การเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต
อ่าน: 3569“อยู่กับปัจจุบัน ทำกับปัจจุบันให้ดีที่สุด อนาคตยังอยู่ไกล” ประโยคนี้ได้ยินบ่อย จนชินหูมาก
มีความหมาย ทำนองว่า ไม่ต้องไปคิดถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึงมากหรอก อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด ซึ่งจริงๆแล้ว ก็ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
แต่ในมุมมองของดิฉันเองแล้ว ..คิดว่า..การทำปัจจุบันให้ดีที่สุดนั้น เป็นสิ่งที่ควรจะต้องทำแน่นอนอยู่แล้ว…
แต่..จะไม่คิดอนาคตเลยไม่ได้ ชีวิตต้องเตรียมให้พร้อมเสมอ เพื่อรับมือกับอนาคต… ทั้งที่เรา คาดการณ์ได้ และไม่ได้
การคาดการณ์อนาคต คือ ความเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ..ฝูงนก สัมผัสได้ถึง พายุฝน ที่กำลังจะมาถึง ในเวลาอันไม่ช้านี้ ย่อมรีบเร่งบินกลับรัง.. .มด..รู้ว่า ฤดูหนาว ใกล้มาถึงแล้ว..ต้องเร่งรีบขนอาหารมาไว้ในรังก่อน…… นักบิน ที่รู้ว่า สภาพอากาศกำลังจะมีพายุใหญ่ ย่อมไม่นำเครื่องบินขึ้น… ถ้าเราฟังการพยากรณ์อากาศ ว่ากำลังจะมีพายุใหญ่มา ในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้ เราก็จะไม่นำเรือออกจากฝั่งเป็นต้น…. เราจะดำเนินชีวิตประจำวันไม่ได้ดี ถ้าเราไม่คิดถึงอนาคตไว้บ้าง
การคิดถึงอนาคต จะนำไปสู่การตัดสินใจทำอะไรหลายๆอย่าง เพื่อผลลัพธ์ ที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ภาพของอนาคตจะปรากฏ เป็นเค้าลางจนถึงเด่นชัดขึ้นมาในความคิดเสมอๆ
คนที่เห็นภาพในอนาคตได้ชัดเจน จะมีโอกาสที่จะเตรียมความพร้อมได้ทัน
จริงๆแล้ว การคาดการณ์ในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงๆ ก็เป็นสัญชาติญาณในการระวังภัยของมนุษย์อยู่แล้วนั่นเองแต่ คนทุกคน ก็มักจะคิดถึงอนาคต ที่เป็นความสุข เป็นความสำเร็จ แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ตามพื้นฐานสภาพของตนที่อาจจะเกิดขึ้นได้จริงๆ ซึ่งจะเป็นความหวัง เป้าหมาย ผลักดันให้บุคคลนั้นๆ ทำการบางสิ่งบางอย่างเช่น สภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดี บริษัทที่ทำงานด้วย อาจมีปัญหา โอกาสที่จะถูกปลดอาจเกิดขึ้น จึงต้องรีบวางแผนเป็นการด่วน ว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้น ขึ้นจริง จะทำอย่างไรดี เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เป็นต้น
ตัวดิฉันเอง เป็นคนที่อยู่ในพวก ชอบคาดการณ์ไปล่วงหน้า และชอบคิดหาทางเลือกเตรียมไว้หลายๆทาง เพื่อรับกับผลกระทบ ทั้งทางบวกทางลบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ซึ่งตามประสบการณ์แล้ว เราสามารถสร้างอนาคต ที่พีงประสงค์ อย่างที่ใจปรารถนามากกว่า จะปล่อยไปตามดวง
โดยใช้หลักของการใช้เหตุผล หลักการเปรียบเทียบ และพื้นฐานประสบการณ์ของตนเอง
แต่เนื่องจากความรู้และประสบการณ์ของตัวเองก็มีจำกัด จึงต้องพึ่งพาผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญอยู่บ่อยๆเหมือนกัน มิใช่จะดุ่มๆ คิดเอง เออเองไปแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
