ชีวิตเฉกเช่น…การเดินทาง

3 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 24 กันยายน 2010 เวลา 1:56 (เย็น) ในหมวดหมู่ ปรัชญา แนวคิด ชีวิต #
อ่าน: 2887

ทุกวันนี้เราต่างมี ชีวิต ที่เปรียบได้กับ การเดินทาง

@@@ เมื่อเดือนที่แล้วเปิดชม ยูบีซี ช่องหนังดีเอเชีย เจอภาพยนตร์จีน ซึ่งคงฉายไปได้สักพักหนึ่งแล้ว เสียดายว่าเปิดช้าไปหน่อยและยิ่งเสียดายหนักเข้าไปอีกที่ไม่รู้แม้ชื่อของภาพยนตร์เรื่องนี้…

@@@ฉากที่เปิดไปเจอคือ โจรที่ปล้นผู้โดยสารบนรถประจำทาง (ระหว่างมณฑล) คืนเงินที่ปล้นไปทั้งหมดให้ผู้โดยสาร เนื่องจากโดนใจกับคำตอบอะไรสักคำหนึ่งของคุณลุงซึ่งจะพาเพื่อน (ที่เป็นศพและนั่งอยู่ข้าง ๆ) กลับบ้าน (ของเพื่อน) ตามสัญญาที่ให้กันไว้

@@@ ชมต่อมาโดยไม่กระพริบตา ไม่ลุกอีกเลยจนจบ จึงประติดประต่อได้ว่า คุณลุงเป็นกรรมกรในโรงงานแห่งหนึ่ง ไม่มีลูกเมีย มีเพื่อนสนิทซึ่งสัญญากันว่าหากใครเป็นอะไรไปก่อน อีกคนจะต้องพาอีกคนกลับบ้าน (สะท้อนถึงความลำเค็ญของกรรมกรจีนในยุคหลังปฏิวัติประเทศ) เมื่อเพื่อนจากไปก่อน คุณลุงจึงทำตามสัญญาที่ให้ไว้ โดยส่งเพื่อนไปยัง บ้านเกิด ซึ่งคงไกลโข ประกอบกับการคมนาคมไม่สะดวกนักในยุคนั้น คุณลุงซึ่งเป็นกรรมการจน ๆ หาเช้ากินค่ำ ไม่มีความรู้ ไม่มีเงินทองและพวกพ้องเส้นสาย จึงตัดสินใจพาศพเพื่อนขึ้นรถประจำทางไปด้วยกัน ต้องรอนแรมและต่อรถอีกหลายต่อ (ด้วยการแบกศพเพื่อนไป ใครถามก็บอกว่าเพื่อนป่วยเดินไม่ไหว จะพาไปส่งบ้านเพื่อน)

@@@ เนื้อเรื่องต่อจากนั้น เป็นการผจญภัยของคุณลุง ซึ่งได้พบคนต่าง ๆ ทั้งคนดีมีน้ำใจและคนฉ้อฉล  คนที่ตามหาความฝันของตัวเองอย่างไม่ยอมแพ้  พบทั้งเศรษฐีมีเงินที่ต้องจ้างคนมาร้องไห้ในงานศพที่จัดให้ตนเองก่อนตายจริง เจอคนยากจนเก็บขยะคนจรจัดต้องขายเลือดแลกเงินซื้อหาอาหารแต่น้ำใจงดงามยิ่งใหญ่ การเดินทางไปในเส้นทางที่กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางคือบ้านเกิดของเพื่อนนั้น ก็ทำให้คนดูต้องยิ้มและหัวเราะ และบางครั้งอดจะน้ำตาคลอไปกับชะตากรรมของตัวละครด้วยไม่ได้

@@@ภาพยนตร์จบ แต่ความคิดกลับไม่จบ หากรอนแรมเรื่อยเปื่อยต่อไป… ในฐานะของคนเสพอรรถรสของภาพยนตร์และไม่ใช่นักวิจารณ์ภาพยนตร์ ก็คงคิดเพียงว่า วิวทิวทัศน์ในภาพยนตร์นี้แปลกตางดงาม เนื้อหาสะท้อนถึงความคิด วัฒนธรรม ประเพณีของคนจีนในยุคนั้นได้ดี แม้เรื่องราวจะไม่ค่อยสมจริงสมจังนัก ใครกันจะคิดง่าย ๆ ตื้น ๆ ว่าแบกศพเพื่อนไปส่งบ้านเกิด ตั้งหลายวันศพก็ยังไม่เน่าส่งกลิ่นเหม็น (แต่ในภาพยนตร์ก็พยายามสร้างความเป็นไปได้ด้วยการให้คุณลุงพบเศรษฐีซึ่งมียาทำให้ศพเน่าช้า-ยืดเวลาออกไป)

