ไปม.มหิดลรับเจ้าบุญเหลือกลับสู่อ้อมกอดของเจ้าดำ

4 ความคิดเห็น โดย krutoi เมื่อ 24 กรกฏาคม 2009 เวลา 20:09 ในหมวดหมู่ สัตว์โลกผู้น่ารักและ ธรรมชาติ #
อ่าน: 1574

ตื่นเต้นยังกลับได้รางวัลอะไรก็ไม่รู้ ไปถึงโรงพยาบาล แจ้งว่ามาจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่ม

แถมบอกว่ามีลูกเรียนป.โทอยู่ที่นี่ ขอใช้สิทธิ์ เพื่อลดค่าใช้จ่าย 10 %

แต่ตลกมากๆ ที่เจ้าของสุนัข เป็นชื่อจริงของครูต้อย

 และแถมยังแนะนำให้เจ้าหน้าที่ซิกแซกเปลี่ยนชื่อเจ้าของเป็นลูกสาว

เพื่อใช้สิทธิ์ ค่ารักษา

นึกย้อนไปแล้วละลายใจ

คู่ชีวิตของครูต้อยบอกว่ามันจะลดไปซักกี่ตังกัน

ถือว่าทำบุญให้สุนัขไร้ญาติไป สรุปว่าไม่ขอลด

 และหยอดกระปุกรับบริจาคสำหรับสุนัขป่วย อีกเล็กน้อยตามกำลัง

คุณหมอผู้หญิงหน้าตาสวย น่ารักมาก เดินเข้ามา

ทักทายกันและตรวจสอบว่าเป็นเจ้าของบุญเหลือแล้ว

หมอก็พูดขึ้นว่า บุญเหลือยังผ่าตัดไม่ได้ ต้องรอให้โตอีกหน่อย

อีกอย่างเกล็ดเลือดต่ำ หมอให้ยาบำรุง และยารักษาอาการอักเสบ

 คิดว่าไม่นานจะดีขึ้น และกระดูกที่แตกบริเวณขาหลังจะสามารถสมานได้เอง

 ระหว่างอยู่ที่นี่หมอได้เข้าเฝือกให้และเพิ่งถอดออก  และก็เรียกไม่ถูกว่าหมอเรียกวิธีรักษาแบบนี้อย่างไร

ไม่ทันจำ เพราะใจอยากจะพูดกับหมอที่คุยทางโทรศัพท์ซึ่งเป็นหมอผู้หญิง

 จึงบอกหมอว่าอยากเจอหมอที่พูดโทรศัพท์กับครูต้อย หมอบอกว่า หมอเองค่ะ

ฉันถึงกับอึ้ง เพราะวันนั้นกับวันนี้ไม่เหมือนกันเลย พูดจาคนละแบบกับทางโทรศัพท์

แต่ก็ได้บอกหมอไปตรงๆว่าหมอพูดไม่ดีเลยนะคะ ในวันนั้น ทำให้เสียความรู้สึกจริงๆ

เจ้าของสุนัขนะไม่เหมือนกันทุกคนหรอก อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่เจ้าของ

แต่เวทนามัน แล้วนี่จะทำอย่างไรดี

หมอบอกว่าเอากลับไปไว้ที่บ้านก่อนนะคะ

 แล้วอีก 7 วันให้พามาให้หมอดู

อีกอย่างจะได้ไม่ต้องเสียค่าที่พักสุนัข วันละ 180 บาท

บางทีมันอาจจะหายโดยไม่ต้องผ่าตัด เพราะยังอ่อนมาก ทุกอย่างอาจดีขึ้น

หมอบอกว่าไม่น่าเป็นห่วงแล้ว เพราะบุณเหลือขับถ่ายได้ดี

ฉันยังขอความเห็นจากหมออีกว่า

หากมันไม่ดีขึ้นแล้วเอามาผ่าตัดมันจะหายดีเป็นปกติสักกี่เปอร์เซ็น

 หมอบอกว่า ประมาณ 80 เปอร์เซ็น ถึงเกือบ100เปอร์เซ็น

ตกลงฉันเอามันกลับมาบ้าน  แวะซื้อกรงให้มันอยู่ ที่บ้านมีผ้าลูกไม้ใช้ทำม่านเหลืออยู่