สิ่งที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับ อนาคตที่พึงประสงค์ ของคนเรา
ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องต่างๆเหล่านี้ เช่น
1.สุขภาพ 2.การศึกษา 3.ความมั่นคง ความก้าวหน้าในการทำงาน 4.สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ 5.สภาพครอบครัว ความเป็นอยู่ 6.สภาพ บรรยากาศ ความเป็นอยู่ และอิทธิพลของชุมชน ที่เราเป็นสมาชิกอยู่ 7.ประเพณี วัฒนธรรม 8.เรื่องศาสนา จิตวิญญาณ/ความเชื่อ 9.งานอดิเรก ความรื่นรมย์ต่างๆเป็น
นอกจากนี้ ก็ยังมี ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบมายัง การวางแผนในเรื่องอนาคต ของเราอีกด้วย เช่นเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ สภาพการเมือง เทคโนโลยี่ เรื่องการออกกฏหมายใหม่ๆ และเรื่องสังคมโดยภาพรวม เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความมั่นใจว่า ถ้าต้องการจะมีชีวิตที่อย่างมั่นคงและมีความสุข นอกจากเราจะต้องทำวันนี้ ให้ดีที่สุดแล้ว ขณะเดียวกับที่ ต้องเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตด้วย มิฉะนั้น เราจะพ่ายแพ้ต่อ สถานการณ์ที่เราคาดไม่ถึง ซึ่งอาจจะบังเอิญเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติดนั่นเอง
มีความหมาย ทำนองว่า ไม่ต้องไปคิดถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึงมากหรอก อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด ซึ่งจริงๆแล้ว ก็ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
แต่ในมุมมองของดิฉันเองแล้ว ..คิดว่า..การทำปัจจุบันให้ดีที่สุดนั้น เป็นสิ่งที่ควรจะต้องทำแน่นอนอยู่แล้ว…
แต่..จะไม่คิดอนาคตเลยไม่ได้ ชีวิตต้องเตรียมให้พร้อมเสมอ เพื่อรับมือกับอนาคต… ทั้งที่เรา คาดการณ์ได้ และไม่ได้
การคาดการณ์อนาคต คือ ความเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ..ฝูงนก สัมผัสได้ถึง พายุฝน ที่กำลังจะมาถึง ในเวลาอันไม่ช้านี้ ย่อมรีบเร่งบินกลับรัง.. .มด..รู้ว่า ฤดูหนาว ใกล้มาถึงแล้ว..ต้องเร่งรีบขนอาหารมาไว้ในรังก่อน…… นักบิน ที่รู้ว่า สภาพอากาศกำลังจะมีพายุใหญ่ ย่อมไม่นำเครื่องบินขึ้น… ถ้าเราฟังการพยากรณ์อากาศ ว่ากำลังจะมีพายุใหญ่มา ในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้ เราก็จะไม่นำเรือออกจากฝั่งเป็นต้น…. เราจะดำเนินชีวิตประจำวันไม่ได้ดี ถ้าเราไม่คิดถึงอนาคตไว้บ้าง
การคิดถึงอนาคต จะนำไปสู่การตัดสินใจทำอะไรหลายๆอย่าง เพื่อผลลัพธ์ ที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ภาพของอนาคตจะปรากฏ เป็นเค้าลางจนถึงเด่นชัดขึ้นมาในความคิดเสมอๆ
คนที่เห็นภาพในอนาคตได้ชัดเจน จะมีโอกาสที่จะเตรียมความพร้อมได้ทัน