คิดต่อไปว่า สมมุติว่าเราเป็น คุณลุง ที่เป็นเพียงกรรมกร หาเช้ากินค่ำ ไม่มีความรู้ ไม่มีเงินทอง ไม่รู้จักใคร … เราจะยังคงรักษาสัญญากับเพื่อนในวงเหล้าที่ก็จากไปแล้ว มาทวงสัญญาไม่ได้แล้วนั้นหรือไม่? เราคงเลือกที่จะทำอย่างอื่นมากกว่า (สำหรับตัวเองนะ)

…แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเสน่ห์ก็ตรงที่ คุณลุง คนนี้ได้เลือกและใช้วิธีการที่ซื่อสัตย์ต่อ “คำสัญญา” ที่ให้ไว้กับเพื่อน…มิใช่หรือ?

@@@ ดูหนังดูละครแล้วให้ย้อนดูตัว…ชีวิตก็เฉกเช่นเดียวกับการเดินทาง …บางคนเดินทางด้วยการเดินเท้าด้วยเกวียน บ้างไปด้วยจักรยานด้วยรถ ด้วยเครื่องบิน บางคนเดินทางอย่างสะดวกสบาย หรูหรา บางคนต้ิิองเหน็ดเหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็น และไม่เว้นเลยที่…ล้วนแต่ประสบพบเห็นสิ่งต่าง ๆ แตกต่างหลากหลายกันไปตามเหตุและปัจจัย…

@@@ อมยิ้มคนเดียวคิดต่อไปว่า…บางวันของการเดินทางก็น่าสนุกตื่นเต้นเร้าใจ บางวันกลับเหนื่อยเหน็ดระอาใจกับผู้คนและสิ่งที่ไม่พึงใจ บางคนมีเป้าหมายที่แน่ชัด บ้างกำลังคลำหาเป้าหมาย บ้างก็ไปเรื่อยเปื่อย บางคน……

ชีวิตเฉกเช่น…การเดินทาง คือเช่นนี้เอง

;-)


หลุมพราง

2 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 17 กันยายน 2010 เวลา 10:31 (เย็น) ในหมวดหมู่ ปรัชญา แนวคิด ชีวิต #
อ่าน: 2382

วันหนึ่งพระเบิ้มเข้าไปปฏิบัตินวดเท้าถวายหลวงปู่ดุลย์ อตุโล แล้วก็ถามปัญหาโลกแตกกับท่านว่า

ไก่กับไข่อย่างไหนเกิดก่อนกัน? อย่างไม่คาดคิดว่าหลวงปู่จะตอบ และแล้วท่านก็ตอบว่า…

เกิดพร้อมกันนั่นแหละ คำถามหนึ่งจึงมีหลายคำตอบ ถ้าเราไปยึดติดกับคำตอบใดคำตอบหนึ่ง หรือแม้แต่ยึดติดในคำถาม เราก็จะตกหลุมพรางในโลกสมมติทันที

เรื่องเล่าจาก สโมสรวันพระ หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

อ่านแล้วอมยิ้ม คนช่างตั้ง “คำถาม ชะงักกึก เพราะโดนใจอย่างจัง ชอบถามนัก…เจ้าปัญหา แถมยังติดยึดกับ คำตอบได้คำตอบถูกใจก็ยิ้มหน้าบาน มีความสุข คำตอบไม่ถูกใจก็หน้าหุบ หดหู่ทุกข์ใจ

ต้องมีเหตุให้มีอาการหน้าบาน ๆ หุบ ๆ สุข ๆ ทุกข์ ๆ กับคำถาม-คำตอบอยู่นั่นแล้ว…ตกหลุมตกร่องพรางมาตลอดชีวิตเลย

รีบบอกตัวเองว่า…รู้แล้วยังจะนั่งเล่นนอนเล่นใน

หลุมพราง ก็ตามใจ…นะ

;-)


ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน

4 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 16 กันยายน 2010 เวลา 9:54 (เช้า) ในหมวดหมู่ ปรัชญา แนวคิด ชีวิต #
อ่าน: 2844

ได้รับเมลดี ๆ จากกัลยาณมิตร ชอบใจมาก เป็นเรื่องของ เวลาในชีวิต เนื้อหากล่าวถึง ช่วงชีวิตตามปกติของคนทั่ว ๆ ไปคือ

ช่วงแรก : การเรียนรู้ การศึกษาเล่าเรียน เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์เพื่อใช้ในการทำงาน

ช่วงที่สอง : การทำงาน สร้างสมประสบการณ์ ทำมาหากิน เก็บเงินทองทรัพย์สิน ตั้งเป้าหมายในชีวิตและไปให้ถึงจุดนั้น

