ลานอิสระ

26 มิถุนายน 2010

โดนมั้ย พี่น้อง…

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 9:38 (เช้า)

fw : Thanyalak Boonlue

คนเราเปรียบเหมือนเหรียญ  2 ด้าน มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะค่ะ แต่จงทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน เพราะวันนี้เป็นพื้นฐานของอนาคต

16 มิถุนายน 2010

ผู้กล่าวคำเท็จอยู่ จะไม่ทำความผิดอื่น เป็นไม่มี

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 2:06 (เย็น)

เรื่องมีอยู่ว่า

นาย ก. ไปพบสาวแสนสวยผู้หนึ่งในงานเลี้ยง ด้วยความต้องตาเพราะท่าทางที่น่ารักของเธอ จึงเดินเข้าไปทำความรู้จักหวังตีสนิทด้วย “ขอโทษครับ ขอผมนั่งคุยด้วยสักครู่ได้ไหมครับ”

“อุย เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าครับ”

 ”เปล่าหรอกครับ แค่ผมพบคุณครั้งแรกผมรู้สึกเหมือนมีแม่เหล็กทางจิตที่ดูดผมให้เข้ามาทำความรู้จักกับคุณ”

 ”ดื่มวายเย็น ๆ สักแก้วไหมครับ”

“ไม่ละคะ ผิดศีลข้อ 5 ดิฉันไม่ดื่มน้ำเมาทุกชนิด” 

“ไม่เช่นนั้น ผมขออนุญาตตักข้าวขาหมูปากซุงให้คุณทานสักจากได้ไหมครับ”

 ”อย่า เลยคะ ดิฉันเป็นมังสวิรัต ไม่ทานเนื้อสัตว์ เพราะดิฉันคิดว่าการทานเนื้อสัตว์เป็นการส่งเสริมให้มีการทำร้ายชีวิตสัตว์ ดิฉันสงสารมัน ผิดศีลข้อที่ 1 ค่ะ”                                                     

 ”ถ้าคุณไม่รังเกลียด เสาร์นี้ผมอยากจะขอชวนคุณไปเที่ยวหัวหิน ผมมีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่นั้น”

 ”ไม่ดีดอกค่ะ หญิงชายไปในที่ลับตาคนสองต่อสอง มันไม่งาม หากไม่มีสติที่ดีพอสถานการณ์มันง่ายที่จะทำให้เราต้องผิดศีลข้อ 3″

“ผมไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น”

“คุณจะรับผมเป็นเพื่อนสักคนได้ไหมครับ” พร้อมหยิบดอกกุหลาบสีชมพูให้

“ไม่ดีหรอกค่ะ กุหลาบดอกนี้เป็นของเจ้าของงาน  ไม่ใช่ของคุณ ถ้าดิฉันรับมาก็เหมือนร่วมทำผิดกับคุณคือลักทรัพย์ มันผิดศีลข้อที่ 2 นะคะ”                                                       

“มิได้ค่ะ มีศีลข้อเดียวเท่านั้นที่ดิฉันไม่สามารถรักษาได้ คือ ศีลข้อที่  4 ”

“….!….”

มิน่าเล่าถึงได้พุทธวจนะที่ว่า…  “ผู้กล่าวคำเท็จอยู่ จะไม่ทำความผิดอื่น เป็นไม่มี”

โทษของการละเมิดศีลข้อที่ 4 

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า มุสาวาท (พูดปดหลอกลวง) ที่บุคคลทำจนคุ้น ฯลฯ ย่อมเป็นเหตุให้เกิดในนรก ฯลฯ

วิบาก คือ เศษกรรมของการพูดปดหลอกลวง อย่างเบาที่สุด ย่อมชักให้ผู้ทำ ซึ่งเป็นมนุษย์กลายเป็นคนถูกกล่าวตู่ด้วยความเท็จ

จากคำสอนของพระพุทธองค์ทำให้เห็นว่า กรรมหรือผลกรรมของการโกหกนั้นพอสรุปคร่าวได้ดังนี้

ผลที่เกิดขึ้นเป็นการภายนอก

 เห็นง่าย คือ คนเขาจะไม่เชื่อถือ พูดอะไรไปแม้จริง ก็มีกระแสบางอย่างทำให้เข้ารู้สึกมัว ๆ ขัด ๆ เพราะคนโกหกประจำจะดูกะล่อน ๆ สัมผัสรู้สึกได้

