ลานอิสระ

12 สิงหาคม 2009

“นาฬิกาชีวิต”

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 1:15 (เย็น)

01.00 น. - 03.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ”ตับ”

ข้อควรปฏิบัติ : นอนหลับพักผ่อนให้สนิท
อาหารบำรุง : อาหารที่ช่วยล้างพิษ เช่น งา น้ำผลไม้และน้ำสะอาด

03.00 น. - 05.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ”ปอด”

ข้อควรปฏิบัติ : ตื่นนอน สูดอากาศสดชื่น
อาหารบำรุง : อาหารจำพวกเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอสูง เช่น ส้ม ผักใบเขียว น้ำผึ้ง หอมใหญ่

05.00 น. - 07.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ”ลำไส้ใหญ่”

ข้อควรปฏิบัติ : ขับถ่ายอุจจาระ
อาหารบำรุง : อาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช

07.00 น. - 09.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ”กระเพาะอาหาร”

ข้อควรปฏิบัติ : กินอาหารเช้า
อาหารบำรุง : ควรมีพลังงานและสารอาหารอย่างน้อย 1 ใน 4 หรือร้อยละ 25 ของปริมาณที่ควรได้รับตลอดวัน

09.00 น. - 11.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ”ม้าม”

ข้อควรปฏิบัติ : พูดน้อย กินน้อย ไม่นอนหลับ
อาหารบำรุง : มันเทศสีแดง หรือเหลือง อาหารที่ทำจากบุก

11.00 น. - 13.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ”หัวใจ”

ข้อควรปฏิบัติ : หลีกเลี่ยงความเครียดทั้งปวง
อาหารบำรุง : อาหารที่มีสีแดงตามธรรมชาติ เช่น ถั่วแดงและผลไม้สีแดง น้ำมันปลา วิตามินบีต่างๆ

13.00 น. - 15.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ”ลำไส้เล็ก”

ข้อควรปฏิบัติ : งดกินอาหารทุกประเภท
อาหารบำรุง : อาหารไขมันต่ำ น้ำสะอาด

15.00 น. - 17.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ”กระเพาะปัสสาวะ”

ข้อควรปฏิบัติ : ทำให้เหงื่อออก (ออกกำลังกาย หรือ อบตัว)
อาหารบำรุง : ผลไม้เช่น บิลเบอร์รี่ และทานน้ำสะอาดมากๆ

17.00 น. - 19.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ”ไต”

ข้อควรปฏิบัติ : ทำตัวให้สดชื่น ไม่ง่วงหงาวหาวนอน
อาหารบำรุง : อาหารที่มีเกลือต่ำ รวมถึงสมุนไพรจีน เช่น ถั่งเฉ้า

17.00 น. - 21.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ”เยื่อหุ้มหัวใจ”

ข้อควรปฏิบัติ : ทำสมาธิ หรือสวดมนต์
อาหารบำรุง : อาหารจำพวกโปรตีนที่มีไขมันต่ำ รวมถึงวิตามินบีต่างๆ

21.00 น. - 23.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ”ระบบความร้อนของร่างกาย”

ข้อควรปฏิบัติ : ห้ามอาบน้ำเย็น ห้ามตากลม ทำร่างกายให้อบอุ่น
อาหารบำรุง : อาหารที่มีรสเผ็ดร้อน เช่น ขิง โสม

23.00 น. - 01.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ”ถุงน้ำดี”

ข้อควรปฏิบัติ : ดื่มน้ำก่อนเข้านอน
อาหารบำรุง : อาหารที่มีไขมันต่ำ และไม่ทานอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ

11 สิงหาคม 2009

เเด่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ชื่อว่าแม่

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 12:59 (เย็น)