ช่วงที่สาม : ไม่ต้องทำงานประจำ หาความสุขสงบหลังเกษียณอายุ พักผ่อน ท่องเที่ยว ทำสิ่งที่ชื่นชอบ

@@@สำหรับคนที่อยู่ในช่วงชีวิตที่สอง คือ ชีวิตการทำงานนั้น หลายคนมักจะรอ วันเกษียณอายุ เพื่อที่จะได้พักผ่อน ทำสิ่งที่ตัวเองรัก เช่น การไปท่องเที่ยวอย่างมีความสุข ไม่ต้องคร่ำเคร่ง วิ่งวนกับงานที่ทำเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะไม่หมดเสียที

…แต่ที่น่าสนใจก็คือ คนส่วนหนึ่งหลังเกษียณจากงานประจำแล้ว กลับไม่มีความสุขดังที่วาดหวังไว้ บางคนหดหู่ห่อเหี่ยว อยู่ไปวัน ๆ ไม่รู้จะทำอะไร บางคนสุขภาพพาลย่ำแย่ ป่วยออด ๆ แอด ๆ ไปเลยก็มี

@@@ เนื้อหาในเมลนี้เสนอแนวคิดว่า ให้ ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน เพื่อให้การใช้เวลาในชีวิตมีประสิทธิภาพที่สุด (เท่าที่ศักยภาพอันพึงมีของเรา) โดย

ใช้เวลาในการเรียนรู้ทุกวัน เพื่อรักษาพลังที่จะวิวัฒน์และพัฒนาชีวิตและจิตวิญญาณภายใน

ใช้เวลาในการทำงานทุกวัน เพื่อจะช่วยกระตุ้นและรักษาเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่

ใช้เวลาในการมีความสุขทุกวัน แม้กับเรื่องราวหรือสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ความเรียบง่ายของธรรมชาติ เพื่อสร้างความสุขสงบในใจ

@@@ โดยรวมก็คือให้ใช้เวลาทั้งสามช่วงในชีวิตอย่างสมดุล มีความสุขกับย่างก้าวของชีวิต ไม่ต้องรอจนเกษียณอายุจึงคิดจะหาความสุขสงบ หมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แปลก ๆ และควรทำงานเพื่อสร้างคุณค่า เสริมสร้างศักยภาพส่วนตัวในทุกวันทุกช่วงวัย

@@@ คิดตามแล้วต้องอมยิ้ม…ดูเหมือน คำว่า ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน นี้ ไม่น่ารังเกียจอะไร หากในแต่ละวัน/วัยของชีวิตเราได้ใช้ชีวิตอย่างเต็ม “ความหมาย” ของทั้งสามช่วงชีวิตไปพร้อม ๆ กัน

:lol:

ขอบคุณกัลยาณมิตรเจ้าของเรื่องดี ๆ

ผู้ชื่นชอบ “ดอกอัญชันขาว”


WATCH

2 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 9 กันยายน 2010 เวลา 9:23 (เช้า) ในหมวดหมู่ ปรัชญา แนวคิด ชีวิต #
อ่าน: 1702

“…WATCH…”

W…watch your words จงระมัดระวังคำพูดของเรา จงพูดแต่สิ่งที่ดี คำพูดของเราต้องเต็มไปด้วยความรักและความเมตตา

A…watch your Action จงระมัดระวังการกระทำของเรา จงทำแต่สิ่งที่ดี รับใช้ช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ

T…watch your Thought จงระมัดระวังความคิดของเรา เราคิดอะไร เราก็เป็นอย่างนั้น จงคิดแต่สิ่งที่ดีเสมอ

C…watch your Character จงระมัดระวังอุปนิสัยของเรา จะต้องเป็นอุปนิสัยที่ดีงามเสมอ

H…watch your Heart จงดูแลรักษาจิตใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์

ท่านศรีสัตยา ไสบาบา

ขอบคุณภาพจากhttp://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem85823.html

@@@ระลึกถึงครั้งหนึ่งที่เคยได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมโรงเรียนสัตยาไส จังหวัดลพบุรี ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ได้ออกมาต้อนรับและเมตตาบรรยายพร้อมพาชมโรงเรียน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ไปในฐานะที่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำเลย ตอนท้ายท่านกล่าวข้อความซึ่งจำได้จนปัจจุบันพร้อมมอบหนังสือ “อัจฉริยะบนเส้นทางสีขาว” พร้อมลายเซ็นของท่านไว้ที่ปกใน ท่านกล่าวว่า…

เมื่อมองนาฬิกาทุกครั้ง อย่ามองเห็นแต่ตัวเลขและสมมุติของเวลา ให้ระลึกถึงความหมายของ นาฬิกา ด้วยนะครับ…