ผลที่เกิดขึ้นเป็นการภายใน

เห็นยาก แต่รู้ได้ถ้าเลิกเข้าข้างตัวเอง คือใจจะปรุงแต่ง ฟุ้งไปในอุปาทานนานาชนิดอยู่ตลอด หลอกคนอื่นบ่อย  ๆ ในที่สุดก็หลอกกระทั่งตัวเอง ยิ่งหม่นมืดยิ่งมองไม่เห็นว่าหลอก นึกว่าดี นึกว่าไม่เป็นไร

การโกหกเป็นเรื่องที่ไม่ดีอยู่แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่ที่กรณีบางครั้ง บางคนอาจโกหกเพราะจำใจ แต่ที่แน่ ๆ พวกโกหกทำให้คนอื่นดูไม่ดีในสายตาคนอื่น ทั้ง ๆ ที่แท้จริง คน ๆ นั้นเป็นคนดี อันนี้บาปหนา  บาปหนักแน่นอน

ฉันเคยเจอมาก็หลายครั้งหลายครา  ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาโกหก แต่ก็บอกไปเสมอ ว่า”ไม่เป็นไร” บอกกับใจตัวเองว่า ฉัน “อภัยให้” แต่ผลของการกระทำที่เขาทำ มันก็ยังเป็นบาปติดตัวเขาไป “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

 

ข้อมูล :  http://www.thammachuk.com

 

 

11 มิถุนายน 2010

รางรถไฟกับการตัดสินใจ

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 1:12 (เย็น)

มีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นกันใกล้รางรถไฟ 2 ราง
รางหนึ่งอยู่ในระหว่างการใช้งาน
ในขณะที่อีกรางหนึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว
มีเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่เล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งาน
ส่วนเด็กที่เหลือนั่งเล่นอยู่บนรางที่ยังใช้งานอยู่เมื่อรถไฟแล่นมา คุณอยู่ใกล้ๆที่สับรางรถไฟ
คุณสามารถเปลี่ยนทางรถไฟไปยังรางที่ไม่ได้ใช้งาน
เพื่อช่วยชีวิตเด็กส่วนใหญ่
แต่นั่นหมายถึงการเสียสละชีวิตของ
เด็กคนที่เล่นอยู่บนรางที่ไม่ได้ใช้งาน

หรือคุณเลือกจะปล่อยให้รถไฟวิ่งทางเดิม?

ลองหยุดคิดสักนิด มีทางเลือกใดที่เราสามารถตัดสินใจได้
คุณต้องทำการตัดสินใจก่อนที่จะอ่านต่อไป
แต่ รถไฟไม่สามารถหยุดรอให้คุณไตร่ตรองได้

คนส่วนมากอาจเลือกที่จะเปลี่ยนทางรถไฟ
และยอมสละชีวิตของเด็กคนนั้น

ผมคิดว่า คุณก็อาจจะคิดเช่นเดียวกัน
แน่นอน ตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้เพราะการช่วยชีวิตเด็กส่วนมาก
ด้วยการเสียสละชีวิตเด็กหนึ่งคนนั้นดูสมเหตุผล
ทั้งทางศีลธรรมและความรู้สึก

แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเด็กที่เลือกเล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว
ที่จริงเขาได้ตัดสินใจถูกต้อง ที่จะเล่นในสถานที่ๆปลอดภัยแล้วต่างหาก
แต่ทว่า เขากลับต้องเสียสละชีวิตให้กับเพื่อนที่ไม่ใส่ใจ
และเลือกที่จะเล่นในที่อันตราย

สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรอบตัวเราทุกวัน
ในสถานที่ทำงาน ย่านชุมชน การเมือง
โดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตย
คนกลุ่มน้อยมักจะถูกเสียสละให้กับผลประโยชน์ของคนหมู่มาก

แม้ว่าคนกลุ่มน้อยจะฉลาด มองการณ์ไกล และคนหมู่มากจะโง่เง่า ไม่ใส่ใจก็ตาม
เด็กคนที่เลือกที่จะไม่เล่นบนรางที่อยู่ในการใช้งานตามเพื่อนๆของเขา
และคงไม่มีใครเสียน้ำตาให้หากเขาต้องสละชีวิตก็ตาม