เมื่อคุณเกิดมาในโลกนี้ แม่อุ้มคุณไว้ในอ้อมอก คุณขอบคุณแม่ด้วยการเปล่งเสียงร้องไห้
เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ แม่ป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ คุณขอบคุณแม่โดยการร้องไห้งอแง
เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ แม่สอนให้คุณหัดเดิน คุณขอบคุณแม่ด้วยการวิ่งหนีทุกครั้งที่แม่เรียกหา
เมื่อคุณอายุ 3 ขวบ แม่ทำอาหารทุกอย่างให้คุณด้วยความรัก คุณขอบคุณแม่ด้วยการโยนจานลงบนพื้น
เมื่อคุณอายุ 4 ขวบ แม่ให้ดินสอสีแก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการระบายสีเลอะเต็มบ้าน
เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ แม่แต่งชุดสวยๆ(หรือหล่อๆ)ให้คุณไปเที่ยว คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำชุดเลอะโคลน
เมื่อคุณอายุ 6 ขวบ แม่ไปส่งคุณที่โรงเรียน คุณขอบคุณแม่ด้วยการร้องไห้ตะโกนว่า ‘ไม่ไป… ไม่ไป… ไม่ไป…”
เมื่อคุณอายุ 7 ขวบ แม่ซื้อไอศกรีมให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำมันหกเลอะเทอะไปทั่ว
เมื่อคุณอายุ 8 ขวบ แม่ซื้อลูกบอลให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำกระจกเพื่อนบ้านแตก
เมื่อคุณอายุ 9 ขวบ แม่สอนให้คุณเล่นเปียโน คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เคยแม้แต่จะซ้อม
เมื่อคุณอายุ 10ขวบ แม่พาคุณไปเรียนพิเศษและพาไปงานวันเกิดเพื่อน คุณขอบคุณแม่ด้วยการกระโดดลงจากรถโดยไม่คิดที่จะหันกลับมามอง
เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ แม่พาคุณกับเพื่อนไปดูหนัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการขอที่นั่งคนละแถว(หรือขอให้แม่ไม่ต้องดู)
เมื่อคุณอายุ 12 ขวบ แม่เตือนคุณว่าอย่าดูทีวี คุณขอบคุณแม่ด้วยการรอให้แม่ไปข้างนอกแล้วดูต่อ
เมื่อคุณอายุ 13 ปี แม่บอกให้คุณตัดผม คุณขอบคุณแม่ด้วยการด่าแม่ว่า ‘แม่นี่…ไม่มีรสนิยมเลย ไม่ต้องกะหนู(ผม)หรอก’
เมื่อคุณอายุ 14 ปี แม่จ่ายเงินซัมเมอร์แคมป์ที่แพงแสนแพงเพื่อให้คุณได้เรียนสิ่งที่ดีๆ คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เขียนจดหมายหาแม่ซักกะฉบับ
เมื่อคุณอายุ 15 ปี แม่กลับบ้านหลักงานเลิกอยากกอดคุณสักกอด คุณขอบคุณแม่ด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้อง
เมื่อคุณอายุ 16 ปี แม่สอนคุณขับรถ คุณขอบคุณแม่ด้วยการขับรถหนีแม่ไปเที่ยว
เมื่อคุณอายุ 17 ปี แม่จ่ายค่าเรียนกวดวิชา คุณขอบคุณแม่ด้วยการให้แม่ส่งข้างนอกเพื่อจะได้ไม่อายเพื่อน
เมื่อคุณอายุ 18 ปี แม่ร้องไห้ในวันที่คุณจบชั้นมัธยม คุณขอบคุณแม่ด้วยการฉลองยันเช้า
เมื่อคุณอายุ 19 ปี แม่รอโทรศัพท์สายสำคัญ คุณขอบคุณแม่ด้วยการใช้สายตลอดคืนนั้น
เมื่อคุณอายุ 20 ปี แม่ถามว่าคุณมีแฟนรึยัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการตอบว่า ‘แม่อย่ามายุ่งกะหนู(ผม)เลย’
เมื่อคุณอายุ 21 ปี แม่แนะนำอาชีพของแม่ให้คุณทำในอนาคตของคุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ‘หนู(ผม)ไม่อยากเป็นอย่างแม่’
เมื่อคุณอายุ 22 ปี แม่อยากกอดคุณในวันรับปริญญา คุณขอบคุณแม่ด้วยการกอดกับเพศตรงข้ามกับคุณ
เมื่อคุณอายุ 23 ปี แม่ซื้ออพาร์ตเม้นท์และเฟอร์นิเจอร์ให้แก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการว่ากับเพื่อนๆลับหลังว่า’มันช่างเชยและน่าเกลียดเสียนี่กระไร’
เมื่อคุณอายุ 24 ปี แม่บอกให้คุณพาแฟนของคุณมาหาแม่ เมื่อคุณพามา แม่ถามพวกคุณว่าอนาคตวางแผนไว้ว่าอย่างไร
คุณขอบคุณแม่ด้วยการจ้องเขม็งและพูดว่า ‘แม่จะมายุ่งอะไรกะหนูอีกเนี่ย’
เมื่อคุณอายุ 25 ปี (สำหรับผู้ชาย) แม่ช่วยออกค่าสินสอดให้กับคุณ และบอกกับคุณว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า’อายคนอื่นเขาน่า แม่’
(สำหรับผู้หญิง) แม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานให้คุณ และบอกว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า’หนูอยากไปอยู่ต่างประเทศเพื่อจะได้สวีทกับแฟนโดนไม่มีแม่’
เมื่อคุณอายุ 30 ปี แม่โทรมาหาและแนะนำวิธีเลี้ยงเด็ก คุณขอบคุณแม่โดยการบอกว่า ‘สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะค่ะแม่’
เมื่อคุณอายุ 40 ปี แม่โทรมาชวนคุณไปงานวันเกิดญาติ คุณขอบคุณแม่และญาติว่า ‘ตอนนี้ไม่ว่างเลย’
เมื่อคุณอายุ 50 ปี แม่ชราและไม่สบาย อยากให้คุณดูแล คุณขอบคุณแม่ด้วยการบอกว่า ‘มันเป็นภาระนะแม่ หนูมีงานอีกเยอะแยะ’
และแล้ววันหนึ่ง แม่จากคุณไปอย่างสงบ และทุกอย่างที่คุณไม่เคยทำมาก่อน จะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณ
โปรดใช้เวลาสักนิด แสดงออกถึงความลึกซึ้งแด่’แม่’
ไม่มีอะไรมาแทนแม่ได้ แม้ว่าบางคราวแม่จะไม่ใช่คนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรือเห็นด้วยกับคุณ แต่ก็คือ’แม่’ของคุณ และเชื่อได้ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ รับฟังคุณ ความกังวลของคุณ
ลองถามตัวเองดู คุณมีเวลาที่จะฟังความเศร้า ความกังวลใจไม่ว่าจากการงาน จากงานบ้าน หรือจากงานในครัวของแม่ไหม คุณเคยนึกถึงความทุกข์ของแม่ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อคุณและทุกคนไหม
รักแม่ให้มาก แม้ว่าจะคิดเห็นแตกต่างการ เพราะเมื่อแม่จากไป จะเหลือเพียงความเสียใจและความทรงจำเท่านั้น
อย่าเพิกเฉยกับคนที่ใกล้หัวใจคุณที่สุด’รักแม่’ให้มากกว่ารักตัวเอง แสดงให้แม่รู้ว่าคุณก็’รัก’
ก่อนที่จะทำได้เพียงบอกรักกับ’รูป’ ของแม่เท่านั้น

