บันทึกนี้ ต่อประเด็นที่ไปเขียนความเห็นไว้ในบันทึกของพี่บางทรายที่ http://lanpanya.com/bangsai/archives/1041 ที่ตั้งคำถามว่าทำไมสวนป่า ให้ความเห็นไปว่า
กฎของแรงดึงดูดนะคะพี่บางทราย
พี่หมอเจ๊เคยให้ยืมอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “ความสุขไม่ได้หาย แค่หาให้เจอ” โดยจางเต๋อเผิน แปลโดยอนุรักษ์ ต่อไพบูลย์ศรี
หนังสือพูดถึงแรงดึงดูดไว้น่าสนใจ คล้ายๆ กับแนวคิดที่หนังสือ เดอะซิเคร็ด เขียนไว้ คือเรื่องของพลังในใจ เป็น การใช้จินตนาการ ถ้าเราเพิ่มพลังด้วยการมีสมาธิมากขึ้น สิ่งที่เราตั้งใจไว้จะนำเราไปสู่สิ่งที่เราปรารถนา และบางครั้งเราเองอาจจะไม่รู้ถึงแรงปรารถนานั้นด้วยซ้ำ เป็นจิตใต้สำนึกที่เป็นแรงขับนำเราไป
สวนป่ามีพลังดึงดูดคนที่มีความปรารถนาลึกๆ ถึงเรื่องธรรมชาติ การแสวงหาความสุขสงบและสันติ โดยมีพ่อครูบาเป็นผู้เปิดเส้นทางแห่งเมตตานั้นให้แต่ละคนได้สัมผัส
เมื่อแรงของจิตใต้สำนึกมีมากขึ้น เราเองมีสมาธิแน่วแน่ตั้งใจมากขึ้น
ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นจากตรงไหน สุดท้ายสิ่งที่แต่ละคนได้รับคือการได้ไปในที่ๆ ตั้งความปรารถนาเอาไว้
และการได้สัมผัสพลังของธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ในบรรยากาศที่พ่อครูบาเป็นผู้จุดไฟส่องทางให้ ก็ทำให้ผู้ได้รับประสบการณ์รับรู้ถึงการเยียวยา การปลอบประโลมใจที่ไหวหวั่นและตื่นเตลิดในท่ามกลางความวุ่นวายของสังคมเมือง
กลับกลายเป็นความรู้สึกอ่อนน้อมต่อธรรมชาติมากขึ้น รับรู้ถึงใจที่อิสระมากขึ้น มีพลังใจมากขึ้น
ประสบการณ์อย่างนี้ น่าจะเรียกได้ว่าเป็นกระบวนการของการเยียวยากายและใจ ที่แต่ละคนมีแตกต่างกัน…
.เป็นปัจจัตตังที่มีแก่นกลางคือความงดงามของการมีชีวิตที่เกื้อกูลกันและกันนะคะ
ที่จริงการไปสวนป่าทุกครั้ง ตัวเองมักมีเหตุผลของการไป ที่เกี่ยวกับเรื่องราวการเรียนรู้ทั้งหมด ไม่ว่าไปเรียนรู้วิธีการจัดค่ายแบบครูบา การอบรมบ่มเพาะเรื่องของการจัดการศึกษา การไปเพื่อได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ที่ไปและสนใจเรื่องเดียวกัน ฯลฯ
อ่านต่อ »