เพื่อนที่ส่งต่อเรื่องนี้มาบอกว่า เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนเส้นทางรถไฟ
เพราะเขาเชื่อว่าเด็กที่เล่นอยู่บนรางที่อยู่ในการใช้งานย่อมรู้ดีว่า
รางนั้นยังอยู่ในระหว่างการใช้งาน
และพวกเขาควรจะหลบออกมาเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงหวูดรถไฟ

ถ้าทางรถไฟถูกเปลี่ยน เด็กหนึ่งคนนั้นต้องตายอย่างแน่นอน
เพราะเขาไม่เคยคิดว่ารถไฟจะเปลี่ยนมาใช้เส้นทางนั้น
นอกจากนั้น รางที่ไม่ได้ถูกใช้งานอาจเป็นเพราะรางนั้นไม่ปลอดภัย
ถ้ารถไฟถูกเปลี่ยนเส้นทางมาที่รางนี้
เราทำให้ชีวิตของผู้โดยสารทั้งหมดตกอยู่ในอันตราย
ในขณะที่คุณพยายามช่วยชีวิตเด็กจำนวนหนึ่งโดยการสละชีวิตเด็กหนึ่งคน
อาจกลายเป็นการสังเวยชีวิตผู้คนนับร้อยก็เป็นได้

เรารู้ว่าชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยากลำบาก บางครั้งเราอาจลืมไปว่า
การตัดสินใจอันรวดเร็วใช่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
จำไว้ว่า สิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่นิยมปฎิบัติ
และสิ่งที่เป็นที่นิยม ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป
ทุกๆคนสามารถทำสิ่งผิดพลาดได้
และนั่นคือเหตุผลที่เขาใส่ยางลบไว้ที่ปลายของดินสอ

fw mail

10 มิถุนายน 2010

เสพติด “เฟซบุ๊ก” “facebook”

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 12:54 (เย็น)

  

กระแสความนิยมเว็บสังคมออนไลน์ “เฟซบุ๊ก” ทำให้เกิดโรค หรืออาการผิดปกติด้านพฤติกรรมชนิดใหม่ ที่นักจิตวิทยาเรียกว่า”เฟซบุ๊ก แอดดิกชั่น ดิสออร์เดอร์” (เอฟเอดี)เมื่อเดือนเศษๆ ที่ผ่านมานี่เอง สำนักข่าวใหญ่ “ซีเอ็นเอ็น” เพิ่งทำสกู๊ปข่าวพิเศษเกี่ยวกับอาการ “เสพติดเฟซบุ๊ก” การเล่นเว็บเฟซบุ๊กดังกล่าวพร้อมกับระบุว่า ปัจจุบันมีชาวอเมริกันต้องเข้ารับการบำบัด “เอฟเอดี” มากขึ้นตามลำดับเนื่องจาก ทุ่มเทเวลาให้กับ “โลกเสมือน” ในเฟซบุ๊ก มากกว่าโลก สภาพแวดล้อม หรือสังคมรอบตัวจริงๆ!พอลลา ไพล์ นักจิตวิทยาแก้ปัญหาครอบครัวในรัฐนอร์ธแคโรไลนา เปิดเผยผ่านซีเอ็นเอ็น ว่าตัวเฟซบุ๊กเองนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ “คนเล่น-ผู้ใช้” ต่างหาก ที่ควบคุมพฤติกรรมตนเองไม่ได้

เพราะหลงเพริศจมจ่อมอยู่กับโลกแห่งความฝัน-ความไม่จริง -ความฉาบฉวยในสังคมออนไลน์

ด้าน โจอันนา ลิพารี นักจิตวิทยามหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย บอกว่า ทุกๆ คนในเฟซบุ๊กมีเป้าหมายอยากหา “เพื่อน” จึงพยายาม นำเสนอแต่แง่มุมความสนุกสนาน สดใจ ร่าเริง มีความสุข เพื่อดึงดูดอีกฝ่าย

ถ้าใครหลงผิด ไม่เข้าใจประเด็นนี้ก็อาจ “เสียคน” เพราะเฟซบุ๊กได้ง่ายๆ

ลิพารีแนะนำวิธีตรวจตัวเอง 5 ประการว่า เรามีอาการเสพติดเฟซบุ๊กหรือไม่ ดังนี้

1.ยอมอดนอนเพื่อเพิ่มเวลาเล่นเฟซบุ๊ก

2.เสียเวลาเล่นเฟซบุ๊กมากกว่าวันละ 1 ชั่วโมงขึ้นไป

3.คลั่งไคล้หลงใหลการติดต่อกับ “คนรักเก่า” ผ่านเฟซบุ๊ก เช่น คนรักสมัยเรียน จนอาจสร้างปัญหากับครอบครัวปัจจุบัน