ขอบคุณ Fw : mail ดีดี จากพี่ดีดี

17 กรกฏาคม 2009

“สิ่งดีดี”

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 4:56 (เย็น)

 

 

 

20 มิถุนายน 2009

ร่างทรง “พิธีฟ้อนผีมด” มีจริงหรือ?

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 9:05 (เย็น)

               วันนี้ nuaor ตื่นนอนแต่เช้า รีบทำงานบ้านให้เสร็จไว ๆ ตั้งใจว่าจะซักผ้า น้ำปะปาดันไม่ไหลอีกล่ะ (ตลอดเลย) ได้ยินว่าวันนี้จะมีฟ้อนผีมด อยากไปดู อีกอย่างดนตรีก็เล้าใจมาก ๆ  อิอิ  เลยชวนพ่อไปดู พอไปถึงมีชาวบ้านเต็มไปหมด ส่วนมากจะเป็นผู้สูงอายุ เด็กรุ่นๆไม่ค่อยมี 555 หรือเราจะแก่แล้ว ไม่จริง ไม่จริง nuaor รับไม่ได้ คนที่เป็นร่างทรงก็เป็นผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน พิธีฟ้อนผีมดจะทำกันปีละครั้ง หมู่บ้านที่นี่ก็ทำกันทุกปี แต่ไม่ค่อยได้มาดูซักเท่าไหร่ ดูไปดูมาก็เกิดคำถามขึ้นในใจ เขาเอาแรงที่ไหนมาเต้นกัน เพราะผู้สูงอายุปกติจะเดินไม่ค่อยไหว ปวดเข่าบ้าง ปวดขาบ้าง แต่เวลาเต้นไม่ยักจะเป็นไร แต่ก็ดูไปเรื่อย ๆ  (เพราะนักดนตรีบรรเลงแต่เพลงสมัยใหม่ทั้งนั้น ประมาณ  อย่างนี้มันต้องถอน) และอีกอย่างเป็นร่างทรงจริงหรือ เพราะเห็นผู้สูงอายุที่เต้นดื่มเบียร์ด้วย หรือว่าเมาและมีเพลงบรรเลงก็เลยเต้นกันใหญ่ ขนาด nuaor เป็นคนดูยังอยากจะไปเต้นกับเขาเลย แต่ไม่ได้ ผู้ใหญ่และเป็นญาติ ๆ ทั้งนั้น ประมาณว่ารักษาภาพพจน์นิดนึ่ง 555 (more…)

