เตรียมตัวไปหลวงพะบาง (2)
อ่าน: 13256การจัดสัมภาระสำหรับเดินทางด้วยตนเองทุกครั้งที่ผ่านมาของผมใช้เวลาไม่นานนักก็เสร็จเรียบร้อย มีเวลานอนพักผ่อนก่อนลุยได้อย่างเต็มอิ่ม แต่การเดินทางครั้งนี้ต้องใช้เวลานานกว่าปกติสองถึงสามเท่า เพราะต้องทำความรู้จักคุ้นเคยกับเป้ใบใหม่เสียก่อน ว่ามีช่องเก็บของใหญ่-เล็กกี่ช่องกี่หลืบ รูดซิปปิดๆ เปิดๆ ช่องนั้นทีช่องนั้นที ก่อนที่จะใช้มือทั้งล้วง ทั้งควาน ทั้งคลำ เพื่อเป็นข้อมูลในการแบ่งหน้าที่ให้มัน ซึ่งมันจะต้องรับผิดชอบสิ่งของในช่องของมันตลอดอายุการใช้งาน โดยผมจะไม่เปลี่ยนหน้าที่ของมันอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแล้วผมจะลืมว่าหยิบจับอะไรใส่ไว้ตรงไหนบ้าง
ผมจัดสัมภาระวางเรียงรายรอบๆ เป้ก่อน เพื่อให้พวกมันทำความรู้จักกันก่อน และเป็นการทบทวนบทบาทหน้าที่ของช่องเก็บของแต่ละช่อง ถ้าหากมีช่องไหนจะขอสับเปลี่ยนหน้าที่ก็จะได้จัดการก่อนบรรจุสิ่งของลงไป ผมใช้สายตาสำรวจความเรียบร้อยเสร็จแล้วจึงเริ่มต้นเก็บของลงเป้ทันที
กางเกงยีนส์สีดำถูกพับครึ่งตามความยาวให้ขากางเกงทั้งสองข้างมาทับกัน แล้วจับขอบเอวกางเกงขดม้วนลงไปจนสุดขากางเกงเป็นแท่งทรงกระบอก ส่วนเสื้อยืดทั้งสามตัวก็พับเช่นเดียวกันคือพับตามยาวซ้ายทับขวาแล้วม้วนเป็นแท่งได้อีกสามแท่ง หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมผมไม่พับผ้าให้เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา ดันจับมาม้วนยังกับขนมทองม้วนซะงั้น มันมีเหตุผลครับ คือผมไม่ชอบใส่เสื้อผ้าที่มีรอยพับเป็นเหลี่ยมเป็นตารางเหมือนเสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อใหม่ยังไม่ได้ซัก เวลาที่ผมไปอบรมสัมมนาแล้วต้องค้างคืนผมจะต้องพบเตารีดไปจัดการกับรอยพับเหล่านั้นด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วผมจะเดินไม่เป็นเอาเลยละ บางครั้งผมก็ใช้ไดร์เป่าผมเป่าลมร้อนลูบไล้รอยยับสักสักครู่ ก็จะได้เสื้อผ้าเรียบๆ ใส่แล้วครับ แต่งานนี้ไม่มีทั้งเตารีดและไดร์เป่าผมร่วมเดินทางไปด้วย จึงใช้ตัวเลือกสุดท้ายคือจับมันม้วนให้แน่น เวลากดทับก็ไม่เกิดรอยพับให้รำคาญตา
ผมเรียงแท่งกางเกงลงไปชั้นล่างสุด ตามด้วยแท่งเสื้อ ผ้าขาวม้า(สำหรับเช็ดตัว ห่มคลุมกันแดดกันลม) กระบอกใส่อุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกาย และปิดท้ายด้วยหมวก เชกูวาร่าหนึ่งใบ เป็นอันหมดหน้าที่ของช่องเก็บของช่องใหญ่ แต่กระนั้นก็ยังเหลือพื้นที่ประมาณหนึ่งคืบสำหรับสิ่งของที่ซื้อระหว่างเดินทาง
ผ้าขนหนูผืนเล็กยาวประมาณห้าสิบเซนติเมตร (สำหรับเช็ดหน้า ผม หลังอาบน้ำเพราะผมจะไม่ใช้ผ้าเช็ดตัวของโรงแรมมาเช็ดหน้าหรือส่วนหัวเด็ดขาดครับ) มันถูกพับใส่ในช่องด้านหน้าตอนบนร่วมกับผ้าเช็ดหน้าอีกสี่ผืน ส่วนช่องกลางผมใช้เก็บอุปกรณ์สายชาร์ตแบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล และกล้องวีดิโอ เหลือช่องล่างสุดเป็นที่อยู่ของกาแฟ 3 in 1 ช้อน และกระดาษสก๊อตแนปกิ้นแผ่นโตห้าแผ่น พับเรียงเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ทั้งซับ ทั้งเช็ดหน้า ตา หัว หู กระทั่งการห้ามเลือดก็ชะงัดนัก สารพัดประโยชน์จริงๆ ครับ ผมจึงมีมันร่วมเดินทางด้วยทุกครั้งพับเก็บในตำแหน่งที่หยิบจับมาใช้งานได้ง่าย
