ห้วยขาแข้ง: เขื่อนทับเสลา
การเดินทางอันยาวนานที่ได้รับการอนุเคราะห์จาก ครูอึ่ง (ดวงพร เลาหกุล) และครูอาราม ที่กรุณามารับที่บ้าน และพ่วงรับครูต้อย (ครูดอย-นิตยา แควสยอง) ไปด้วยกัน เพื่อมุ่งหน้าไปรับเบิร์ด (วิมลรัตน์ ชัยปราการ) จากสถานีขนส่ง จ. ลำปาง เป็นการทำเวลาได้เหมาะมาก ก่อนจะแวะซื้อขนมขบเคี้ยวที่กำแพงเพชร และไปต่อที่นครสวรรค์เพื่อรับชาวคณะจากพิษณุโลก คือ ราณี (ศุภรากรณ์ พุทธพจน์มงคล) ครูสุ (อ. สุมาลี นุใจเหล็ก) และ อ. ฝน (อ. กนกพร อุณเอกลาภ จาก มน.) จากนั้นก็รอ ป้าหวานที่นั่งรถหวานเย็นมาจากขอนแก่น-ชัยภูมิ-นครสวรรค์
ระหว่างรอป้าหวาน ทีมก็เริ่มแสวงหาประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ …คือตามเก็บภาพร้านรวงในตลาดโบราณร้อยปีของปากน้ำโพ และปีนสันเขื่อนเพื่อชมจุดบรรจบของแม่น้ำสายหลัก ปิง วัง ยม น่าน ที่รวมเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งหาของกินก่อนเข้าไปที่เขื่อนทับเสลา กำหนดเวลาตามที่ครูอึ่งบัญชาการ และตามเสียงเรียกร้องของกินของท้อง อ. ฝน
เส้นทางไปเขื่อนทับเสลาไม่ยากเย็นมีป้ายบอกทางที่ชัดเจน และที่ทางเข้า มีเจ้าหน้าที่มารอเพื่อขับรถนำเข้าไปในบริเวณเขื่อน…ตลอดระยะทางที่มาครูอารามยังคงทำหน้าที่ขับรถอย่างไม่เหนื่อยล้า ขณะที่คนอื่นๆ ในรถสลับกิจกรรม “เงียบเป็นหลับ ขยับเป็นเคี้ยว(ขนม)”
ที่จุดหมายปลายทาง พบว่า คนอื่นๆ มากันเกือบครบแล้วและนั่งกันเป็นกลุ่มๆ กลางแจ้งบริเวณหน้าอาคารแปดเหลี่ยม การทักทายแบบชาวเฮฮาศาสตร์เป็นไปอย่างเกรียวกราว จนถูกเตือนให้รีบรับประทานอาหารที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ และลงทะเบียนจ่ายเงินคนละ 1500 บาท จากนั้นพี่บู๊ดเริ่มกิจกรรมแรก คือการแนะนำโครงการ กิจกรรมต่างๆ ทีมงานของพี่บู๊ดที่ช่วยเหลือในโครงการ และการนัดหมายเวลาของวันรุ่งขึ้น
อากาศเย็นกว่าที่คิด ความชื้นที่กระทบเย็นกลั่นเป็นหมอกโรยตัวลงมาช้าๆ เป็นความหนาวเย็นที่ต้องแยกย้ายกันเข้าที่พักเมื่อสิ้นสุดการแนะนำโครงการ
บ้านพักของเขื่อนทับเสลา สะอาดและสะดวกสบาย มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน น่าจะยังใหม่อยู่ เพราะป้ายแสดงสินค้ายังติดบนอ่างล้างหน้า และที่นอนยังไม่ได้ดึงพลาสติกออก ที่ดีใจคือมีเครื่องทำน้ำอุ่นสำหรับอาบน้ำด้วย
ในความมืด มองไม่เห็นน้ำ ไม่เห็นเขื่อน เห็นแต่บ้านเรียงรายเป็นแนวตะคุ่ม รับรู้ได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบๆ ที่เงียบสงบ มีเสียงนกละเมอแว่วๆ กลางคืนของที่นี่อากาศเย็นจนไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศเพียงแต่เปิดหน้าต่าง และเอาม่านลงเพื่อกันแมลง แค่นี้ก็ได้อากาศที่เย็นสบาย ความชื้นเพียงพอและรู้สึกหายใจโล่ง
หลับแค่สี่ชั่วโมงก็รู้สึกเหมือนหลับมานานทั้งคืน ความเมื่อยขบจากการเดินทางไม่เหลืออยู่ ร่างกายพร้อมสำหรับการเผชิญกับสิ่งใหม่ๆ ของวันรุ่งขึ้น
ที่นี่วิเศษจริงๆ คนที่อยู่ประจำที่นี่โชคดีมาก ที่ได้อยู่กับธรรมชาติที่สะอาด สงบเย็น แตกต่างจากในเมืองที่เต็มไปด้วยควันรถ เสียงเครื่องยนต์ และความเร่งรีบของการใช้ชีวิต
เป็นสิ่งพิสูจน์ถึงสุขภาวะที่ต่างพร่ำถึง….แต่จะมีกี่คนที่ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่จะมีประสบการณ์ของสุขภาวะนี้จริงๆ
หรือนี่คือการส่งสัญญานของแนวไพร ว่าสิ่งที่ได้รับนี้เป็นบรรณาการจากธรรมชาติที่มอบให้ตั้งแต่คืนแรก เพื่อเตือนให้เพิ่มความตระหนักถึงหน้าที่ของทุกคนที่ต้องช่วยกันปกป้องดูแลธรรมชาติให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้