ไม่ต้องไปซื้อมุ้งมาครอบกันยุง

 ก็เอามาคลุมกรงเพื่อไม่ให้ยุงกัด

เวลาผ่านไป ไม่เกิน 2 ชั่วโมง

เจ้าดำแม่ของลูกสุนัขก็มาแหงนหน้ามองลูกของมันไม่ส่งเสียงร้อง แต่แสดงอาการขอลูกคืน

ฉันเห็นแล้วตื้นตันใจที่แม่ลูกจะได้พบกัน นึกว่ามันจะลืมลูกของมันแล้ว

มันคงได้ยินเจ้าบุญเหลือร้องนั่นเอง

ฉันตัดสินใจร่วมกับพ่อบ้านว่าให้ลูกได้เจอแม่มันก่อน

เพื่อให้ความรักมันเป็นแรงขับให้บุญเหลือหายป่วย หายเจ็บ

ปรากฏว่าเมื่อเจ้าดำได้ลูกคืนมันกลับนำเจ้าบุญเหลือเข้าป่าไปเลย

 ไม่ออกมาให้เห็น ฉันนั่งน้ำตาไหล และคอยมันออกมา ประมาณ 1 ชั่วโมง

เห็นท่าว่ามันไม่คืนลูกให้แน่จึงกลับเข้าบ้าน ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด สงสารทั้งแม่และลูก

 แต่สงสารเจ้าบุญเหลือมากกว่าเพราะมันจะต้องเจ็บปวดขณะเดินทางเข้าไปในป่าที่รกและไม่เรียบ

นึกหวั่นใจว่าว่ามันจะเจ็บหนัก แล้วคืนนั้นทั้งคืน ฉันก็นอนไม่หลับ

ได้ยินเสียงเจ้าบุญเหลือร้องเป็นระยะด้วยความเจ็บปวด

อาจถูกพี่ๆทับขา หรืออาจหิวนม และเจ้าดำคงไม่ให้ดูดนม มันจากแม่มันไป 6 วันเต็ม

คืนนั้นฉันนอนไม่หลับ จนถึงตี 4 ก็ออกไปดูมันใหม่ ปรากฏว่าเจ้าดำเอาบุญเหลือมาส่งให้

 เจ้าบุญเหลือเองก็ดีใจวิ่งมุดๆลากขามาหา ฉันป้อนยาแก้อักเสบ และย่าบำรุง

เอานมกับอาหารเม็ดให้มันกิน แล้วเอามันไปนอนในกรง

โดยเอากรงไปไว้ตรงเพิงร้าง ทางเข้าออกของเจ้าดำ เพื่อมันจะได้เห็นลูกมัน

แล้วก็ไปโรงเรียน แปลกที่ฉันไม่ง่วงเลย ไม่เพลีย และยังไปวิ่งออกกำลังกายตอนเย็นทุกวัน

ฉันต้องตื่นนอนแต่ตี 4 และนอนประมาณ ตี 2 เป็นอย่างนี้มา

ตั้งแต่รับบุญเหลือกลับมาจากโรงพยาบาลเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว จนถึงวันนี้

บุญเหลือเริ่มจำได้ว่ามันจะต้องนอนในกรง และตี 4 จะต้องปล่อยให่มันอยู่กับแม่จนถึงสว่าง

ให้กินข้าว กินยา และให้เล่นกับพี่ๆประมาณ 30 นาที จึงจับเข้ากรง

และปล่อยออกมาวิ่งเล่นพูดคุยกับพี่ๆและแม่อีกครั้งในตอนเย็น และกลับเข้ากรงเป็นอย่างนี้ เพื่อมันจะได้พักผ่อนขา

ไม่ต้องวิ่งตามแม่ของมันตะลอนๆไป รอให้ขาหายดีแล้ว ฉันก็จะปล่อยให้มันเป็นอิสระเต็มร้อยเปอร์เซ็น

