The boss
ผู้นำแบบไหน…. ได้ใจคนตาม
โรเบิร์ต เบล็ค และเจน มันตัน นักทฤษฎีชาวอเมริกัน ได้คิดค้นทฤษฎีที่ชื่อว่า Managerial Grid โดยแบ่งผู้นำออกเป็น 4 ประเภท คือ
แบบเผด็จการ
ผู้นำประเภทนี้เน้นเรื่องผลของานมากว่าความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล โดยเน้นให้ผู้ร่วมงานทำงานเพื่อเป้าหมายของงาน คาดหวังให้คนเชื่อฟังคำสั่งโดยไม่ต้องเสียเวลาโต้เถียง และหามีอะไรผิดพลาดก็มักจะหาคนผิดมากกว่าการหาต้นเหตุเพื่อแก้ไข
แบบผู้นำทีม
ผู้นำลักษณะนี้นอกจากจะเน้นเรื่องงานแล้วยังให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่าบุคคล ผู้นำประเภทนี้จะสนับสนุนให้ลูกน้องพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเดียวกันก็สามารถทำให้คนในทีมรู้อยากทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย และแน่นอนว่าองกรไหนที่มีผู้นำลักษณะนี้ มักจะสร้างผลผลิตได้อย่างน่าชื่นชม
แบบผู้นำชุมชน
ผู้นำแบบนี้ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนในองค์กรมากกว่าผลสัมฤทธิ์ของงาน และมักเน้นการให้รางวัลเป็นแรงจูงใจ การบริหารงานของผู้นำที่มีลักษณะเช่นนี้จึงมักจบลงด้วยงานที่ไม่สัมฤทธิ์ผล แถมยังเกิดความอิจฉาริษยากันเอง อันเป็นผลจากวิธีสร้างแรงจูงใจด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม
แบบเสื่อมประสิทธิภาพ
ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นผู้นำที่ไม่เอาไหน นอกจากไม่ได้งานแล้ว ความสัมพันธ์ของคนในองค์กรก็ยังยุ่งเหยิง ผู้นำแบบนี้มักบริหารด้วยการใช้ตัวแทน โดยตัวเองมักจะหายหน้าไปบ่อย ๆ โดยไม่มีสาเหตุ ปล่อยให้ลูกน้องทำงานแบบต่างคนต่างทำและแก้ปัญหากันเอาเอง
ผู้นำที่ดีต้อง …..
รู้จักตัวเอง
ก่อนจะบริหารงานคนอื่น ผู้นำที่ดีต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าเป็นคนแบบไหน มีความรู้แค่ไหน และทำอะไรได้มากน้อยเพียงใด การจะบอกว่าคุณเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จหรือไม่ ลูกน้องจะเป็นผู้ตัดสิน ดังนั้นผู้นำที่ดีต้องสามารถทำให้ลูกน้องไว้เนื้อเชื่อใจ ยินยอมปฏิบัติตามที่คุณต้องการ หากไม่สามารถทำให้ลูกน้องเชื่อมันในตัวคุณ คุณจะไม่สามารถโน้มน้าวใจเขาให้ทำงานให้คุณได้
รู้จักลูกน้อง
คนแต่ละคนมีความแตกต่าง มีสไตล์การทำงานที่ไม่เหมือนกันหากคุณต้องการเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ ต้องเรียนรู้นิสัยใจคอและบุคลิกลักษณะของลูกน้องแต่ละคน เพื่อจะได้มอบหมางานได้ถูกต้องตรงกับความถนัดและความสามารถของเขา
รู้จักสื่อสาร
แน่นอนว่าหากต้องการให้การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น จะต้องเปิดโอกาสให้มีการสื่อสารสองทาง ไม่ใช่หัวหน้าเอาแต่ออกคำสั่งอย่างเดียว ส่วนลูกน้องก็คอยรับคำสั่งอย่างเดียว และการสื่อสารนั้นไม่ได้หมายความเฉพาะแค่การพูดจากันเท่านั้น ท่าทีคุณปฏิบัติหรือแสดงออกก็สำคัญมากเช่นกัน จำไว้ว่าสิ่งที่คุณสื่อและวิธีการที่คุณสื่อสารสามารถสร้างและทำลายความสัมพันธ์ได้ในขณะเดียวกัน
รู้จักใช้ดุลยพินิจ
เวลาและสถานการณ์ที่แตกต่างกัน วิธีที่ใช้ในการแก้ไขหรือตัดสินปัญหาย่อมไม่เหมือนกัน
ผู้นำยอดเยี่ยม vs ผู้นำยอดแย่
- 1. มีความหนักแน่น 1.หูเบา เชื่อคนง่าย
- 2. มีความยุติธรรม 2. ลำเอียง เห็นแก่พวกพ้อง
- 3. นอมน้อม มีพระคุณมากกว่าพระเดช 3. ใช้อำนาจ อวดรู้
- 4. เป็นผู้ฟังที่ดีและแก้ไขเมื่อผิดพลาด 4. ไม่ยอมรับความผิด
- 5. เป็นนักประสานประโยชน์ รู้จักวางแผน 5. แบ่งพวก แบ่งฝ่าย
- 6. รู้จักวิธีบริหาร จัดการ 6. ไม่มีการวางแผน
- 7. มีวิสัยทัศน์และเปิดกว้าง 7. ไม่รับฟังความเห็น
- 8. มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ 8. หวั่นไหวตามสถานการณ์
- 9. เสียสละและรับผิดชอบ 9. เห็นแต่ประโยชนส่วนตัว
- 10. ชื่นชมยกย่องผู้อื่น 10. เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น
ขอบคุณข้อมูล : หนังสือ The Secret
ทำงานมาก็หลายปีนะค่ะ สำหรับฉันแล้วคิดว่า น่าจะเป็นน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ถึงแม้จะมีผู้นำที่ดี แต่เจอผู้ตามที่ปฏิบัติงานไม่มีประสิทธิภาพ ทุกอย่างก็ไม่เกิดผล ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีผู้ตามที่ดี แต่เจอผู้นำที่นำไปผิดทิศผิดทาง ทุกอย่างก็ไม่เกิดผลเช่นกัน ทุกอย่างถ้าทำงานเป็นทีม ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน