จาก “กาฝาก” ถึง “Deep Watching”

1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 20 กรกฏาคม 2010 เวลา 7:52 (เช้า) ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้ #
อ่าน: 1428

ผมเคยต่อยอดคำว่า ” Deep Listening ” มาเป็น ” Deep Reading ” ซึงท่าน คนไร้กรอบ หรือ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ เคยบอกว่าชอบ 

    วันนี้ผมสร้างใหม่อีกคำแล้วครับ มันคือ ” Deep Watching

   สืบเนื่องจากบันทึกที่แล้วเรื่อง กาฝาก พืชจอมเนรคุณ ได้มีผู้เข้ามาให้ข้อคิด ความเห็นที่น่าสนใจอยู่หลายราย เป็นเหตุให้ผมมีแรงบันดาลใจที่จะมาเขียนขยายผลต่อในบันทึกนี้

   ผมยอมรับว่าตอนจั่วหัวชื่อบันทึกด้วยข้อความ กาฝาก พืชจอมเนรคุณ นั้น ผมมีความตั้งใจอยู่ 2 ประการคือ

     1. เพื่อแสดงออกซึ่งอารมณ์ ซึ่งผมมีต่อพืชชนิดนี้  ที่กระทำกับไม้ผลคือส้มโอต้นเดียวที่บ้านผม จนแทบเอาชีวิตไม่รอด  แถมยังได้เห็นต้นชมพู่ที่บ้านญาติติดๆกันที่เหลือแต่กิ่งตายแล้ว เพราะโดนกาฝากรุมทึ้ง  ก่อนต้นชมพู่ตายผมเคยไปสำรวจดูว่าที่เห็นเขียวๆนั้นมีใบชมพู่อยู่ตรงไหนบ้าง  ก็หาแทบไม่เจอ  พาให้คิดไปถึงเรื่องการพึ่งพิง อิงอาศัยว่า ที่ถูกต้องนั้นมันจะต้องเป็นทั้งการให้ และการรับ ที่สมดุลกัน มีการเกื้อกูลกัน ไม่ใช่ขออาศัยหน่อย แต่พอได้จังหวะก็สูบเลือด สูบเนื้อจนผู้มีพระคุณต้องตายไปอย่างน่าสมเพช .. ที่จริงตอนหลังนี้ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องต้นไม้แล้วล่ะครับ คิดถึงอะไรที่มากกว่านั้นอีกเยอะ

     2. ผมเจตนาจะเสนอการ “มองมุมเดียว” ของตัวเอง เพื่อแสวงหา “มุมต่าง” จากผู้แวะมาอ่าน แล้วก็ได้พบจริงๆ และมีคุณค่ามากด้วยครับ

     ข้อสรุปที่ได้มีทั้งระดับเบื้องต้น คือเรื่อง กาฝาก และระดับที่สูงขึ้น คือ การมีวิจารณญาณที่เพียงพอ ต่อสรรพสิ่งที่ปรากฏ หรือบังเกิดขึ้น

     เรื่องกาฝาก ข้อคิดที่ควรได้ก็คือ จงจัดการกับเขาอย่างพอเหมาะ ตามเงื่อนไข และสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ไม่มีบทสรุปตายตัวว่าควรทำอย่างไร แค่ไหน “ความพอดี” ในสถานการณ์ที่ต่างกัน ย่อมแตกต่างกันไปด้วย

     จะ .. ฟันทิ้งไม่ให้เหลือซาก  …  ตัดออกเสียบ้าง  หรือ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ล้วนเป็นความพอเหมาะ พอดี ได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่า เหตุการณ์เกิดที่ไหน กับอะไร และเราต้องการผลอะไรเป็นสำคัญ

     เรื่องที่สูงกว่า “กาฝาก” ก็มีครับ .. คือว่า ในชีวิตคนเรานั้น เมื่อเห็นการกระทำของใครในเรื่องใดๆก็ตาม เราไม่ควรด่วนสรุป หรือพิพากษา หาคำตอบว่า ผิด-ถูก ดี-ชั่ว ในทันทีที่ได้รับรู้  ในฐานะผู้ดู เราควรทำการ “ Deep Watching ” ก่อนเสมอ เมื่อพิเคราะห์โดยรอบด้านแล้ว ก็จะได้คำตอบที่ถูกต้องออกมา เป็นความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องได้ในที่สุด

      Deep Watching แปลว่าอะไร .. ผมว่ามันก็แนวเดียวกับ Deep Reading และ Deep Listening นั่นแหละครับ

