ผมห่างหายไปนับเดือน ไม่มีโอกาสเข้ามาอ่านมาเขียนเนื่องจากสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมันหนักหน่วงเอาการอยู่ไม่น้อย งูจงอางหนึ่งตัว และงูเห่าอีกหนึ่งตัวที่ผมอุ้มมา มันขบกัดและพ่นพิษใส่ครับ ตัวแรกมันกัดอย่างจงใจ ตัวที่สองกัดแบบไม่ตั้งใจ แต่ผลร้ายๆในทางโลก ทางวัตถุนั้นพอๆกัน เวลาที่ผมเสียไปส่วนใหญ่ในระยะหลังก็เพื่อจัดการชำระสะสางให้ทุกอย่างลงตัวมีความปกติสุข และหวังจะได้ คิด ทำ พูด เขียน อะไรๆที่ให้ประโยชน์แก่ผู้คนอีกครั้งในเร็วๆนี้
แม้สิ่งที่ได้รับเปรียบดัง Tsunami ผสม Tornado แต่มองในมุมบวก มันเป็นโอกาสพิสูจน์อะไรหลายอย่าง ที่สำคัญที่สุดคือพิสูจน์ว่าเราสอบผ่าน คือไม่ต้องบ้า ฆ่าตัวตาย หรือฆ่าคนตายอย่างที่เขาเป็นเขาทำกัน .. ผมกินได้ นอนหลับ สบายใจ ไม่ทุกข์ ไม่กระวนกระวายใจ แม้ร่างกายต้องเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขปัญหาบรรดามี แต่ใจนี้ไม่ได้แกว่งตามจนเสียศูนย์ เชื่อว่าถ้า ท่านอาจารย์ ยังอยู่ และล่วงรู้ ท่านคงพูดว่า “ถูกต้อง - พอใจ” เป็นแน่
ผมบันทึกเรื่องราวทุกฉากทุกตอนไว้ ทั้งในความทรงจำ เป็นภาพถ่าย และเป็นเอกสาร มากบ้างน้อยบ้าง ด้วยหวังจะใช้เป็นสื่อในการถ่ายทอด ให้ความรู้แก่ผู้คนตามโอกาสที่เหมาะสมต่อไป .. อีกไม่นานน่าจะได้ค่อยๆปล่อยออกมาทีละเล็กละน้อยครับ
สิ่งที่อยากจะฝากไว้ตรงนี้ก็คือ ไม่ว่าอะไรจะผ่านเข้ามาในชีวิต เราเองเลือกได้ครับที่จะ ทุกข์ หรือ ไม่ทุกข์ เคล็ดลับมีครับ บอกให้ก็ได้ว่า ..
” อย่าเผลอโง่ ไปคิดว่าสิ่งสมมุติที่เราสัมผัสอยู่นั้นนั้นเป็นความจริง ” และ ” อย่าไป แบก สิ่งที่ท่าน มี ใช้ และ เป็น .. ใช้สอย พึ่งพิง อิงอาศัยได้ แต่อย่าไปแบก ”
เตือนสติตัวเองในแนวนี้บ่อยๆ และ ระลึกถึงความตาย ไว้สม่ำเสมอจะยิ่งดีครับ
พูดถึงควาสุข ความทุกข์ ว่าเรานั้นเลือกได้ ก็ทำให้นึกถึงเรื่องราวที่กัลยาณมิตรผู้น้อง จากมหาสารคามส่งมาเป็น Forward mail น่าจะไปกันได้ดีกับสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น
ลองอ่านดูสิครับ