@@@ ระหว่างทางกลับบ้านบนรถ ก็รีบพลิกอ่านด้วยความสนใจอย่างรวดเร็ว และได้พบข้อความที่ท่านได้กล่าวฝากไว้ ซึ่งเป็นข้อความคำสอนอันทรงคุณค่า จากท่านศรีสัตยา ไสบาบา นี้

@@@@ทำให้อดจะระลึกถึงคำสอนของ”แม่” ไม่ได้ แม่พร่ำสอนลูกหลานเสมอว่า ก่อนพูด ก่อนทำสิ่งใดให้ทบทวนก่อน “ด้วยการถามตัวเองอย่างน้อย 3 ครั้้งเสมอว่า ที่พูดที่ทำนี้ทำให้ตัวเองเดือดร้อนไหม ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไหม แล้วจึงพูดจึงทำก็ยังไม่ช้าเกินไป” (แม่คงเห็นลูก ๆ ปากไวใจกล้าบ้าบิ่น…ฮา ๆ)

มองนาฬิกาครั้งใดก็ขอให้เราได้ เห็น คำสอนนี้ด้วย

จะได้ยิ้ม ๆ และมองเห็นคุณค่าที่แท้ของมนุษย์

อย่างเบิกบานและมีความสุข

:-D


กระทบธรรม

2 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 25 สิงหาคม 2010 เวลา 12:08 (เย็น) ในหมวดหมู่ ปรัชญา แนวคิด ชีวิต #
อ่าน: 2154

:-|

เมื่อทุกข์ (มา) กระทบ

ก็ขอให้ ธรรม กระเทือน

แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต

+++หากเรายอมรับเสียว่า มนุษย์ย่อมถูกกระทบกระแทกด้วย โลกธรรมอยู่ตลอดเวลา มากบ้างน้อยบ้างตามสภาวธรรมที่เกิด ๆ ดับ ๆ

บางที คำ ๆ เดียวได้ยินได้ฟังได้อ่าน ก็ตื้นตัน น้ำตาคลอ

บางครั้ง คำ ๆ เดียว ก็ให้เบิกบาน มีกำลังใจ พร้อมจะตะลุยงานต่ออย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย

บางครา แค่แวบที่เหลือบไปเห็น ก็ให้หดหู่ใจ หม่นหมอง ทุกข์ไปนานสองนาน (ซะได้)

หลายหน แค่แวบที่เห็น เสี้ยวเสียงที่เราได้ยิน ก็สร้างความเบิกบานผ่องใสไปทั้งวันที่เหลือนั้น

+++เมื่อรู้เมื่อเห็นเช่นนี้เราจะยอมรับและเข้าใจว่า…ห้ามสุข-ทุกข์อันเกิดจากโลกธรรมได้เสียที่ไหนกันเล่า…

+++ อย่ากระนั้นเลย ต้องอย่าขาดทุนชีวิตให้มากนัก เมื่อใด ทุกข์ มากระทบ ต้องตระหนักและไตร่ตรองให้ได้ถึง ธรรม ด้วย

คิดถึงคำสอนสั่งของครูบาอาจารย์ที่ว่า… เห็นทุกข์จึงถึงธรรม

เอาล่ะ…คราวนี้นะ ใครที่มีทุกข์มากระทบบ่อย ๆ ก็โชคดีน่ะสิ

เพราะได้เข้าถึง ธรรม บ่อย ๆ ไงล่ะ

:-D


เวลา-ความคิด

7 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 24 สิงหาคม 2010 เวลา 7:21 (เย็น) ในหมวดหมู่ ปรัชญา แนวคิด ชีวิต #
อ่าน: 2266

!!!!

คนที่มีความสุข ไม่ใช่คนที่ทำสิ่งที่ตัวเองรัก

แต่…เขารักสิ่งที่ตัวเองทำ

!!!!

วันนี้คิดไปถึง ประเด็นที่เคยพูดคุยกับเพื่อนสนิท ซึ่งเจอหน้ากันต้องหาประเด็นมานั่งถกเถียงกันเพื่อหาข้อสรุปทางความคิด (งานอดิเรกสำหรับคนว่างงาน) เป็นประเด็นที่คุยกันไปพร้อมกินขนมแกล้มกาแฟ จึงเป็นการคุยที่ออกรสออกชาติและโปรดปรานของเราทั้งสองอย่างยิ่ง

!!! เพื่อนตั้งประเด็นว่า คนที่มีความสุข ไม่ใช่คนที่ทำสิ่งที่ตัวเองรัก แต่…เขารักสิ่งที่ตัวเองทำ