                                                             สวัสดี


มันคือ “จอมเนรคุณ”

3 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 16 กรกฏาคม 2010 เวลา 11:22 (เย็น) ในหมวดหมู่ การศึกษา #
อ่าน: 1669

       เมื่อผมย้ายมาอยู่บ้านเกิดที่ ไชยา ใหม่ๆ  มีอะไรหลายๆอย่างให้ต้องทำ ต้องแก้ปัญหา ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัยอันได้แก่ ตัวบ้าน และ สภาพแวดล้อมรอบๆบ้าน บนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่

   กิจกรรมเล็กๆแต่ฝังใจมากเรื่องหนึ่งคือการช่วยชีวิตส้มโอต้นเดียวข้างบ้าน ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือ “มัจจุราชเลือดเย็น” คือเจ้า กาฝาก ที่ขึ้นอยู่เต็มต้นและเกาะ เจาะ ดูดกินน้ำเลี้ยงจากกิ่งส้มโอจนกิ้งก้านเหี่ยวเฉาตายไปเป็นส่วนมาก ใบส้มโอแทบมองไม่เห็น  มีแต่ใบกาฝากขึ้นแทนแทบทุกกิ่ง 

    ตอนหลังยังได้พบอีกว่ามะนาวหลังบ้านก็โดนเหมือนกันแต่ไม่มากเท่ากับที่ต้นส้มโอถูกกระทำ  กรณีของมะนาวนั้นสังเกตยากมากเพราะใบกาฝากกับใบมะนาวนั้นลักษณะเหมือนกันมาก ขนาดก็ใกล้เคียงกัน  ไม่สังเกตดีๆจะมองไม่เห็น 

    ความหฤโหดของกาฝากนั้นมากแค่ไหนลองติดตามต่อไปนะครับ  เชื่อว่าภาพประกอบจะบอกอะไรได้มากกว่าคำบรรยายเป็นแน่

บริเวณรอบๆบ้านตอนผมย้ายไปอยู่เมื่อต้นเมษา เปรียบเทียบกับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

 

ต้นส้มโอที่กาฝากเกาะกินจนแทบเอาตัวไม่รอดและผมได้จัดการฟันออกจนหมดต้น

 

ดูเอาเถอะครับว่ามันร้ายกาจขนาดไหน

 

 

มันร้ายกาจมากผมจึงปราบเสียสิ้นทราก และทนุถนอมผลส้มโอที่เหลือเพียงใบเดียวเอาไว้

 

        แต่มาคิดๆอีกที พืชที่เรียกกันว่า “กาฝาก” นั้นแม้จะเลวร้ายเพียงใด ก็ยังไม่ร้ายเท่า “กาฝากสังคม” ที่มีอยู่หลายชนิด หลายพันธุ์มากครับ 

        กาฝากชนิดนี้ จะปราบ จะแก้ได้อย่างไร ใครรู้ช่วยบอกที


ครูดี

2 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 16 กรกฏาคม 2010 เวลา 7:55 (เช้า) ในหมวดหมู่ การศึกษา #
อ่าน: 1263

   ครูดีมักไม่ละเลยการปลูกฝังเรื่อง คุณธรรม-จริยธรรม .. แต่คงไม่ใช่อย่างที่นิยมทำกัน แบบปากเปียก ปากแฉะ นะครับ
   เสริมสร้างคุณธรรม ถ้าเพียงการ พร่ำบ่น สิ่งที่ได้ผลคือ การได้สอน เท่านั้น
   ต่อเมื่อครูสามารถ สร้างกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีชีวิต มีความหมาย และแฝงไว้ด้วยโอกาสที่ผู้เรียนจะได้พัฒนาคุณธรรมในตน โดยไม่รู้ตัว เมื่อนั้นก็เป็นอันหวังได้ ว่าจะบังเกิดผล ส่วนจะมาก-น้อย ช้า-เร็ว ก็ขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัย  แต่หนึ่งในนั้นที่ขาดไม่ได้ คือครูต้อง ทำ หรือ เป็นแบบอย่าง ในเรื่องที่จะปลูกฝังเขา  แม้จะไม่สมบูรณ์ที่สุด ก็ขอให้เด็กเห็นว่าเราพยายามเป็นอย่างนั้น ก็ยังดี .. เปรียบได้กับพระที่สอนเรื่อง นิพพาน ไม่จำเป็นต้องบรรลุธรรมขั้นสูง แต่อย่างน้อยท่านก็ควรจะหันหน้าไปทางนั้น และกำลังเดินทางอยู่