5 มิถุนายน 2009

สิ่งที่อยู่ใกล้… มักไม่มีคุณค่า?

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 4:40 (เย็น)

สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด  มักเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญที่สุด

 

สิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวัน เราก้อคิดอยู่ว่าเราก้อต้องเห็นอยู่แบบนั้นต่อไป

ไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้มันสำคัญ ไม่เคยเห็นแม้แต่ค่า

 

เหมือนกับการที่เราเห็นหน้าใครอยู่ทุกวัน

คน ๆ นั้นวิ่งตามเราอยู่ทุกวัน ใส่ใจเราอยู่ทุกวัน

เราก้อมักจะเห็นแค่ว่าใครคนนึงกำลังทำอะไรที่ดูงี่เง่า น่ารำคาญ

 

จนวันนึงถ้าเราสูญเสียไป เราก้ออาจจะรู้สึกเสียใจบ้าง

เราอาจจะต้องการเรียกร้องให้มาเหมือนเดิม

 

หรือบางที่เราก้ออาจจะรู้สึกว่าดีใจที่ได้มีชีวิตที่ปราศจากความรำคาญ

แต่เขาทำไปเพราะเขารักคุณจริง ๆ

เหมือนความรักของพ่อแม่ เหมือนความรักของเพื่อนสนิทของคุณ

เหมือนความรักของใครอีกหลายคนที่ให้คุณด้วยความจริงใจ

 

คุณเคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญบ้างไหม

คุณเคยคิดว่าคุณดูแลพวกเขาดีพอรึยัง

คุณให้ความสำคัญกับคนถูกหรือเปล่า

คุณให้ความสำคัญกับคนที่ให้วัตถุคุณมากกว่าความรู้สึกที่ดีหรือเปล่า

 

สิ่งที่สำคัญมักมองไม่เห็นด้วยตา แต่ต้องมองด้วยหัวใจ

 

แต่เรามักไม่มีเวลาพอที่จะใช้หัวใจมอง

เรามองอะไรแค่ฉาบฉวยแล้วก็ตัดสิน

เรามองดูความรวยความจนของคนที่สิ่งของที่เขาใช้

เรามองความดีของคนตรงที่เขาแสดงให้เราเห็น

เรามองอะไรหลายอย่างด้วยตา

แล้วเราก้อตัดสินคนเพียงแค่เวลาไม่เกิน 5 นาที

 

เราต้องสูญเสียมิตรที่ดีไปเพียงเพราะเราอ้างว่าไม่มีเวลา

เราไม่มีเวลาก็ต่อเมื่อเราไม่สนใจ

เราไม่ให้ความสำคัญต่อสิ่งนั้น ต่อคน ๆ นั้น

แต่ถ้าลองมองย้อนดูทำไมเราถึงมีเวลาทำอะไรมากมายหลายอย่าง

ในแต่ละวัน

เพราะเราให้ความสนใจ ให้ความสำคัญ

 

ทำไมคุณไม่ลองให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณลืมไปกับคนที่หวังดีกับคุณแต่คุณไม่เคยมอง

อย่างปล่อยให้มิตรภาพดีๆต้องมีรอยร้าวเพราะเมื่อวันนึงถ้าต่างคนต่างไป

เราจะได้จากกันด้วยความรู้สึกที่ดี

เราจะได้ไม่รู้สึกผิดว่า

เรายังทำดีกับเขาไม่เพียงพอ

4 มิถุนายน 2009

ประเพณีทำบุญสืบชะตาเมืองเชียงใหม่

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 12:27 (เย็น)

