี้ด้วยเงินเหรียญบาท ยายแฟงก็ได้
ไม่เต็มบาท จะได้สักสลึงเฟื้องเท่านั้น นี่ว่าอย่าเกรงใจ
กันนะ”
สลึงเฟื้องนั้นเป็นจำนวนเท่ากับค่าตัวของหญิงโสเภณี
ในซ่องยายแฟง
ใครฟังแล้วก็ชอบใจ หัวเราะกันใหญ่ แต่ยายแฟงไม่ขำ
ด้วย มีแต่ความขุ่นเคืองใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ยาย
แฟงก็เห็นจริงตามที่ท่านว่า ว่าจึงไม่โกรธเคืองท่านต่อ
ไป
วัดใหม่ยายแฟงต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดคณิกาผล
เป็นการยกย่องคณิกาอันเป็นที่มาของวัดนี้ ทุกวันนี้
น้อยคนที่จะรู้ว่ายายแฟงเป็นคนสร้างวัดนี้