!!!! ไม่เห็นด้วยอย่างแรง (ในตอนนั้น) ส่วนตัวเชื่อว่า คนจะมีความสุขเมื่อได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เพราะถ้าเรารักสิ่งที่ทำอย่างสุดจิตสุดใจล่ะก็ อุปสรรคเหนื่อยหนักแค่ไหน เราก็ยินดีและมีแรงผลักดันที่จะทำให้ดีที่สุด แม้จะไม่สำเร็จแต่ก็ได้มีความสุขกับกระบวนการที่ทำสิ่งที่เรารักนั้น

!!!! แต่เพื่อนบอกว่าแล้วในชีวิตจริงน่ะ เราเลือกได้หรือ เลือกแต่สิ่งที่รักที่ชอบได้เท่านั้นหรือ ในโลกของความจริงในชีวิต เราได้ทำสิ่งที่เรารักเพียงไม่กี่อย่างหรอก และบางคนก็อาจไม่โชคดีมากพอที่จะเลือกทำเฉพาะสิ่งที่ตัวเองชอบได้ด้วย ดังนั้นเราควรที่จะต้องเลือกรัก-ชอบในสิ่งที่เป็นหน้าที่ของเรา นั่นคือสิ่งที่เราทำต่างหาก

จำได้ว่าประเด็นนี้ไม่ได้ข้อสรุป เพราะเวลาหมดเสียก่อนและไม่มีโอกาสได้คุยกันอีกเลย…

จนมาเมื่อหลายวันที่ผ่านมา กลับมาคิดถึงประเด็นนี้ ทำให้เกิดความคิดขึ้นมาบางอย่าง ชักจะเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน เพราะมาพิจารณาถึงงานที่ทำ บางงานไม่ได้รักชอบชื่นชมอะไรมาก่อนเลย แต่มีเหตุให้ต้องเข้าไปทำงานนั้น ต่อมากลับพบบางสิ่งบางอย่างที่ถูกกับอุปนิสัยและมีข้อดีบางอย่างที่เรารู้สึกชื่นชมอย่างหมดใจได้เหมือนกัน

เวลาที่เปลี่ยนผ่านทำให้เราได้พบเห็น ประสบกับบางสถานการณ์ บางสิ่งบางเรื่อง ความคิดจึงเปลี่ยนไป

…เวลาเปลี่ยนความคิดเปลี่ยน มันเป็นเช่นนี้เอง

!!!!

เอ๊ะ…แล้วมีไหมนะที่เวลาเปลี่ยน แต่ความคิดไม่เคยเปลี่ยนเลย

คงน่าจะมีบ้างล่ะน่า…

;-)


เคล็ดลับดับทุกข์

4 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 15 สิงหาคม 2010 เวลา 11:00 (เช้า) ในหมวดหมู่ ปรัชญา แนวคิด ชีวิต #
อ่าน: 2692

@

@@@หลายวันที่ผ่านมาได้รับบทเรียนของ ความทุกข์หลายบท ทั้งจากเรื่องส่วนตัวที่ทำงานไม่ค่อยได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจ ทั้งความทุกข์ของเพื่อน ความทุกข์ของญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวที่เจ็บป่วยและไม่สามารถช่วยเหลือท่านได้

๑๑๑ ส่วนตัวยอมรับและตระหนักถึงความจริงที่ว่า ความทุกข์ เป็นของคู่กันกับ ความสุข เพราะเป็นสองด้านของโลก มีสุขต้องมีทุกข์มาคอยเตือนไม่ให้หลงระเริงเกินเลยไปในสุขนั้น มีทุกข์มากมายก็ย่อมมีสุขตามมาสร้างสมดุลให้ชีวิตบ้าง เป็นธรรมดาผลัดเปลี่ยนเวียนไป

๑๑๑ แต่คนเราก็มักจะ รักสุขเกลียดทุกข์ เจอทุกข์แม้จะไม่ชอบแต่กลับหมกมุ่นกับทุกข์นั้น… วันนี้ได้รับเมลดี ๆ จากกัลยาณมิตรแต่เช้า ส่ง เคล็ดลับดับทุกข์ ที่ลัดสั้นที่สุด และสามารถปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน ของท่านอาจารย์วศิน อินทสระ มาให้

เคล็ดลับการดับทุกข์ มีอยู่ 2 ปริยายคือ

1. คิดในทางยอมรับว่า ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป

- นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับ
- ถึงเราไม่ดับ มันก็ดับไปเองเพราะมันไม่เที่ยง

2. คิดโดยโยนิโสมนสิการว่า ทุกข์นี้เกิดขึ้นเพราะเหตุไร แล้วไปดับที่เหตุ ความทุกข์ก็จะดับไป เหตุแห่งทุกข์มีมาก แต่กล่าวโดยสรุปคือ

- ความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า เป็นทุกข์โดยรวบยอด
- เพราะฉะนั้นพึงปฏิบัติเพื่อลดละความยึดมั่นถือมั่นในเบญจขันธ์เสีย ความทุกข์ก็จะดับไปทำยากแต่ก็ทำได้

๑๑๑

๑๑๑ กล่าวโดยสรุปถึง เคล็ดลับการดับทุกข์ของท่านอ.วศิน ก็คือ การยอมรับถึงลักษณะของทุกข์ว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเองในที่สุด จึงไม่ควรผูกใจไว้กับทุกข์อันไม่คงที่่ไม่มีตัวตนนั้น และให้ลดละการยึดมั่นถือมั่นในเบญจขันธ์อันเป็นสาเหตุหลักแห่งทุกข์ เมื่อเข้าใจทุกข์เช่นนี้แล้ว ก็จะดับทุกข์ได้โดยปริยาย

๑๑๑

๑๑๑๑

เราคงยังไม่พ้นทุกข์ไปได้ทั้งหมดหรอก

เอาเพียงว่าแค่ เข้าใจในทุกข์และอยู่กับทุกข์นั้นได้ ก็แล้วกัน

:-D


เรียนรู้-เปลี่ยนแปลง

2 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 9 สิงหาคม 2010 เวลา 9:19 (เย็น) ในหมวดหมู่ ปรัชญา แนวคิด ชีวิต #
อ่าน: 2075

////

ข้อความดี ๆ ที่มาจาก Forward mail

///

หากอยากเป็นผู้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้โลก

ต้อง เรียนรู้ ก่อนจะ เปลี่ยนแปลง

เรียนรู้ในความแตกต่าง

เส้นทางของความแตกต่าง มักยากลำบากในการเริ่มต้น

แต่…ดอกผลอันงดงามหอมหวานรออยู่เสมอ

///

อ่านแล้วชอบใจ นึกขอบคุณคนส่งมาให้ คิดไปถึงวลีหนึ่งที่ว่า… ของฟรีไม่มีในโลก ทุกอย่างมีราคาค่างวด อาจต้องใช้เวลา ความมุ่งมั่นตั้งใจ บากบั่น น้ำใจ ไมตรี และอาจหมายถึงคราบน้ำตาหยาดเหงื่อแห่งความทดท้อใจที่ต้องแลกเพื่อให้ได้มา

ราคงไม่ได้ทุกอย่างที่เราอยากได้หรอก แต่เราจะได้สิ่งที่เหมาะสมกับเราเสมอ

มีความสุขมาก ๆ กับการเรียนรู้…

เพื่อการเปลี่ยนแปลงนะคะ


อนุภาคชีวิต

5 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 6 สิงหาคม 2010 เวลา 12:08 (เย็น) ในหมวดหมู่ ปรัชญา แนวคิด ชีวิต #
อ่าน: 2306

////

อนุภาคแต่ละตัวมีวิถีชีวิตของมันเอง และคาดเดาไม่ได้

ทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์

////

//////เพื่อนที่เรียนด้วยกันและตัดสินใจเลิกเรียน โดยยังไม่ได้ทำดุษฎีนิพนธ์เมลมาหา (บ่นเล็กน้อยว่าโทรมาแล้วไม่รับสาย…อ้าวยังไม่ชินกับนิสัยเพื่อนอีกนะ) เล่าสารทุกข์สุกดิบของชีวิตหลังตัดสินใจเลิกเรียน

////เล่าหลายเรื่องหลายประเด็น…เลยโทรกลับไปเพราะเป็นห่วง เพื่อนเล่าระบายความรู้สึกต่าง ๆ ทั้งดีใจ โล่งใจที่ตัดสินใจเลิกเรียน แต่ในขณะเดียวกันในบางครั้งก็เกิดคำถามว่า เพราะเราไม่อดทนหรือ จึงเรียนให้จบเช่นคนอื่นไม่ได้ คนอื่นทำได้ทนได้ ทำไมเราจึงทำไม่ได้…และอีกมากมายคำถาม

///ฟังจนหูชา ตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง บางทีเพื่อนคงไม่ได้ต้องการ คำตอบ หรอก แต่อยากพูดอยากเล่า เราก็แค่ฟัง…น่าจะพอแล้ว

หากเป็นแต่ก่อนก็คงสวมบทบาทเป็นนักจิตวิทยา (จำเป็น) ทำทีเป็นฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ (แต่ไม่ค่อยได้ยินสาระที่เขาต้องการสื่อจริง ๆ) แล้วรีบสรุปจบบทสนทนาแกมให้กำลังใจว่า… อย่าคิดมาก เราเลือกแล้ว สิ่งที่เราเลือกต้องมีสิ่งดี ๆ และเหมาะสมกับเรา ลองคิดถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเลือกสิ…สู้ ๆ นะ ให้กำลังใจจ้ะ… แล้วก็มานั่งภูมิใจว่า เออนะ อย่างน้อยฉันก็ทำหน้าที่เพื่อนที่ดีล่ะ รับฟัง ให้ข้อคิด และให้กำลังใจเพื่อนแล้วน่ะ…