เสาร์อาทิตย์นี้ ฉันต้องพาบุเหลือไปพบหมออีกครั้งเมื่อตรวจเช็คร่างกาย

แต่พ่อบ้านต้องไปประชุมอบรมที่นครปฐม

จึงต้องเลื่อนวันไปในวันราชการหลังเลิกงานแล้วซึ่งยังไม่ได้กำหนดวัน

แต่ฉันแจ้งให้หมอทราบแล้วว่าอาจพามาล่าช้ากว่ากำหนดเล็กน้อย

อาการของบุญเหลือที่ฉันสังเกตพบคือ ขาข้างขวาบริเวณต้นขาเหมือกล้ามเนื้อมันห้อยมาแบบถ่วงๆ

สามารถเดินได้คล่องขึ้นแต่ยังต้องใช้ขาหน้าทั้งสองขายกลำตัวเกือบตลอดเวลาที่มันต้องเดิน

เย็นวันหนึ่งฝนตกลงมาหนัก ลูกๆอีกสองตัวของเจ้าดำ สามารถวิ่งหลบฝนทัน

แต่เจ้าบุญเหลือวิ่งไม่ทัน แม่ของมันจึงคาบบริเวณหลังคอ พาหลบฝน เป็นภาพที่น่ารักมาก

อีกวันหนึ่งฉันกลับจากโรงเรียนไม่พบบุญเหลือ

 คงมีใครเปิดกรงฉันจึงส่งเสียงร้องเรียกบุญเหลือๆๆๆ ปรากฏบุญเหลือมากันสองตัว

เป็นลูกตัวที่แข็งแรงของเจ้าดำทั้งสองตัวกระดิกหางเข้ามา ตัวหนึ่งสีดำมีสี่ตา

อีกตัวก็สีดำ แต่มีขนให้คางเหมือนแม่มัน สุนัขพันทางนี่หน้าตาตลกดี

 ชวนมองต่างจากพันธุ์แท้ๆที่ออกมาบล๊อกเดียวกัน

เมื่อห็นบุญเหลือ จึงเจ้าลูกสุนัขสองตัวนี้ว่า น้องเจ้าไปไหน

ประมาณ 5 นาทีฉันก็เห็นบุญเหลือมานั่งแหงนหน้ามองฉัน อยู่ด้านข้าง

และสังเกตเห็นเจ้าดำแม่ของมันยื่นอยู่ใกล้ๆ ฉันบอกเจ้าดำว่าต้องให้บุญเหลือกินยาตรงเวลานะ

ลูกของแกจะได้หายเร็วๆ อีกอย่างอย่าพาลูกเข้าไปในป่า เดี๋ยวเจ้ามังกรจะจับกิน

ฉันเดินไปอุ้มบุญเหลือมาป้อนยาใกล้ๆกรง และสังเกตเห็นบริเวณคอของมันมีรอยน้ำลายเป็นรูปปาก

 แสดงว่าเจ้าดำช่วยคาบพาบุญเหลือมาให้ฉันป้อนยาให้ อัศจรรย์จริงๆ

สุนัขสามารถรับรู้ภาษาคนได้จริงๆ แต่เสียดายที่คนไม่อาจเข้าใจภาษาของมัน เสียงร้องของมัน ก็เดาๆกันไป

ฉันรับรู้ว่าจิตคนสามารถถ่ายทอดความรู้สึกไปยังสุนัขได้ และฉันมักจะสื่อสารกับสุนัขด้วยสายตา และส่งจิตพูดกับมัน

 


วันหยุดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

3 ความคิดเห็น โดย krutoi เมื่อ 19 กรกฏาคม 2009 เวลา 2:25 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1666

พอร่างกายหายดีก็ฉลองวิ่งซะ  15 รอบ สนามฟุตบอล รู้สึกโล่งกาย

การออกกำลังกายนี่วิเศษจริงๆ

ส่งผลดีต่อสุขภาพไม่ว่าจะเป็นระบบการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย

การเคลื่อนไหวร่างกาย สมองทำงานอย่างมีความสุข

เกิดสมาธิ มีสติรับรู้กำกับความคิด

วิ่งไปคิดไป วางแผนคัดเลือกกิจกรรมสร้างความตระหนัก

กระตุ้นให้เกิดความอยากมีส่วนร่วมแบบยั่งยืน…ยากจัง

ให้กับกลุ่มคนทำงานที่จะมาร่วมกันปลูกป่าโกงกางไปด้วย

เลยได้ข้อสรุปที่น่าจะลงตัวในการจัดกิจกรรม

จากการสำรวจต้นโกงกางที่ผู้คนเข้ามาปลูกไม่ขาดระยะด้วยตนเองทำให้พบเห็นข้อที่ต้องคิด

