หยดน้ำสอนใจ

1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 5 ตุลาคม 2010 เวลา 2:19 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิต, ต้นไม้ใบหญ้า #
อ่าน: 1805

   สรรพสิ่งรอบตัวคนเรานั้นมีความงามแฝงอยู่มากมาย หากเราปรับใจให้ว่างๆเสียบ้างจะพบความงามและความหมายมากมายจากสิ่งที่เราสัมผัส 

   น่าเสียดายที่หลายคนมัวแต่วุ่นกับภารกิจการงานเหมือนหนูถีบจักร คือหยุดความเร่งร้อน รีบด่วนไม่ค่อยได้ สิ่งดีๆและสวยงามจึงผ่านมาแล้วก็ผ่านไปโดยคนเหล่านั้นไม่สามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์ เช่นความเย็นใจ หรือความคิดดีๆที่จะช่วยเตือนจิตสะกิดใจที่ผุดบังเกิดจากการได้สัมผัสสิ่งที่แสนจะธรรมดาๆในธรรมชาติที่แวดล้อมเราอยู่

   พูดถึงเรื่องนี้ทำให้นึกถึงภาพหยดน้ำสองหยดที่คุณ Pensinee Pornjarunphan ได้นำมาวางไว้บน Facebook คือภาพนี้ครับ

   แต่เธอไม่ได้มองหยดน้ำเพื่อเก็บเกี่ยวความงามใส่ใจเท่านั้น หากยังปลดปล่อยความคิดคำนึงออกมาเป็นตัวอักษรอีกด้วย  ความว่า ..

   แม้เป็นเพียง น้ำค้าง หยาดหยด
ดั่งกรด กัดกร่อน ร่อนเร่
ยากเกิน จะให้ หันเห
กลับเร่ ลอยล่อง ท่องไป 

    ภาพเดียวกันนี้ เมื่อท่าน อัยการชาวเกาะ มาเห็นเข้า หลังเก็บเกี่ยวความงามผ่านตา ก็ได้มีตาในมองเห็นอะไรที่ก้าวหน้าออกไปอีกทิศทางหนึ่งได้ และได้ร้อยเรียงคำไว้ว่า ..

                      จากหยดหนึ่ง มารวม อีกหยดหนึ่ง
                   จะได้ซึ่ง สามัคคี ไม่มีหลง
                   รวมหยดหนึ่ง น้ำใจ ให้มั่นคง
                   แล้วจึงตรง เดินหน้าได้ ไปด้วยกัน

      ผมมาเห็นรูปเดียวกันนี้ และมองเห็นความงดงามที่ปรากฏอยู่ในภาพเช่นกัน  แต่เมื่อผ่านการกระตุ้นเตือนด้วยบทกวีของทั้งสองท่านดังกล่าว ก็ได้ลองคิดต่อไปในแนวทางอื่นที่แปลก แตกต่างออกไป และก็เล็งไปสู่การเตือนจิต สะกิดใจตนเอง หรือผู้ที่ได้อ่าน ก็แว้บขึ้นมาในสมอง จากความจริงทางกายภาพที่น่าจะเกิดขึ้นหากหยดน้ำเล็กด้านบน ไหลลงมากระทบและรวมตัวกันเข้ากับหยดน้ำใหญ่ด้านล่าง  ในที่สุดก็กลั่นความคิด ความรู้สึกเป็นตัวอักษร นำไปวางต่อท้ายได้อีกชุดหนึ่ง  ความว่า ..

              ถึงหยดใหญ่ อย่าย่ามใจ ว่าใหญ่กว่า
         ถ้าหยดเล็ก ลงมา แล้วจะหนาว
         หยดน้ำใหญ่ เคยใสแจ๋ว ดูแพรวพราว
         อาจถึงคราว ร่วงพรู สู่พื้นดิน
  (ก็ได้ ..นะจ๊ะ)

        เชื่อว่า หากผมยังวนเวียนอยู่กับความวุ่นวายในสังคมเมืองกทม. ไม่ได้ผันตัวเองมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่บ้านเกิด  โอกาสที่จะมองเห็นอะไรแบบนี้ น่าจะเป็นไปได้ยากครับ

         ที่มา : http://www.facebook.com/photo.php?pid=31067444&fbid=1450067524992&id=1032347347&ref=nf#!/photo.php?pid=211923&id=100000883890791&ref=notif&notif_t=like