/////สรุปรวมว่ากระบวนการให้คำปรึกษาจบลงด้วยดี แต่…การแก้ปัญหาสำเร็จเสร็จสิ้นหรือไม่ ไม่กล้าตอบตัวเอง (ฮา ๆ)

แต่…เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำสิ่งที่มักจะทำเป็นประจำเช่นนั้น อาจด้วยตัวเองก็กำลังครุ่นคิดถึง วิถีการเรียนของตัวเองเช่นกัน เลยเงียบไปพักใหญ่หลังเพื่อนจบเรื่องเล่าอันยาวเหยียด เพื่อนบอกว่าว่าไงล่ะ คิดว่าไงบ้าง…จะแนะนำอะไร เอ๊ะ…เลยเพิ่งตระหนักรู้ตัวว่าที่ผ่านมาเราเป็นพวกที่ชอบแนะนำและให้ข้อคิดสำเร็จรูปกับเพื่อนนะนี่ แม้จะรู้สึกเสีย self เล็กน้อย เพื่อนไม่ได้ว่าแต่สิ่งที่สะท้อนกลับมาเป็นเช่นนั้น…(ยอมรับเสีย)

บอกเพื่อนไปว่า วันนี้ไม่รับปรึกษาปัญหา แต่รับฟังเท่านั้น ปัญหาใคร ใครก็แก้เอาเอง (แล้วกัน) เพื่อนก็ยังเซ้าซี้ ฉันว่าเธอต้องคิดอะไรกับเรื่องที่ฉันเล่า บอกมาเหอะ ฉันตัดสินเองแหละว่าชอบหรือไม่ชอบ

คิดไปคิดมาก็เลยโพล่งไปว่า … เคยได้ยินทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ที่ว่า อนุภาคแต่ละตัวมีวิถีชีวิตของมันเอง และคาดเดาไม่ได้ ไหม เราก็คือหนึ่งในเสี้ยวส่วนของอนุภาคของโลก เมื่อมันมีวิถีชีวิตของมันเองและมักจะคาดเดาไม่ได้แล้ว…จะไปเอาจริงเอาจังอะไรกับมันล่ะ

////

ลืมบอกเพื่อนไปอีกข้อว่า เมื่อไม่ซีเรียสกับเรื่องราวใด ๆ แล้ว

ก็ต้องทำเรื่องตรงหน้าให้เต็มที่เต็มสติปัญญาด้วยล่ะ…

ฮ่า ๆ ยังอดจะแนะนำไม่ได้แฮะ!!!

;-)

////


มาเพิ่ม “กำลังใจ” กันเถอะ

3 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 26 กรกฏาคม 2010 เวลา 1:58 (เย็น) ในหมวดหมู่ ปรัชญา แนวคิด ชีวิต #
อ่าน: 2512

1234

สวัสดีวันอาสาฬหบูชาค่ะ

วันนี้เป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนา บางท่านเรียกว่า วันธรรมจักร หรือ วันพระสงฆ์ (มีพระสงฆ์รูปแรกเกิดขึ้น) ซึ่งทำให้เกิดพระรัตนตรัยครบองค์สามเป็นครั้งแรก คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ประวัติและความสำคัญคงไม่ต้องเขียนซ้ำนะคะ

วันสำคัญทางศาสนา เป็นวันหยุด หลายคนได้พักจากการทำงานประจำ บางคนยังต้องไปทำงาน บางคนอยู่บ้านพร้อมกับงาน…

ส่วนตัวขณะนี้เป็น คนว่างงาน(ประจำ) แต่ทำงานส่วนตัว ซึ่งก็มีทั้งงานที่อยากทำ ชอบทำ และงานที่ต้องทำทั้งที่ไม่อยากทำ ไม่ชอบทำ

ดู ๆ ไป มนุษย์นี่ช่างวุ่นวายจริงหนอ สร้างสรรค์เรื่องราว ระบบ และสมมุติบัญญัติมากมาย จนบางทีก็ลืมไปกลายเป็น ทาสของสิ่งสมมุติที่ตัวเองสร้างขึ้นมานั้นเอง… (พอดีกว่า ฟุ้งกระจายเกินไปแล้ว…) เมื่ออยู่ในวังวนของสมมุติบัญญัติต่าง ๆ มากเข้า กายก็เหนื่อย ใจก็ล้า…

สำหรับร่างกายนั้น ข้อแนะนำก็คือต้องมีการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับอายุ เพศ สรีระ ให้สม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ฯลฯ ซึ่งหลายท่าน ต่างมีวิธีที่เหมาะสมสำหรับตัวเองอยู่แล้ว แถมยังหาข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายทั่วไป


แล้ว…ทางใจหรือทางจิตใจเล่า… จะดูแลอย่างไร?

