เยือนอุดมไชย
อ่าน: 11433
ความมืดเข้าบดบังทัศนียภาพสองข้างทาง ไฟหน้ารถถูกเปิดขึ้นแสงไฟพุ่งเป็นลำออกไปทำให้มองเห็นถนนที่คดเคี้ยว และหลุมบ่อขนาดใหญ่ได้อย่างชัดเจน การเดินทางช่วงนี้จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นมาก บางโค้งก็ทำเอาใจหายใจคว่ำ เพราะจ๊ะเอ๋เข้ากับรถบรรทุกคันยาวขนาด 18 – 20 ล้อ อ้ายโนบอกว่าถนนช่วงนี้ สร้างเมื่อ 30 ปีก่อน เป็นเส้นทางสายยุทธศาสตร์จึงเป็นถนนที่มีความแข็งแรงคงทนเอาการ ส่วนหลุมบ่อนั้นเกิดจากน้ำป่าซัดเอาตอนหน้าฝนทำให้ถนนพังเป็นช่วงๆ
เข้าเขตอุดมไชยมา เราก็เริ่มเห็นหมู่บ้านหนาตาขึ้น ชาวบ้านยามค่ำคืน เขาจะถือไฟฉายเดินตามถนน ฉายไฟส่องดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆ ทำให้นึกถึงตอนที่ผมเป็นเด็ก ได้ไปอยู่กับพ่อที่ชุดคุ้มครองหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านแห่งนี้มีชนเผ่าขมุอาศัยอยู่ พอพลบค่ำเด็กๆ และหนุ่มๆ เขาจะถือไฟฉายออกมาจับกลุ่ม ชุมนุมกันที่ 3 แยกกลางหมู่บ้าน กิจกรรมปกติที่นิยมกันคือ ฉายไฟแข่งกัน ว่าไฟฉายของใครจะส่องไกลกว่ากัน โดยมียอดไม้บนภูเขาเป็นเป้าหมาย และมีคนดูเป็นผู้ออกเสียงตัดสิน ผู้ชนะจะมีสิทธิในการเลือกเส้นทางไปแอ่วสาวก่อน ผู้แพ้ก็ต้องหลบเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง แต่ถ้ามีสาวเจ้าที่หมายปองอาศัยอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ไอ้หนุ่มผู้แพ้ก็ต้องไปปรับแต่ง โมดิฟายไฟฉายของตนเองใหม่ เพื่อนำมาประลองในคืนต่อไป ระยะหลังพวกหนุ่มๆ ก็เสียท่าให้กับลูกน้องของพ่อที่นำไฟฉายสนามของทหารไปส่องแข่งกับหนุ่มเจ้าถิ่น และก็ชนะทุกครั้ง สาวสวยของหมู่บ้านจึงมีตำรวจหนุ่มไปเฝ้าจีบอยู่ทุกค่ำคืน
ผมเผลอหลับไปแป๊บหนึ่ง มาสะดุ้งตื่นเอาเมื่อได้ยินเสียงแตรรถดังขึ้นหลายครั้ง ลืมตาขึ้นดูจึงรู้ว่าเข้าสู่ตัวเมืองอุดมไชยแล้ว รถวิ่งมาถึง 4 แยกกลางเมือง จึงเลี้ยวเข้าที่พักที่อยู่ตรงหัวมุมของ 4 แยกพอดี ชื่อโรงแรมสิงห์ทอง รถจอดสนิทแล้ว ผมกับเจ้าเบิ้มก็กระโดดลงมายืดเส้นยืดสาย บิดตัวไปมาจนเกิดเสียงดังกรุ๊บกรั๊บ พอหายเมื่อยก็หิ้วสัมภาระเดินเข้าไปที่เคาเตอร์ เจอเจ้าเบิ้มยืนคุยอยู่กับผู้จัดการโรงแรมที่คอยยื่นกุญแจให้กับแขกที่มาจากเมืองไทย