และเกิดปัญหาขึ้นในใจ เป็นปัญหาที่เกินฐานะตัวเองจะแก้ได้

คิดว่าต้องสร้าง และปลูกจิตสำนึกให้กับคนรุ่นใหม่ รุ่นเด็กน้อย

ฟูมฟัก กันตั้งแต่อนุบาล ใส่ลงไปในหลักสูตร

อนุบาลให้รู้จักปูแสม ลิงแสม (สองอย่างนี่หายากขึ้นทุกวันแล้ว) ฝักโกงกาง

เอาฝักมานับเลข  เอามาเรียงกัน เลือกฝักที่มีความยาวใกล้เคียงกัน

แต่งเพลงง่ายๆ สนุกๆให้ร้อง รำ เต้น แข่งวิ่งเปี้ยวฝักโกงกางระบายสีภาพ

ก็น่าจะพอแล้ว ค่อยๆสอนไป ขี้เกียจนักก็เอาไปคร่อมหน่วยการเรียนรู้ เอาไปเสริม

ประถมศึกษาปีที่ 1 ก็จัดกิจกรรมให้มัน ไฮคลาสกว่า อนุบาล ไม่ยาก

ดูหลักสูตรแกนกลางสักหน่อยว่า ป.1 น่าจะทำอะไรได้เรียนรูอะไรได้บ้าง

ให้มันเหมาะกับวัยวุฒิของเด็ก

ส่วนกิจกรรมก็จัดให้มันเข้มแข็งขึ้น

เช่น เก็บฝัก และนับฝักโกงกาง เอาฝักมัดรวมเป็นมัดๆ หัดให้นับรวมทีละ 2 4 6 8 เป็นเลขคู่

หรือจะเป็นเลขคี่

ทำบ่อยๆก็จะ get เอง ดีกว่ามานั่งสอนในชั้นเรียน เรียนจากกระดาษมันจะสนุกอย่างไร

ขีดๆเขียนๆ แถมสมุดก็มีเส้น มีบรรทัด จะเขียนตัวใหญ่หน่อยครูก็เอ็ด

เขียนตกเส้น เลยเส้น ก็ถูกให้คัดใหม่ ครูไม่ดูเลยว่ากล้ามเนื้อมือเด็กบางคนยังไม่พร้อม

ก็บังคับเขียน งานกระดาษ มันวัด ประเมินผลง่าย คนส่วนใหญ่เขา ก็ชอบ มีผลงานไว้อวดกัน

แต่กว่าเด็กน้อยจะเขียนได้สวยไปดูเอาเถอะกระดูกนิ้วมือคดเสียทรงไปก็มี

แล้วก็ทำกิจกรรมบันเทิง สลับกับสอนให้รู้จักคิด

เด็กเล็กๆนี่ก็ฝึกได้ อย่าไปคิดเองว่าเด็กเล็กๆคิดไม่เป็น

ครูนั่นแหละต้นเหตุ ต้นเหตุให้เด็กไม่กล้าคิด

จะตอบอะไรต้องบังคับให้ตอบให้ตรงเฉลยของครู ไอ้ที่ตอบนอกกรอบครูก็บอกว่ามันผิด

ก็ไม่เห็นแจงให้เด็กเข้าใจว่าผิดอย่างไรได้แต่บอกว่า ผิดๆ  ดูง่ายๆ ครูให้เด็กทำเลขบวก

ถามว่าจะมีสักกี่คนที่เข้าใจจริงๆ เด็กก็ทำตามครูสอน ก็เอานิ้วขึ้นมานับ

เด็กอีกคน ไม่นับนิ้วตามครู แต่เอาดินสอสีมาเรียงรวมตามจำนวน แล้วนับรวม

ทีนี้ก็ช้ากว่าเพื่อนที่นับนิ้วตามครูฝ่ายครูหันมาเห็นก็เห็บขึ้นสมองเลย เกาใหญ่

พร้อมส่งเสียงเอ็ดลั่น เล่นเอาเด็กน้อยสะดุ้ง ขวัญหนี จินตนาการหดหายไปทันใด

“ทำไมฉันให้เธอนับนิ้วตาม ทำไม..เธอไม่ทำตาม

มานี่เลย มานั่งเฉยๆ ห้ามกระดุกกระดิกนะ ..ไม่งั้นโดน”

