นินทาเพื่อน

โดย handyman เมื่อ 27 กันยายน 2010 เวลา 12:46 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิต #
อ่าน: 1235

    เพื่อนผมคนหนึ่งเลือกคู่ครองที่จิตวิปริต มองโลกแง่ร้าย บ้าเงิน เกลียดแม่ ฯลฯ โดยเขานึกว่าจะใช้ความรัก เมตตา ปรารถนาดี เปลี่ยนแปลงเธอได้ แต่สุดท้าย 18 ปีผ่านไปก็สุดทน จึงยกทรัพย์สินและเงินในบัญชีมูลค่ารวม ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทให้ไป เหลือบ้านตึกแถวที่กำลังซื้อผ่อนอยู่คนเดียวเพื่อเตรียมยกให้ลูก

    ผ่านมาร่วม 10 ปี เธอผู้นั้นบริหารจัดการจนต้องขายทรัพย์สินไปเกลี้ยง  แล้วก็หันมาฟ้องร้องจะเอาตึกแถวอีก ขึ้นโรงขึ้นศาล  เพื่อนผมบอกว่าพอแล้วไม่อยากให้อีก  ถ้าให้ลูกก็ OK. แล้วเขาก็ยอมกู้เงินมาจัดสรรเงินสดให้ลูกสองคน คนละ 2.5 แสน เอาเงินไปเคลียร์บ้านออกมาจาก Bank โอนให้เป็นของลูกและขออย่าให้ขาย  แถมส่งเสียลูกคนเล็กอีกเดือนละ 13000 บาท จนจบปริญญาวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐ  พอจบ คนเป็นแม่ก็ฟ้องขับไล่เพื่อนผม โดยให้ลูกไปโกหกในศาลต่างๆนาๆ จนดูเหมือนว่าแม่ลูกช่วยกันไล่พ่ออกจากบ้านที่เพิ่งยกให้ลูกไป  และบ้านนั้นก็ถูกขายไปในที่สุด เพื่อนผมจึงแทบไม่เหลืออะไรเลยในทางวัตถุ  แต่ก็ได้มีโอกาสดีออกจากกทม.ไปใช้ชีวิต ใกล้ชิดธรรมชาติอยู่ที่บ้านเกิด

   ระยะเดียวกัน เขาก็ถูกฟ้องโดยธนาคารยักษ์ใหญ่  เหตุเพราะก่อหนี้สะสมไว้ ทั้งต้นทั้งดอก ยอดรวมล่าสุดเป็นตัวเลขกว่า 9 ล้านบาท  เงินดังกล่าวเป็นการกู้มาเพื่อช่วยให้บ้านของลูกศิษย์ไม่ถูกยึด  เพราะสงสารลูกศิษย์ และลูกเมียของเขา  โดยที่ตัวเขาเองไม่ได้รับประโยชน์จากเงินก้อนนั้นแม้แต่บาทเดียว  แค่นั้นยังไม่พอ คอนโดฯ ของเพื่อ่นต่างชาติที่อาศัยชื่อเพื่อนผมซื้อไว้ก็ถูกธนาคารยึดไป เพื่อนผมก็เห็นใจไปกู้ยืมเงินหลานมาประมูลซื้อคืนให้เขาฟรีๆเรียบร้อยแล้ว เป็นเงิน 4 แสนบาท … ฯลฯ

    เรื่องนี้น่าจะมีการ เป็นบ้า ฆ่าตัวตาย หรือ ฆ่าคนตาย แต่โชคดีที่เพื่อนผมมีครูบาอาจารย์ดี สามารถยิ้มรับทุกอย่าง ด้วยการเห็น “เช่นนั้นเอง” อยู่เสมอ จึงไม่ต้องบ้า ฆ่าคนตาย หรือ ฆ่าตัวตาย แต่ประการใด  ยังใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ทำงานที่รัก เกื้อกูลผู้คนไปตามกำลังที่เขามี และรอวันยิ้มรับความตายที่จะมาถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ด้วยความเชื่อลึกๆในใจว่า “อะไรๆก็กัดชีวิต-จิตวิญญาณของฉันไม่ได้หรอก” เรื่อยมาครับ

Post to Twitter Post to Plurk Post to Yahoo Buzz Post to Delicious Post to Digg Post to Facebook Post to MySpace Post to Ping.fm Post to Reddit Post to StumbleUpon

« « Prev : จะทำอย่างไรกับชีวิตที่เหลืออยู่

Next : หยดน้ำสอนใจ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1 ความคิดเห็น

  • #1 Nothing ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 กันยายน 2010 เวลา 4:45 (เย็น)

    เรื่องนี้มองได้หลายมุมครับ ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ

    มุมหนึ่งก็น่านับถือในน้ำใจที่มีต่อผู้อื่น นับถือที่เป็นสามีและบิดาที่ดี
    แ่่ต่ความใจดีต่อผู้อื่น(ที่ไม่ใช่ญาติหรือไม่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของเรา)นั้นก็ต้องระวังให้ดี เราช่วยเหลือผู้อื่น(ลูกหนี้) แต่ถ้าเราเป็นหนี้แล้วไม่มีจ่ายอีกฝ่ายหนึ่ง(เจ้าหนี้) ก็ยังถือว่าเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นเช่นกัน เรื่องนี้เราจะคิดว่า”เช่นนั้นเอง” คงไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าท่านคงไม่มีความคิดเช่นนี้

    ยังไงๆ ก็นับถือความมีน้ำใจครับ

    ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ(ผมก็รอวันนั้นใจแทบขาดเช่นกัน)ครับ อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.63204789161682 sec
Sidebar: 0.024583101272583 sec