ผมรับกุญแจห้องเบอร์ 2003 มาถือไว้ ก่อนที่จะส่งต่อให้คุณนาย เพราะผู้จัดการหนุ่มรูปร่างสันทัด หน้าตาออกลาวนิดๆ ยื่นมือมาจับมือของผม แล้วบอกว่าผมนี่โชคดีจริงๆ ที่ได้พักห้องนี้ ผมก็ยิ้มรับแล้วกล่าวขอบคุณเขาไปด้วยสีหน้าปกติ แต่ในใจของผมนี่สิครับ มันหวั่นๆ หวิวๆ พิกล เอาการอยู่เหมือนกัน ผมหันไปมองหน้าเจ้าเบิ้มที่ยิ้มเผล่จนตาหยียิ่งทำให้ผมระแวง และชักจะไม่ไว้ใจเจ้าเบิ้ม กลัวมันเอาคืนหลังจากโดนอำเรื่องชาติพันธุ์ในระหว่างทาง เจ้าเบิ้มกำชับให้ผมสะดุ้งเล่นๆ ว่า ห้องนี้สุดยอด ปกติไม่ค่อยมีใครพักกัน อ้ายโชคดีจริงๆ ทำให้ผมอดคิดถึงประสบการณ์ขนหัวลุกที่เจอในโรงแรมต่างถิ่นถึง 2 ครั้งด้วยกันไม่ได้
ผมเดินขึ้นบันไดตามคุณนายขึ้นไปบนชั้น 2 ด้วยสีหน้างุนงงสงสัย หวาดระแวงราวกับชายหนุ่มโดนหลอกพาเข้าโรงแรมครั้งแรก คุณนายหยุดอยู่หน้าห้อง 2003 ผมสอดส่ายสายตาสำรวจบริเวณโดยรอบ ห้องพักอยู่บนชั้น 2 ขึ้นบันไดมาแล้วเลี้ยวขวา เป็นห้องสุดท้าย ตรงสุดทางเดินมีหน้าต่างเป็นบานเกล็ดมองออกไปเห็นถนนบริเวณ 4 แยกอย่างชัดเจน ไกลออกไปมองเห็นแสงไฟเรืองๆ อยู่บนยอดเขา คงเป็นวัดแน่นอน ผมคิดแล้วยกมือขึ้นไหว้ไปทางยอดเขาก่อนที่จะเดินตามคุณนายเข้าห้องไป
โอ้โฮ ! ผมอุทานออกมาเบาๆ ภาพที่อยู่ข้างหน้าคือห้องพักขนาด 6 x 6 เมตร มีเตียงนอนหลังใหญ่ 1 หลัง มีโซฟาหุ้มหนังชุดใหญ่ 8 ที่นั่งจัดเรียงเข้ากับมุมโค้งของห้อง มีเฟอร์นิเจอร์ไม้ผสมหวายแบบโบราณตั้งอยู่ ภายในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ มีเครื่องทำน้ำอุ่นผลิตจากประเทศไทย ห้องนอนโล่งกว้างดูสะอาดเพียงแต่มีกลิ่นอับนิดๆ เพราะไม่ค่อยมีคนได้ใช้ห้อง ผมเปิดหน้าต่างเปิดแอร์ เปิดพัดลมไล่กลิ่นสักพักพอหายกลิ่นอับก็ปิดหน้าต่าง เตรียมออกไปหาอะไรกินเป็นอาหารมื้อแรกในแดนลาว
บันทึกนี้โพสต์เมื่อ วันที่ วันจันทร์, 8 ธันวาคม 2008 เวลา 2:25 (เย็น) และจัดไว้ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่. ติดตามอ่านการแสดงความเห็นได้ที่ฟีดนี้ RSS 2.0. คุณสามารถจะ ฝากความคิดเห็นไว้, หรือ แทร็กย้อนหลัง จากเว็บไซต์ของคุณได้.
#2:: rani 8 ธันวาคม 2008 เวลา 10:51 (เย็น)
นายแบบเราเท่ห์ไม่หยอก อิอิ