หลายคนบ่นเหนื่อย ท้อแท้ เพราะถูกกระทบกระแทกด้วยโลกธรรม จากเพื่อนร่วมงานที่มีศรัทธา มีศีล มีกรรมไม่เสมอกัน ดังนั้นกำลังใจจึงนับว่าสำคัญอย่างยิ่ง

แล้วกำลังใจนี่ จะได้มาจากไหนกัน

จากเพื่อน จากกัลยาณมิตร ฯลฯ แต่ที่สำคัญคนอื่นหรือสิ่งอื่นภายนอกนั้น แม้ให้กำลังใจกันเท่าไรก็คงไม่ยั่งยืน ให้ได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว สักพักก็ห่อเหี่ยวทดท้อเหมือนเดิม …

ได้คุยกับครูภูมิปัญญาไทย

ครูแก่นฟ้า แสนเมือง (http://province.m-culture.go.th/sisaket/gasad.htm) ท่านให้ข้อคิดเกี่ยวกับ อินทรีย์พละ 5 ซึ่งเป็นข้อธรรมที่เปี่ยมคุณค่า จึงลองค้นหาและนำมาบันทึกไว้เพื่อเป็นของขวัญชิ้นเล็ก ๆ แด่กัลยาณมิตรในวันอาสาฬหบูชานี้ค่ะ

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ท่านได้อรรถาธิบายไว้ว่า พละ 5 หรือ อินทรีย์พละ 5 (http://www.kanlayanatam.com/sara/sara72.htm)  คือ หมวดข้อธรรมที่เป็นเครื่องมือสำหรับ บำรุงใจ ให้มีกำลัง ประกอบด้วย ศรัทธาพละ วิริยะพละ สติพละ สมาธิพละ ปัญญาพละ กำลังทั้ง 5 นี้เป็นข้อที่ควรได้ศึกษาและน้อมนำมาปฏิบัติ เราจะได้มีพละกำลังทั้งทางกายและทางใจในการต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งเราต้องเผชิญอยู่ตลอดเวลา

1234

รายละเอียดของอินทรีย์พละ 5 คือ

ศรัทธาพละ : พลังแห่งความเชื่อแน่วแน่ในคุณงามความดี เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำเช่นไรได้เช่นนั้น ตนทำตนต้องได้รับผลนั้น

วิริยพละ : กำลังแห่งความเพียรพยายาม ไม่ลดละ ไม่ละทิ้งกิจการใด ๆ กลางคัน ทั้งการประกอบการงาน การใช้ชีวิต และการรักษาศีล

สติพละ : กำลังแห่งสติจดจ่อตั้งมั่นอยู่ในเรื่องใด ๆ ความระลึกได้ เมื่อมีศรัทธา วิริยะแล้วต้องมีสติควบคุมไว้ว่าสิ่งนั้นควรหรือไม่ควร ผิดหรือถูก ถูกต้องตามธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่

สมาธิพละ : กำลังแห่งความตั้งจิตมั่น เป็นหลักใหญ่สำคัญ เพราะเมื่อมีศรัทธา วิริยะ สติ แล้ว ต้องรวมมาเป็นสมาธิให้ได้ ถ้าไม่รวมเป็นสมาธิจะทำให้คิดผิดเห็นผิดไปได้

ปัญญาพละ : กำลังแห่งความรู้ทั่ว รู้ชัดแจ้งแทงตลอด มีปัญญาพิจารณาเห็นสรรพสิ่งตามความเป็นจริง

อินทรีย์พละ 5 นี้ ครูบาอาจารย์ท่านสรรเสริญว่านอกจากเป็นธรรมที่ช่วยบำรุงให้ใจมีกำลังเข้มแข็งแล้ว ยังช่วยให้เกิด สมาธิอันนำไปสู่ ปัญญาเข้าใจและมีกุศโลบายที่จะทำให้ลุล่วงมรรคผลนิพพานได้ในที่สุด

1234

ขอให้กัลยาณมิตรทุกท่านมีกำลังใจที่เข้มแข็งบริบูรณ์ ไม่ทุกข์ ไม่ท้อและเปี่ยมล้นปัญญา อันเกิดจาก อินทรีย์พละ 5 ค่



Main: 0.094428062438965 sec
Sidebar: 0.033810138702393 sec