จริงๆแล้ว การคาดการณ์ในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงๆ ก็เป็นสัญชาติญาณในการระวังภัยของมนุษย์อยู่แล้วนั่นเองแต่ คนทุกคน ก็มักจะคิดถึงอนาคต ที่เป็นความสุข เป็นความสำเร็จ แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ตามพื้นฐานสภาพของตนที่อาจจะเกิดขึ้นได้จริงๆ ซึ่งจะเป็นความหวัง เป้าหมาย ผลักดันให้บุคคลนั้นๆ ทำการบางสิ่งบางอย่างเช่น สภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดี บริษัทที่ทำงานด้วย อาจมีปัญหา โอกาสที่จะถูกปลดอาจเกิดขึ้น จึงต้องรีบวางแผนเป็นการด่วน ว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้น ขึ้นจริง จะทำอย่างไรดี เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เป็นต้น
ตัวดิฉันเอง เป็นคนที่อยู่ในพวก ชอบคาดการณ์ไปล่วงหน้า และชอบคิดหาทางเลือกเตรียมไว้หลายๆทาง เพื่อรับกับผลกระทบ ทั้งทางบวกทางลบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ซึ่งตามประสบการณ์แล้ว เราสามารถสร้างอนาคต ที่พีงประสงค์ อย่างที่ใจปรารถนามากกว่า จะปล่อยไปตามดวง
โดยใช้หลักของการใช้เหตุผล หลักการเปรียบเทียบ และพื้นฐานประสบการณ์ของตนเอง
แต่เนื่องจากความรู้และประสบการณ์ของตัวเองก็มีจำกัด จึงต้องพึ่งพาผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญอยู่บ่อยๆเหมือนกัน มิใช่จะดุ่มๆ คิดเอง เออเองไปแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
สิ่งที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับ อนาคตที่พึงประสงค์ ของคนเรา
ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องต่างๆเหล่านี้ เช่น
1.สุขภาพ 2.การศึกษา 3.ความมั่นคง ความก้าวหน้าในการทำงาน 4.สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ 5.สภาพครอบครัว ความเป็นอยู่ 6.สภาพ บรรยากาศ ความเป็นอยู่ และอิทธิพลของชุมชน ที่เราเป็นสมาชิกอยู่ 7.ประเพณี วัฒนธรรม 8.เรื่องศาสนา จิตวิญญาณ/ความเชื่อ 9.งานอดิเรก ความรื่นรมย์ต่างๆเป็น
นอกจากนี้ ก็ยังมี ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบมายัง การวางแผนในเรื่องอนาคต ของเราอีกด้วย เช่นเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ สภาพการเมือง เทคโนโลยี่ เรื่องการออกกฏหมายใหม่ๆ และเรื่องสังคมโดยภาพรวม เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความมั่นใจว่า ถ้าต้องการจะมีชีวิตที่อย่างมั่นคงและมีความสุข นอกจากเราจะต้องทำวันนี้ ให้ดีที่สุดแล้ว ขณะเดียวกับที่ ต้องเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตด้วย มิฉะนั้น เราจะพ่ายแพ้ต่อ สถานการณ์ที่เราคาดไม่ถึง ซึ่งอาจจะบังเอิญเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติดนั่นเอง
Next : สรีระยนต์ » »
13 ความคิดเห็น
เห็นด้วยมากๆเลยค่ะ แป๋วเองพยายามทำปัจุบันให้ดี แต่ก็คิดถึงอนาคตด้วยค่ะ เพราะอย่างน้อยในฐานะข้าราชการที่ต้องเกษียณอายุเมื่อ 60 ปี หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร เราจึงต้องเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ใช่มั้ยค่ะ…ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณอาจารย์ที่เข้ามาให้ความคิดเห็นค่ะ การวางแผนเพื่ออนาคต แม้จะพยายามทำอย่างรอบคอบเพียงใด แต่ก็อาจจะได้รับผลกระทบจากภายนอก อย่างไม่รู้ตัวเลยนะคะ
