เห็นอะไร ทำอะไรที่ Thai Sikh International School
อ่าน: 120023-24-25 ตุลาคม ผมมีรายการอบรมครูต่างชาติซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 7 แล้ว ความแตกต่างจากที่เคยทำมาได้แก่
- เป็นการออกไปจัดนอกมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก
- ผู้เข้ารับการอบรมทั้ง 31 คนเป็นครูต่างชาติที่สอนในโรงเรียนเดียวกัน
- ครูทุกคนเป็นคนอินเดีย ไม่ได้มาจากหลากหลายชาติ หลายวัฒนธรรมอย่างที่ผ่านมา
- ครูทุกคล้วนมีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทาง Education
เมื่อวานนี้ (23 ตค.) ผมออกจากจันทรเกษมตั้งแต่หกโมงเศษๆ ด้วยเป็นวันหยุดรถตู้ที่ทางโรงเรียนจัดมารับ จึงวิ่งฉลุยไปถึงที่หมายคือ Thai Sikh International School ตั้งแต่ 7.45 น. ประทับใจมากๆตั้งแต่อัธยาศัยไมตรีของคนขับรถ ต่อเนื่องไปถึงฝ่ายบริหารที่มารอให้การต้อนรับขับสู้อย่างอบอบอุ่นและเป็นกันเองอย่างยิ่ง ผมและทีมงานนั่งทานกาแฟและของว่างได้สักพักก็อดไม่ได้ ต้องไปเก็บภาพความงามอย่างมีสาระมาฝาก เพราะสังเกตตั้งแต่แรกเข้ามาแล้วว่า มีอะไรน่าสนใจไม่น้อยเลย นี่ไงครับ
ความงามและความสะอาดของอาคารสถานที่
ข้อความดีๆเพื่อเตือนจิต สะกิดใจ ที่ติดไว้บนผนังและเสาหน้าอาคาร
ถึงเวลา 8.45 น. ก็มีพิธีเปิดเล็กน้อย โดยท่านรองคณบดีฝ่ายบริหาร คือผศ.ประไพ บวรฤทธิเดช กล่าวรายงานถึงจุดมุ่งหมายของหลักสูตรและความเป็นมาของโครงการ ตามด้วยการกล่าวเปิดงานโดยท่านอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน เสร็จพิธีผมก็คว้าไมค์มาทักทายผู้เข้ารับการอบรมที่นั่งกันเป็นระเบียบเรียบร้อย สงบ นิ่ง จนรู้สึกว่าจะอึดอัดเล็กน้อย ก็เลยบอกว่าน่าจะผ่อนคลายด้วยการกระจายกันนั่งเป็นกลุ่ม เป็นวงตามโอกาสที่เราจะจัดการให้เกิดการเรียนรู้แบบสบายๆ และผ่อนคลาย
พิธีเปิด ตามด้วยกิจกรรมการเรียนรู้รายการแรก
รายการแรกว่าด้วยเรื่อง Related Regulations and Professional Ethics ซึ่งอาจารย์ติ๊ก วิลาวัณย์ จารุอริยานนท์ รับผิดชอบร่วมกับผม ผมปล่อยให้อาจารย์ติ๊กคุยแบบ Introduction ไปสักพักก็เปลี่ยนกิจกรรมโดยให้ไล่นับ 1-6 เพื่อแบ่งกลุ่มแบบ Random เป็น 6 กลุ่ม มอบให้แต่ละกลุ่มอ่านเนื้อหาในเอกสารกลุ่มละหัวข้อไม่ซ้ำกัน ผ่านไป 30 นาทีก็ให้แต่ละกลุ่มนำเสนอสาระที่สรุปได้ต่อกลุ่มใหญ่ พบว่าผู้เข้าอบรมทำได้ดีมาก โดยเฉพาะเรื่องการสร้างสรรค์สื่อ Graphic มาช่วยทำให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรมและเห็นความเชื่อมโยงของส่วนย่อยที่นำเสนอว่า เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันอย่างไร มีทั้งการใช้สื่อ Visualizer เพื่อนำเสนองานที่เขียนบนกระดาษ A-4 ใช้ Powerpoint และ การพูดสรุปปากเปล่า โดยไม่มี Visual Media ใดๆ
ส่วนหนึ่งของการวิจารณ์ ให้ข้อคิด แทนที่ผมจะไปบอกกลุ่มที่ไม่ใช้สื่อว่าน่าจะได้ใช้สื่อช่วยบ้าง อย่างน้อยเพื่อให้เห็นประเด็นที่สรุปมา ผมกลับเลือกใช้วิธีอ้อมๆ แบบบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น กล่าวคือ ผมบอกว่าดีใจที่นอกจากได้เห็นการสรุปและนำเสนอสาระกันได้อย่างดี เข้าใจง่ายแล้ว ในแง่ของการเลือกใช้สื่อก็มีความหลากหลายดีมาก และบอกว่าการนำเสนอข้อมูลที่เป็นสื่อกราฟิก หรือทำให้ข้อความที่เป็นหัวข้อ เป็นประเด็นสำคัญปรากฏบนจอนั้น ช่วยให้ผู้ฟังติดตามและเข้าใจได้ง่ายขึ้น ประหยัดเวลาในการถ่ายทอดได้ แต่ก็เตือนย้ำว่าถ้ามากไปก็ไม่น่าสนใจเพราะผู้ฟังจะไม่ได้คิด เนื่องจากทุกอย่างมันชัดหมดแล้ว ส่วนการให้ฟังอย่างเดียวแม้จะเสี่ยงกับความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องสมบูรณ์ก็มีส่วนดีคือ ช่วยให้ผู้ฟังมีความตั้งใจ มีสมาธิที่จะติดตามเรื่องราวมากกว่าการใช้สื่อช่วย เพราะไม่ถ้าตั้งใจฟังก็จะไม่รู้เรื่อง
สรุปแล้วการจะใช้สื่อแบบไหน อย่างไรก็ต้องปรับตามความเหมาะสม สื่อเทคโนโลยีช่วยให้ ง่าย และ เร็ว แต่หลายครั้ง ความง่ายและเร็ว ทำให้ ผู้เรียนขาดโอกาสเรียนรู้ ขอให้ระมัดระวัง ..
แอบสอนการใช้สื่อไปเรียบร้อย ในแง่มุมที่ผมห่วงมาตลอด เพราะสังเกตเห็นมามาก ว่าครูใช้ประสิทธิภาพของสื่อ คือ ความเร็ว และ ความง่าย มาทำลายโอกาสแห่งการเรียนรู้แบบไม่รู้ตัว อย่างน่าเสียดาย กลายเป็น สื่อกลับมาทำให้ผู้เรียนอ่อนด้อย และอ่อนแอ ซึ่งไม่น่าจะปล่อยให้เกิดขึ้น