   เมื่อมองหลายๆมุมแล้ว .. ความเป็นครูดีก็หนีไม่พ้นการมี พรหมวิหาร ๔ เป็นฐาน เพียงแต่ขอให้มีอย่างเข้าใจ และเกิดจาก ศรัทธา ที่ถูกต้อง 
    เมื่อกระทำหน้าที่ก็ยึดหลัก อิทธิบาท ๔ เป็นเครื่องช่วย และใช้ให้ครบหมวด ทั้ง ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และ วิมังสา 
   

           ทำได้อย่างนี้ อาชีพครูก็จะยังคงเป็นอาชีพแห่งความรัก และความสุข ต่อไปอีกนานเท่านานครับ


ช้า .. เร็ว .. เร็ว .. ช้า .. อะไรดีกว่าถ้าได้ผลงานเท่ากัน ?

ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 16 กรกฏาคม 2010 เวลา 7:42 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1160
  •  การไปถึงเป้าหมาย หรือที่หมายได้ คือความสำเร็จของการเดินทาง
  • ใคร ไปถึงช้าบ้าง อย่าเพิ่งด่วนไปตำหนิ เพราะเขาอาจจงใจเลือก รถไฟ แทน เครื่องบิน  ด้วยรู้ว่าจะได้พบเห็นอะไรๆได้มากมายและชัดแจ้ง ระหว่างการเดินทาง ไม่เพียงแค่ โฉบผ่าน และถึงที่หมายเร็ว แต่ไม่เคยรู้ว่ามีอะไรบ้างในระหว่างทาง เพราะมัน เร็ว และ สูง เกินไป
  • แต่ผมคงไม่ทะเร่อทะร่าเลือก รถไฟ หรอกครับ ถ้าผมจะไป Australia
  • อิ อิ อิ

  • ไปสอนวันแรกที่ชุมพร

    4 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 10 กรกฏาคม 2010 เวลา 8:16 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
    อ่าน: 1329

    วันนี้ไปสอนที่ศูนย์ชุมพรป็นครั้งแรก  ตั้งนาฬิกาปลุกวลา 5.30 น.เพื่อกันเหนียว  ความจริงจะตื่นเช้าป็นประจำอยู่แล้ว  แต่วันนี้พลาดไม่ได้  พราะต้องไปรอขึ้นรถตู้ที่มาจาก มรภ.สุราษฎร์ธานีครับ

          ออกจากบ้านเวลา  6.25 น. มาถึงปั๊มปตท.ที่สี่แยกไชยาเวลา 6.35 น. ปั๊มนี้เป็นของครอบครัวคุณเชน จ้าของร้านเชนอะหลั่ยที่สี่แยกตลาดไชยา คุณเชนบวชและจำพรรษาที่สวนโมกข์รุ่นเดียวกับผมเมื่อปี 2531 

          ฝากรถจอดไว้ในปั๊มเสร็จก็ข้ามถนนสายเอเชียไปยืนรอรถฝั่งตรงข้าม ซึ่งมีป้ายชี้ทางไปวิทยาลัยการอาชีพไชยา เป็นที่สังเกตได้เป็นอย่างดี

          7.43 น. ยกโทรศัพท์จะถามคุณก้อยว่ารถถึงไหนแล้ว แต่ก็ให้บังเอิญอีกแล้ว  เธอโทรสวนมาในจังหวะที่กำลังจะกดปุ่มโทรออก แจ้งว่าถึงท่าฉางแล้ว  7.55 น.รถมาถึงและเดินทางต่อ  มุ่งหน้าชุมพรทันที 

          ผมขอนั่งตอนหน้า คู่คนขับ เพื่อจะได้เขียนบันทึกนี้สะดวก  หันไปข้างหลังหวังว่าจะได้สวัสดี ทักทายอาจารย์ท่านอื่นที่มาจากบ้านดอน ปรากฏว่าไม่มีใครเลย  เห็นว่าติดภารกิจบางอย่าง  รถตู้เช่า TOYOTA COMMUTER ที่ค่อนข้างกว้างขวาง และสภาพใหม่ มั่นใจได้ จึงมีผมคนเดียวที่เดินทางไปสอนที่ชุมพรวันนี้  (ไม่นับรวมคนขับและคุณก้อย)

          พูดถึงการสอนในวันนี้  ทราบว่านักศึกษาป.บัณฑิตวิชาชีพครูกลุ่มนี้มีจำนวน 30-40 คน ไม่เหมือนกลุ่มแรกที่สุราษฎร์ที่ผมเพิ่งสอนจบไปเมื่อเสาร์ที่ 26 มิย.ที่ผ่านมาซึ่งมีจำนวนรวม 100 กว่าคน