คนเราทุกคน อยากให้อนาคต ของตัวเองและครอบครัว มีความมั่นคงพอสมควร กว้างๆ ซึ่งได้แก่ 1.ความมั่นคงทางสุขภาพ 2.ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 3.ความมั่นคงทางสังคม
นอกจากนี่ สิ่งที่เรายังต้องการอีกเพื่อความสงบสุขในภาพรวมคือ ความมั่นคงทางการเมืองการปกครอง และ ความมั่นคงทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
มิติทางเศรษฐกิจ เราคงวางแผนกันว่า ในอนาคต เมื่อเกษียณ เราไม่ควรจะมีหนี้สินอะไรอีกแล้ว มีความเป็นอยู่พอสบาย พอเพียง ไม่เดือดร้อน
ช่วงนี้ ของชีวิต ทุกอย่าง ค่อนข้างจะเป็นไปตามแผนชีวิต ที่วางไว้แล้วเป๊ะ…
เป็นคนชอบวางแผนอย่างแรง เหมือนเป็นธรรมชาติของตัวเอง ไม่เคยเลย ที่จะไม่วาดภาพทุกสิ่งไว้ในสมองก่อน แล้วเดินตามแผนที่ๆวางไว้ ทำให้ ไม่ค่อยมีความผิดพลาด…มีเหมือนกัน ที่ต้องปรับแผน ระหว่างทาง…ช้าไปบ้าง ..เดินวนไปบ้าง…แต่เดี๋ยว จะเลี้ยวกลับมาจนได้…
ตั้งค่า ของการ ไม่เป็นไปตามแผน ให้ไม่เกิน 10%
การวางแผนแล้วเดินตามสิ่งที่วาดไว้ ย่อมเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ
Success is a journey..Not destination…
ค่ะ คุณขจรศักดิ์คะ พอวางแผนแล้ว ก็ควรเดินตามแผนด้วยนะคะ ไม่ใช่สักแต่วางแผนแล้ว เลย วางไว้เฉยๆ
ค่ะ คุณขจรศักดิ์ Success is a journey…พอเราทำงานสิ่งนี้ สำเร็จลุล่วงไป ก็จะมีงานใหม่เข้ามาอีก มีอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ยังไม่จบ ยังไม่ใช่การเสร็จสิ้นภาระกิจ โดยภาพรวมค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ศศินันท์
มาอ่านรอบที่ 3 ดีใจที่คราวนี้แสดงความเห็นได้แล้วค่ะ พี่จะได้ทราบว่ามีแฟนประจำอยู่…^_^…
ส่วนตัวน้องมีความเชื่อเช่นกันค่ะว่า…เราสามารถสร้างอนาคต ที่พีงประสงค์ อย่างที่ใจปรารถนามากกว่า จะปล่อยไปตามดวง
นั่นคือเราต้องมีการเตรียมการณ์สำหรับอนาคต ไม่ใช่ปล่อยไปตาม…ยถากรรม ตามดวง…
ได้ข้อคิดและจะนำไปปฏิบัติค่ะ
ขอบคุณพี่มาก ๆ ค่ะ
ขอบคุณ น้องคนไม่มีราก ที่มาแวะที่นี่ค่ะ
คนเรา มีส่วนกำหนดอนาคต ของตัวเองได้ ด้วยการกระทำในชาตินี้นะคะ แม้จะไม่ได้ทั้งหมด เพราะมีเรื่อง บุญ กรรมเก่า เข้ามามีส่วนกำหนดด้วย เรื่องนี้เรื่องยาว เขียนได้เป็นบันทึกเลย มีตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และคนรู้จักเยอะค่ะ
อุปสรรคและโชคดีๆ ส้มหล่นต่างๆ ก็มาจาก สิ่งที่เราทำไว้ทั้งนั้น
แต่กำลังบุญมีกำลังมากกว่าผลกรรม ดังนั้น การทำความดีเยอะๆจะช่วยได้จริงๆ
แต่อย่างไรก็ตาม พี่ก็จะพยายามไม่เป็นทุกข์อะไรไปล่วงหน้าค่ะ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า
เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ให้เป็นคน Thoughtful ดีกว่า เป็นคน ชอบWorryค่ะ
คนเรา ควรมีการวางแผน อนาคตของตนเองไว้บ้าง แต่ก็ในเชิงสร้างสรรค์ ไม่หมกมุ่นครุ่นคิด จนเกินเหตุ
คนที่thoughtful จะคิดอะไร จะประกอบไปด้วยปัญญา แต่ถ้าครุ่นคิด แบบวิตกทุกข์ร้อน จะเป็นคนที่ชอบวิตก worry จนปวดหัว ฟุ้งซ่าน เหมือนเอาคมมีด ไปกรีด ไปเฉือนหิน ยิ่งเฉือนยิ่งมีดทื่อ