4.เลือกใช้เวลาท่องเฟซบุ๊ก มากกว่าการตั้งใจทำงาน

และข้อสุดท้ายค่ะ รู้สึกกระวนกระวายใจ เครียด และวิตกกังวลเวลาต้องหยุดเล่นเฟซบุ๊ก

แต่สำหรับคนที่บริหารเวลาเป็น คงไม่กระทบต่อทำงาน

 

 

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

 

 

 

8 มิถุนายน 2010

แม่กับเจ้านาย

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 4:45 (เย็น)

แม่ของฉัน กับเจ้านายของฉัน ……… ใคร เคยทำกับแม่แบบนี้บ้าง ?

ทุกวัน ฉันต้องตื่นเช้า เข้างานแปดโมง วันนี้..ก็เหมือนเคย
แต่เมื่อคืนฉันทำงานจนดึก
ตื่นสาย.. อารมณ์ตอนนั้น โมโหตัวเองมาก ที่ลืมตั้งนาฟิกาปลุก
( โดนเจ้านายด่าแน่ๆ )

แม่มาเคาะประตูห้อง …
 ” ตื่นหรือยังลูก หกโมงแล้ว ”
ฉันหงุดหงิดมาก ……….. โธ่ !! แล้วทำไมแม่ไม่ปลุกหนูให้เร็วกว่านี้
เนี่ย..หนูไปทำงานไม่ทันแล้ว วันนี้..มีประชุมด้วย
” แม่ทำข้าวต้มให้หนูอยู่ เมื่อคืนเห็นนอนดึก
อยากให้กินอะไรร้อนๆหน่อย ” ……..
แม่ไม่ต้องมาพูดเลย ไม่กง ไม่กินมันแล้ว
…. แม่จับแขนฉันเบาๆก่อนเดินออกจากห้อง
อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ลงมาข้างล่าง แม่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว
” กินข้าวต้มกับแม่ก่อนนะลูกนะ แม่รอหนูอยู่ ”
หนูไม่กิน พูดโดยไม่มองหน้าแม่ เดินออกมาจากบ้านทันที

ถึงที่ทำงาน
” ไม่รู้หรืองัย ว่าวันนี้มีประชุม แล้วรายงานอยู่ไหน ”
ยกมือไหว้ .. ขอโทษค่ะพี่ …รีบส่งรายงานให้อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
” พี่เลื่อนประชุมไปเป็น 10 โมงนะ เดี๋ยวช่วยไปหาอะไรให้พี่กินหน่อยสิ ”

… ได้ค่ะพี่ …
วิ่งเข้าห้องครัว หยิบโจ๊กกึ่งสำเร็จรูป รีบ รีบ รีบ เติมน้ำร้อน ..
ว๊า !! น้ำร้อนลวกมือ ..
มาแล้วค่ะพี่ โจ๊กร้อนๆเลยค่ะ….

ออกจากห้องประชุมเกือบเที่ยง แม่โทรมาจากบ้าน
” เมื่อเช้า.. หนูวางผ้าเช็ดหน้าไว้ตรงไหนลูก แม่หาในตะกร้าไม่เจอ
จะเอาไปซักน่ะ ”
หาไม่เจอก็ไม่ต้องซักหรอก หนูจำไม่ได้ คงโยนไว้ที่ไหนน่ะแหละ

เมื่อเช้าหนูรีบ …….
” ไม่เป็นไรลูก แล้วเย็นนี้..กลับกี่โมง มากินข้าวกับแม่นะ ”
ยังไม่รู้หรอกแม่ ว่างานเสร็จเมื่อไหร่
ยังงัย..แม่กินไปก่อนเลยแล้วกัน ไม่ต้องรอ …..
วางหูโทรศัพท์ ก้มหน้า ก้มตาทำงาน เอาใจเจ้านาย ….