ประวัติย่อ

นครเชียงใหม่ สร้างขึ้นโดยพญามังรายมหาราช พร้อมกับเสนาอำมาตย์ ทวยราษฎร์ ทั้งหลาย ซึ่งมีพญารามคำแหงมหาราชแห่งนครสูโขทัยและพญางำเมือง แห่งนครพะเยา ผู้เป้นพระปิยสหาย ให้คำปรึกษา นครนี้สร้างขึ้นในปีพุทธศักราช 1838 - 1839 ขนานนามว่า “นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่” เป็นราชธานีแห่งอาณาจักรล้านนาไทยในอดีต และเป็นศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมและเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญในภาคเหนือของประเทศไทยปัจจุบัน

การสืบชะตา

ความเชื่อแต่โบราณว่า การเกิดเมืองหรือการสร้างเมืองนั้น สร้างตามฤกษ์ยามที่เป็นมหามงคลตบะ เดชะ เหมือนกับการเกิดของประชาชนที่มีความสุข ความสุขสมหวัง และบางครั้งก็เสื่อมโทรมอับเฉา เศร้าหมองนานัปการ เมื่อประสบกับสิ่งเหล่านั้นชาวล้านนาไทยมีความเชื่อว่า หากได้ทำบุญสืบชะตาจะช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้นเหมือนเดิมหรือยีงกว่า จึงปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน

สืบชะตา คือ อะไร

สืบชะตา ได้แก่ การสืบการเกิด , สืบอายุ , สืบชีวิต ให้ยืนยาวออกไปนานเท่านาน ผู้ใดปรารถนาจะมีอายุยืนต้องประกอบพิธีสืบชะตาเสมอ จึงจะมีความสุขสวัสดี

ประเพณีสืบชะตาเมือง

นับแต่สร้างนครเชียงใหม่ พ.ศ. 1839 เป็นต้นมา ชาวเมืองมีพระมหากษัตริย์และเจ้าผู้ครองนครเป็นประธานจัดพิธีสืบชะตาเมือง อันเป็นพระราชพิธีต่ออายุเมืองให้ยืนยงอยู่ และสร้างความสุขสมบูรณ์แก่อาณาประชาราฎร์ทั้งมวล จะทำพิธีบูชาหรือไหว้เสาอินทขิล คือ เสาหลักเมือง ในปลายเดือน 8 เหนือ เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน ไปเสร็จสิ้นเดือน 9 เหนือ เรียนว่า “8 เข้า 9 ออก” หมายถึง เข้าพิธีและออกพิธีในระหว่างปลายเดือนพฤษภาคมและต้นเดือนมิถุนายน ของทุกปี

สถานที่ทำพิธี

นิยมทำพิธี ณ บริเวณกลางใจเมือง ประตูเมือง และแจ่งเมือง หรือมุมเมือง จำนวน 10 แห่ง ประกอบด้วย กลางเวียง , ประตูช้างเผือก , ประตูเชียงเรือก หรือท่าแพ ,ประตูเชียงใหม่ , ประตูแสนปุงหรือสวนปรุง , ประตูสวนดอก ,แจ่งศรีภูมิ , แจ่งก๊ะต๊ำ , แจ่งกู่เรือง , แจ่งหัวลิน จำนวนพระสงฆ์กลางเวียง 9 รูป นอกนั้น 11 รูป รวมเป็น 108 รูป อันเป็นเครื่องหมายแห่งมงคล 108 ในศาสนาพราหมณ์ ส่วนศาสนาพุทธ หมายถึง พระพุทธคุณ 56 พระธรรมคุณ 38 พระสังฆคุณ  14 รวม 108 เช่นเดียวกัน

ประตูสวนดอก

ประตูสวนดอกสร้างในรัชสมัยพญามังราย เมื่อแรกตั้งเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. 1839 ด้านนอกของประตูนี้เดิมเป็นสวนดอกไม้ของพญากือนา เมื่อ พ.ศ. 1914 พระองค์สร้างวัดขึ้นในบริเวณสวนดอกไม้ เรียกว่า วัดสวนดอกประตูนี้จึงเรียกว่า ประตูสวนดอก ซึ่งได้บูรณะขึ้นใหม่ในสมัยพระเจ้ากาวิละประมาณ พ.ศ. 2344 และสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งระหว่าง ศ. 2509 - 2512

 

 

3 มิถุนายน 2009

ข้อคิดเล็ก ๆ

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 6:09 (เย็น)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้อคิดเล็ก ๆ สำหรับตัวเองและทุก ๆ คนนะค่ะ

nuaor

 

2 มิถุนายน 2009

Hugging* กอด‏

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 5:13 (เย็น)

เคยสังเกตไหม… เวลาคุณ *”กอด” *ใคร
คุณมักซบไปทางด้านซ้ายของอีกฝ่าย
อาจเป็นเพราะนั่นคือตำแหน่งที่ตั้งของหัวใจ
หากคุณ *”กอด”* เขาไว้นานเพียงพอ
จังหวะการเต้นของหัวใจ 2 ดวง ก็จะเปลี่ยนเป็นจังหวะเดียวกัน ในที่สุด

*”กอด”* คือเสื้อกันหนาวที่มีหัวใจ ?
ถึงแม้คอมพิวเตอร์จะทำได้แทบทุกอย่าง แต่ข้อเสียของมันก็คือ ลุกขึ้นมา *”กอด”*  คุณไม่ได้
ถ้าวันหนึ่งไม่มีเธอให้ *”กอด”* แล้วฉันจะโทษใครได้ ?

*”กอด”* คือ การแสดงความเป็นเจ้าของที่น่ารัก ? แม้ชีวิตนี้คุณจะมีใครให้ *”กอด”* แม้เพียงคนเดียว นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับการดำรงชีวิต ?

*”กอด”* คือ การได้ให้และการได้รับพร้อม ๆ กัน ? *ในอนาคต *”กอด”*อาจหายากพอ ๆ กับเวลา ?

*”กอด”* ทำให้รู้ว่าเมื่อหัวใจอีกดวงมาเต้นอยู่ที่อกด้านขวาบ้างจะเป็นไง ?
เมื่อคุณถูก *”กอด”* คุณจะตัวเล็กลง ? แต่เมื่อคุณ *”กอด”* คนอื่น คุณจะตัวใหญ่ขึ้น ?
*”กอด”* คือคำว่า “ฉันอยู่นี่” ? *”กอด”* ทำให้รู้ว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก ?

ภาษาพูดแทนความรู้สึกได้ดี แต่สำหรับบางเวลา *”กอด”*อาจเป็นตัวช่วยที่ดีกว่า ?
*”กอด”* คือ การแลกเปลี่ยน “ความลับทางอารมณ์” ระหว่างกัน ? 
*”กอด”* ช่วยสลายทิฐิบางอย่างในใจเรา ?   
เมื่อคุณกลับบ้าน สิ่งที่ควรทำหลังจาก ?สวัสดี? คือ เข้าไป *”กอด”*คนที่คุณรัก ? 

บางครั้งเราไม่รู้หรอกว่าเราต้องการ *”กอด”* มากแค่ไหน จนกว่าจะได้เห็นคนอื่นเค้ากอดกัน ?
*”กอด”* คือ ทางสายกลางของการแสดงออกซึ่งความรัก ?
*”กอด”* คือ การเต้นรำในจังหวะเดียวกัน ? 
*”กอด”* ทำให้รู้ว่ายังมีคนอ้วนกว่าเรา ?

สุดท้ายแล้วคนเราก็ต้อง *”กอด”* ตัวเองในที่แคบ ๆ 

ได้รับ mail จากเพื่อนค่ะ ซึ่งเขียนโดย ไพลิน ถาวรวิจิตร และ GTH Team

1 มิถุนายน 2009

บันทึกแรกของฉัน!

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 8:13 (เย็น)

ยินดีต้อนรับสู่ลานปัญญา

  • ท่านได้สร้างบล็อกของท่านเองแล้วที่นี่
  • บันทึกนี้เป็นข้อความทดสอบ
  • ท่านสามารถเข้า Dashboard หรือ Site Admin เพื่อลบบันทึกนี้ออกได้
  • ขอแนะนำให้ท่านเขียนบันทึกแนะนำตัวเอง เพื่อทำความรู้จักกับสมาชิกอื่นๆ
  • คำแนะนำภาษาไทยอยู่ในบล็อกลานคู่มือบ้านลานปัญญา

ยินดีต้อนรับสู่ลานปัญญา

« บันทึกเก่ากว่า

Powered by WordPress