ครูหารู้ไม่ว่าเด็กกำลังสร้างองค์ความรู้ด้วยตัวเอง พร้อมกับสร้างจินตนาอย่างมีความสุข

อ้าววว..แฉลบออกนอกกรอบที่ตั้งใจจะเขียนอีกแล้ว..

ดูท่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับเด็กนับดินสอสีเสียแล้วซิ อิอิ

หรือดึกเกินไป งั้นวันนี้เอาแค่ ป.2 ก่อน


ลานชายเลนจะทำอะไรบ้าง

3 ความคิดเห็น โดย krutoi เมื่อ 19 กรกฏาคม 2009 เวลา 1:35 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1546

ก็อยากจะเรียนให้ทราบว่า ลานชายเลน จะถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ของคนชายเลน ริมเล มาเล่าขานแลกเปลี่ยนเรียนรู้

รับฟังข้อคิดเห็นจากท่านผู้อ่าน ด้วยหวังว่า ข้อคิดที่ตอบกลับมาจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความคิด นำไปสู่การจัดการองค์ความรู้

และสานต่อเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่สมบรูณ์ เกิดประโยชน์ต่อเด็กน้อย ริมเล และผู้ที่สนใจ

ฝันมากไปหรือเปล่านี่……………

แต่ฝันมันดีตรงที่ฝันเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่เสียสตางค์

นอกจากนำฝันไปปั้นให้เป็นรูปธรรมเมื่อไหร่ก็อาจจะต้องเสียสตางค์บ้าง

วันก่อนเจอสุนัขอายุไม่ถึงเดือน ก็แค่คิดว่าช่วยมันไม่ให้ทรมาน เพราะมันถูกรถใครก็ไม่รู้ถอยมาเหยียบ

กว่าเราจะรู้ว่ามันถูกทับขาหลังก็ตอนเอาไปหาหมอที่ ม.มหิดลนี่แหละ

เพราะคนที่พบเหตุการณ์เขาเล่าไม่ละเอียด ไอ้เรารึก็พอกัน เล่าแค่ไหนก็รับรู้แค่นั้น

แต่สังเกตเห็นลูกสุนัขเดินกระเผลก ไปร้องไป นึกว่าชนเล็กน้อย

ไปถึงโรงพยาบาลหมอเขาถามประวัติ ไอ้เราก็งง เพราะมันไม่ใช่สุนัขของเรา แต่เราเจอมันข้างทาง

แม่มันก็ไม่มีเจ้าของ ก็ตั้งใจว่าเอาไปให้หมอช่วยรักษา

สุดท้ายต้องมาตั้งชื่อให้มัน เอาชื่อบุญเหลือแล้วกัน

คนที่ไปด้วยบอกว่าชื่อ RIM ROAD นะ

บอกช้าไปขี้เกียจแก้ อีกอย่างไม่อยากให้มันตาย เห็นแล้วก็เวทนามัน

ก็ใช้บุญเหลือไปก่อน หากมันมีวาสนา คงได้เปลี่ยนชื่อเมื่อหายแล้ว

ถามหมอถึงค่าใช้จ่าย

หมอก็บอกว่าต้องเอ็กเรย์ พอผ่านขั้นนี้ไป หมอถามว่า

จะผ่าตัดไหม หักข้างหนึ่ง เอ็นขาดข้างหนึ่ง

ประสาทส่วนล่างยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร

ก็ถามหมอต่อว่า แล้วมันจะหายเจ็บไหมถ้าผ่าแล้ว เอาเลยทำไงก็ได้รักษามันที ค่าใช้จ่ายจะออกให้ เอาเขาไปแล้วนี่

บอกบอกค่าผ่าตัด คิดประมาณ 3,000 เราก็ไปจ่าย

แต่เขาเก็บ 1,500ก่อน แล้วมีค่าอะไรอีก 2-3 รายการ เป็นค่าบริการ 360 ค่ายาอีก 114 และค่าเวชภัณฑ์ 305 บาท