เป้ใบใหม่ยังเหลือช่องเก็บของด้านข้างอีกสองช่องซ้าย-ขวา จึงให้รับผิดชอบ กกน. และถุงเท้าไปเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการเก็บของลงเป้เดินทาง
ผมยังเหลือกระเป๋าคาดเอวอีกสองใบครับ ใบใหญ่คาดด้านขวามือใช้เก็บสมุดโน๊ต ปากกา คัตเตอร์ กล้องวีดิโอ พาสปอร์ตและกระเป๋าสตางค์ ส่วนใบเล็กด้านซ้ายมือใช้เก็บโทรศัพท์มือถือ และกล้องถ่ายภาพดิจิตอลตัวจิ๋วขนาดแปดล้านพิกเซล ที่ซื้อมาใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ก็เจ้า LUMIX อันโตที่เคยใช้ประจำนั้นลูกชายสุดที่รักยืมไปใช้ถ่ายภาพสาวๆ ที่เชียงใหม่ กระเป๋าสองใบนี้รับผิดชอบสิ่งของที่มีมูลค่าสูงสุด จึงต้องนำมาคาดเอวไว้ตลอดเวลา เพราะผมรู้ตัวดีว่าผมเป็นคนขี้ลืมจึงต้องป้องกันไว้ก่อน
เรื่องความขี้ลืมของผมนั้นชาวเชียงแสนเขารู้กันเป็นอย่างดี ผมเคยพาศรีภรรยานั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปซื้อของที่ตลาด ระหว่างทางผมก็ทักทายชาวบ้านไปตลอดทาง และในขากลับก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่ขากลับนั้นชาวบ้านเป็นฝ่ายที่ร้องทักทายผม บ้างก็กวักมือ บ้างก็โบกมือ ขณะที่ผมกำลังยิ้มรับคำทักทายอยู่เพลินๆ ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงชาวบ้านตะโกนถามด้วยเสียงอันดังว่า “ครู ครู เมียครูไปไหนแล้วล่ะ” โอ! พระเจ้า ผมลืมภรรยาไว้ที่ตลาด แล้วขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านคนเดียวหรือนี่? ผมรีบเลี้ยวรถกลับไปที่ตลาดทันที เห็นสุดที่รักยืนยิ้มแฉ่งอยู่ท่ามกลางแม่ค้าที่ฮากันลั่นตลาด..
นี่แหละครับความขี้ลืมของผม…ทำให้ผมต้องจัดระบบความคิดใหม่.. ทีนี้คงหายสงสัยแล้วสิครับว่าทำไมผมต้องเสียเวลานานในการแบ่งหน้าที่ให้เป้ใบใหม่ของผม
บันทึกนี้โพสต์เมื่อ วันที่ วันอาทิตย์, 9 พฤศจิกายน 2008 เวลา 9:45 (เช้า) และจัดไว้ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่. ติดตามอ่านการแสดงความเห็นได้ที่ฟีดนี้ RSS 2.0. คุณสามารถจะ ฝากความคิดเห็นไว้, หรือ แทร็กย้อนหลัง จากเว็บไซต์ของคุณได้.
#2:: น้ำฟ้าและปรายดาว 10 พฤศจิกายน 2008 เวลา 7:51 (เช้า)
อ่านมาเรื่อยๆด้วยความชื่นชมว่ารอบคอบมากๆ แต่ก็มาขำก๊ากกับการลืมคนข้างกาย ยังดีนะคะที่กลับไปรับแล้วเจอยิ้มหวานรออยู่ ถ้าเป็นพี่แพนด้าล่ะสยองเลย อิอิอิ
ไปหลวงพะบางได้ไปรำวงในเธคกับเค้ามั้ยคะ มนต์ขลังของการใส่บาตรยามเช้ายังงดงามเหมือนเดิมหรือเปล่าน้อ และวังเจ้าผู้ครองนครล่ะคะยังคลาสสิคแบบเดิมมั้ย
เฮฯ6 คราวนี้อย่าลืมเชิญคนข้างกายมาด้วยนะคะ ^ ^