” เอ!! พี่วางบัญชีรายชื่อลูกค้าทิ้งไว้แถวนี้มั่งรึเปล่า

ไม่รู้ไปลืมไว้ที่ไหน หาไม่เจอ..
ไม่เป็นไรค่ะพี่ เดี๋ยวหนูช่วยหา
พี่ลงไปทานข้าวเถอะค่ะเที่ยงกว่าแล้วนะคะ
… หา หา หา หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
โธ่..พี่ขา ก็พี่มาทำหล่นไว้ใต้เก้าอี้ในห้องประชุมนี่นา
โอย !! เที่ยงครึ่งแล้ว ลงไปกินข้าวไม่ทันแน่ๆ
ไม่เป็นไร..บะหมี่ซักห่อพออิ่มก็แล้วกัน

… พี่คะ
เจอแล้วนะคะ พี ่ทำหล่นไว้ที่ห้องประชุมค่ะ
” อ้าว..เหรอ ” รับเอกสาร?ืน ไม่มีแม้แต่ขอบใจสักคำ
แต่ฉันกลับปลื้ม ที่ทำให้เจ้านายพอใจได้ ใกล้เลิกงานแล้ว.. รีบกลับบ้านไปนอนดีกว่า
” ช่วยแก้งานตรงนี้ให้พี่หน่อยนะ เสร็จแล้ววางไว้บนโต๊ะพี่เลย

พี่กลับก่อนล่ะ ว่าแต่ว่า เราน่ะมีธุระอะไรรึเปล่า คงต้องกลับช้านิดนึงนะวันนี้ ”
.. ยิ้มรับ.. ไม่มีธุระอะไรค่ะพี่ เดี๋ยวหนูพิมพ์ให้เลยค่ะ
โทรหาเจ้านายตอนเกือบทุ่ม .. พี่ขา หนูแก้ไข

และตรวจทานเรียบร้อยแล้วค่ะ หนูวางไว้บนโต๊ะนะคะ

” กลับดึกจังลูก จะอาบน้ำก่อน หรือ กินข้าวก่อนล่ะ ?? ”
… เงียบไม่มีเสียงตอบ
ไม่มีรอยยิ้ม …
” มา มา แม่ช่วย ” แม่รวบของจากมือฉันไปวางบนโต๊ะ ..
หนูเหนื่อยมากเลยแม่
หนูอยากพักผ่อน
กำลังจะเดินขึ้นห้อง ..
ฮัลโหล..สวัสดีค่ะ…เจ้านายเหรอคะมีอะไรรึเปล่าคะ ..
อ๋อ !! ไม่ยุ่งค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการให้เลยค่ะ
กุลี กุจอ เปิดคอมพิวเตอร์ … เจ้านายคะ เรียบร้อยแล้วค่ะ

แม่..หายไปไหน ในครัวไม่มี ห้องนอนไม่มี
. . . แม่นั่งอยู่หลังบ้านเหงา ๆ คนเดียว . . .

แม่แอบร้องไห้ … เ พราะฉันสินะ ฉันทำให้แม่ต้องร้องไห้
แม่..ดูแลฉันมาทั้งชีวิต
เป็นห่วงฉัน รักฉันมากกว่าใครๆ
แต่..ฉันตอบแทนได้สาสมเหลือเกิน
ฉันเริ่มทบทวน… เจ้านายคนที่ให้เงินเดือนฉัน

กับ แม่คนที่ให้ความเป็นคนแก่ฉัน
เพื่อประจบสอพลอเจ้านาย ฉันทำร้ายผู้ให้กำเนิดได้เพียงนี้เลยหรือ…

แม่ …
หนูขอโทษ
ใคร ??? เคยเป็นแบบฉันบ้าง ……

……………………………………………………………………

ใน ชั่วชีวิตของคุณ คุณอาจจะเปลี่ยนงานหลายๆ ครั้ง

คุณอาจจะมีเจ้านายนับไม่ถ้วน แต่ตลอดชีวิตของคุณ…..

คุณมีแม่มีเพียงคนเดียวค่ะ คนเดียวจริงๆ ทำดีกับท่านไว้เถอะค่ะ

อย่าทำให้ท่านต้องร้องไห้เพราะการกระทำของคุณเลย….

คุณอาจจะรักท่านน้อยลง ทุกๆ วัน แต่ท่านไม่เคยรักคุณลดลงเลย

ตรงกันข้ามท่านกลับรักและเป็นห่วงคุณมากขึ้นทุกๆ วัน….

อะไรดี ดี ที่อยากให้คนวัยทำงานได้อ่านกันเยอะ ๆ 

เราหันมาดูแลคนใกล้ตัว คนในครอบครัวกันให้มาก

เราจะรอถึงเมื่อไร เพราะเขาอาจจะไม่ได้อยู่ให้เราดูแล

สิ่งดีดี จาก  www.teenee.com

 

Powered by WordPress