แล้วก็แอดมิทอยู่โรงพยาบาล

เรากลับบ้าน อ้อ เขาบอกว่าส่วนที่เหลือให้มาจ่ายในวันรับลูกสุนัขกลับ

เราก็บอกลูกสุนัขว่า ไม่ต้องกลัวนะ อยู่กับหมอที่นี่ก่อนแล้วจะรับกลับไปหาแม่

มันไม่ร้องเลย

ผ่านไปสามวันเราก็ยังไม่ว่างไปดูมัน

เขาโทรมาเลย

บอกว่าเรายังไม่เซ็นอนุญาตให้ผ่าตัด

บ้า…จริง ๆ เราเซ็นแล้ว

คุยไปคุยมาเขาบอกว่าเราต้องไปจ่ายเงินเพิ่มก่อนจึงจะผ่าตัดได้

ดู..ใจคนจะเป็นหมอรักษาสัตว์ พูดนะ แต่วันที่โทรมาเป็นผูหญิง นึกในใจ เกิดเป็นผู้หญิงได้ไงนี่ เมตตาหายไปไหน

ก็บอกแล้วว่าช่วยมันแล้วจะจ่ายค่าผ่าตัดให้ เราก็ชอบแหย่พูดกลับไปว่า หาบ้านใหม่ให้มันด้วยได้ไหม

หมอเขาบอกว่าไม่มีนโยบาย

เราก็บอกกลับไปว่า สรุปเงินที่เราจ่ายไป และคุณออกใบเสร็จมานี่

ไม่มีผลอะไรเลยหรือ คุณทรมานสัตว์ไร้ที่พึ่งได้อย่างไร

นึกในใจ ถ้าเป็นคนไร้ญาติ ตายแน่ ๆ เจอหมอแบบนี้

วันนี้ก็มีประชุมก็ยังไม่ได้เข้าไปเยี่ยม พรุ่งนี้จะไปเยี่ยมมัน และจะเอาเงินไปจ่ายเพิ่ม

แถมหมอผู้หญิงยังมาพูดว่าบางคนเอาสุนัขมาปล่อยแต่ไม่มารับคืน

นึกในใจ ก็ให้สุนัข มันอยู่ในมหาวิทยาลัยไปเลยซิ เห็นมีออกเกร่อไป

เป็นสุนัข มหา’ลัยก็ดี ตายไปเกิดใหม่ มันจะได้มีปัญญามากกว่านี้

เรายังตอบไปว่าน้องคะ พี่เป็นครูนะคะ ครูไม่เคยโกหกใคร และพี่ก็เป็นข้าราชการ

พี่บอกว่าจะจ่ายค่าใช้จ่ายให้ก็ให้ซิ ไม่งั้นพี่ไม่อุ้มมันจากมหาชัย ถ่อไปถึงโรงพยาบาลหรอกนะ

ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่สุนัขของพี่แต่เวทนาเวลานั้นทำให้ลงไปอุ้มมันขึ้นมา และนำส่งโรงพยาบาล

ก็หวังว่าเมื่อถึงมือหมอแล้วจะช่วยชีวิตสัตว์ตาดำ ๆ ได้  ที่แท้เงินก็มาก่อน คุณธรรมหายหมด

เซ็งเป็ดเลย พรุ่งนี้ไปจ่ายตังให้แล้วจะมาเล่าต่อ

อยากรู้เหมือนกันว่าการปฏิบัติ กับทฤษฎีที่ร่ำเรียนมามันต่างกันแค่ไหน

เอากลับมาแล้วถ้ามันหายดีก็จะให้มันไปอยู่เฝ้าป่าชายเลน

ช่วยเห่า หอนเวลาน้ำกัดเซาะชายฝั่งก็ดี


ครูต้อยแนะนำตัว

8 ความคิดเห็น โดย krutoi เมื่อ 15 กรกฏาคม 2009 เวลา 22:26 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2529

สวัสดีค่ะ

ครูต้อยขอร่วมเรียนรู้ด้วยคนนะคะ

^_^



Main: 0.072268962860107 sec
Sidebar: 0.041635036468506 sec