นินทาเพื่อน

1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 27 กันยายน 2010 เวลา 12:46 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิต #
อ่าน: 1168

    เพื่อนผมคนหนึ่งเลือกคู่ครองที่จิตวิปริต มองโลกแง่ร้าย บ้าเงิน เกลียดแม่ ฯลฯ โดยเขานึกว่าจะใช้ความรัก เมตตา ปรารถนาดี เปลี่ยนแปลงเธอได้ แต่สุดท้าย 18 ปีผ่านไปก็สุดทน จึงยกทรัพย์สินและเงินในบัญชีมูลค่ารวม ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทให้ไป เหลือบ้านตึกแถวที่กำลังซื้อผ่อนอยู่คนเดียวเพื่อเตรียมยกให้ลูก

    ผ่านมาร่วม 10 ปี เธอผู้นั้นบริหารจัดการจนต้องขายทรัพย์สินไปเกลี้ยง  แล้วก็หันมาฟ้องร้องจะเอาตึกแถวอีก ขึ้นโรงขึ้นศาล  เพื่อนผมบอกว่าพอแล้วไม่อยากให้อีก  ถ้าให้ลูกก็ OK. แล้วเขาก็ยอมกู้เงินมาจัดสรรเงินสดให้ลูกสองคน คนละ 2.5 แสน เอาเงินไปเคลียร์บ้านออกมาจาก Bank โอนให้เป็นของลูกและขออย่าให้ขาย  แถมส่งเสียลูกคนเล็กอีกเดือนละ 13000 บาท จนจบปริญญาวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐ  พอจบ คนเป็นแม่ก็ฟ้องขับไล่เพื่อนผม โดยให้ลูกไปโกหกในศาลต่างๆนาๆ จนดูเหมือนว่าแม่ลูกช่วยกันไล่พ่ออกจากบ้านที่เพิ่งยกให้ลูกไป  และบ้านนั้นก็ถูกขายไปในที่สุด เพื่อนผมจึงแทบไม่เหลืออะไรเลยในทางวัตถุ  แต่ก็ได้มีโอกาสดีออกจากกทม.ไปใช้ชีวิต ใกล้ชิดธรรมชาติอยู่ที่บ้านเกิด

   ระยะเดียวกัน เขาก็ถูกฟ้องโดยธนาคารยักษ์ใหญ่  เหตุเพราะก่อหนี้สะสมไว้ ทั้งต้นทั้งดอก ยอดรวมล่าสุดเป็นตัวเลขกว่า 9 ล้านบาท  เงินดังกล่าวเป็นการกู้มาเพื่อช่วยให้บ้านของลูกศิษย์ไม่ถูกยึด  เพราะสงสารลูกศิษย์ และลูกเมียของเขา  โดยที่ตัวเขาเองไม่ได้รับประโยชน์จากเงินก้อนนั้นแม้แต่บาทเดียว  แค่นั้นยังไม่พอ คอนโดฯ ของเพื่อ่นต่างชาติที่อาศัยชื่อเพื่อนผมซื้อไว้ก็ถูกธนาคารยึดไป เพื่อนผมก็เห็นใจไปกู้ยืมเงินหลานมาประมูลซื้อคืนให้เขาฟรีๆเรียบร้อยแล้ว เป็นเงิน 4 แสนบาท … ฯลฯ

    เรื่องนี้น่าจะมีการ เป็นบ้า ฆ่าตัวตาย หรือ ฆ่าคนตาย แต่โชคดีที่เพื่อนผมมีครูบาอาจารย์ดี สามารถยิ้มรับทุกอย่าง ด้วยการเห็น “เช่นนั้นเอง” อยู่เสมอ จึงไม่ต้องบ้า ฆ่าคนตาย หรือ ฆ่าตัวตาย แต่ประการใด  ยังใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ทำงานที่รัก เกื้อกูลผู้คนไปตามกำลังที่เขามี และรอวันยิ้มรับความตายที่จะมาถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ด้วยความเชื่อลึกๆในใจว่า “อะไรๆก็กัดชีวิต-จิตวิญญาณของฉันไม่ได้หรอก” เรื่อยมาครับ



Main: 0.33757090568542 sec
Sidebar: 0.26578712463379 sec