          เชื่อว่าบรรยากาศการเรียนการสอนในวันนี้น่าจะทำให้เข้าท่าได้มากกว่ากลุ่มแรก  คนน้อยสามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้ทั่วถึงกว่า การเรียนการสอนที่เป็นธรรมชาติธรรมดาจึงน่าจะเกิดได้ไม่ยาก  อย่างไรก็ตามข้อที่ด้อยกว่าก็คือผมจะต้องสอนครั้งเดียว 8 คาบรวด ให้จบในวันเดียว ไม่ใช่ 2 เสาร์  เสาร์ละ 4 คาบเช่นกลุ่มที่ผ่านไป  

         สอนกลุ่มเดียว คนเดียวต่อเนื่อง ยาวนานแบบนี้ ทำอย่างไรถึงจะได้ผล และไม่น่าเบื่อเกินไป เป็นโจทย์ที่ทำวิจัยในห้วงคิดคำนึงมาหลายวันแล้ว  แต่ก็ไม่ได้วางแผนอะไรไว้เป็นเรื่องเป็นราว  มีแต่เป้าหมายว่าจะให้ผู้เรียนทำอะไรได้บ้างหลังเรียน และคิดกรอบ”การแสดงธรรม” ว่าจะกระตุก กระตุ้นเขาด้วยประเด็นอะไร ในการ “ชวนคิด-ชวนคุย” ทั้งตอนเริ่มสอน และตอนจะอำลากลับ  ที่เหลือผมนิยมไปว่าสดๆแบบธรรมชาติมากกว่า   ไม่ต้องเตรียมมาก  เพราะถึงเตรียมอย่างไรก็สู้พูดออกมาจากหัวใจไม่ได้สักที  เป็นอย่างนี้เรื่อยมา 

         ผมพบเสมอว่าพอพูดคุยกันจริงๆ ธรรมชาติของกลุ่มผู้เรียนที่แตกต่างกัน  ทำให้เราต้องล้มเลิกบางเรื่องที่จะพูด  ขณะที่หลายครั้งก็เกิดประเด็นใหม่ๆที่ผุดขึ้นมาแทน และเข้าท่า เข้าที ลงตัวดีกว่าเรื่องที่ตั้งใจเตรียมไว้ล่วงหน้าเสียอีก

         เลยหลังสวนมาแล้วครับ  อีกประมาณ 50 กว่ากม.ก็จะถึงชุมพร  ประสบการณ์ในการไปสอนครั้งแรกที่ชุมพรในวันนี้ คงได้มีโอกาสนำมาเล่าในโอกาสต่อไปครับ 

          ผลเป็นอย่างไรยังไม่อาจคาดเดา  แต่ที่แน่ๆ วินาทีนี้ผมมีความสุขมาก สุขที่จะได้ “พักผ่อน ด้วยการทำหน้าที่การงานอันเป็นที่รัก” อีกแล้ว ในวันหยุดวันนี้


    อึ่งอ่างก็มีน้ำใจ

    2 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 4 กรกฏาคม 2010 เวลา 2:51 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
    อ่าน: 2788

        เมื่อครั้งที่ผมนำ ชุด Solar Cell ไปติดตั้งเป็นชุดแรกในสวนยางที่เขาไม่มีไฟฟ้าใช้  ฝนเจ้ากรรมก็เทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาทั้งๆที่ผ่านมาไม่เคยเจอฝน ร้อนแสนร้อน เพราะยังเป็นเดือนเมษายน  ฝนตกหนักจนอึ่งอ่างร้องระงม  ใครบางคนไปจับมาได้หลายตัว

       มาถึงบ้านผ่านไป 1 คืน ผมบอกเธอว่า “ปล่อยเขาไปเถอะนะ” เธอก็ OK แต่พอปล่อยออกมาจากที่คุมขัง ก็เห็นภาพนี้ครับ

      

       หลานเห็นเข้าเกิดความประทับใจจึงเอ่ยว่า .. ” อึ่งอ่างมันมีน้ำใจนะ ดูสิมันแบกตัวเล็กกว่าไว้บนหลังตั้งนาน”

              เอ้า น้ำใจก็น้ำใจ  ทำไงได้ล่ะ เด็กมันไม่รู้เรื่อง … อิ อิ อิ



    Main: 0.34690499305725 sec
    Sidebar: 0.23402118682861 sec