หยดน้ำสอนใจ
อ่าน: 1879สรรพสิ่งรอบตัวคนเรานั้นมีความงามแฝงอยู่มากมาย หากเราปรับใจให้ว่างๆเสียบ้างจะพบความงามและความหมายมากมายจากสิ่งที่เราสัมผัส
น่าเสียดายที่หลายคนมัวแต่วุ่นกับภารกิจการงานเหมือนหนูถีบจักร คือหยุดความเร่งร้อน รีบด่วนไม่ค่อยได้ สิ่งดีๆและสวยงามจึงผ่านมาแล้วก็ผ่านไปโดยคนเหล่านั้นไม่สามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์ เช่นความเย็นใจ หรือความคิดดีๆที่จะช่วยเตือนจิตสะกิดใจที่ผุดบังเกิดจากการได้สัมผัสสิ่งที่แสนจะธรรมดาๆในธรรมชาติที่แวดล้อมเราอยู่
พูดถึงเรื่องนี้ทำให้นึกถึงภาพหยดน้ำสองหยดที่คุณ Pensinee Pornjarunphan ได้นำมาวางไว้บน Facebook คือภาพนี้ครับ
แต่เธอไม่ได้มองหยดน้ำเพื่อเก็บเกี่ยวความงามใส่ใจเท่านั้น หากยังปลดปล่อยความคิดคำนึงออกมาเป็นตัวอักษรอีกด้วย ความว่า ..
แม้เป็นเพียง น้ำค้าง หยาดหยด
ดั่งกรด กัดกร่อน ร่อนเร่
ยากเกิน จะให้ หันเห
กลับเร่ ลอยล่อง ท่องไป
ภาพเดียวกันนี้ เมื่อท่าน อัยการชาวเกาะ มาเห็นเข้า หลังเก็บเกี่ยวความงามผ่านตา ก็ได้มีตาในมองเห็นอะไรที่ก้าวหน้าออกไปอีกทิศทางหนึ่งได้ และได้ร้อยเรียงคำไว้ว่า ..
จากหยดหนึ่ง มารวม อีกหยดหนึ่ง
จะได้ซึ่ง สามัคคี ไม่มีหลง
รวมหยดหนึ่ง น้ำใจ ให้มั่นคง
แล้วจึงตรง เดินหน้าได้ ไปด้วยกัน
ผมมาเห็นรูปเดียวกันนี้ และมองเห็นความงดงามที่ปรากฏอยู่ในภาพเช่นกัน แต่เมื่อผ่านการกระตุ้นเตือนด้วยบทกวีของทั้งสองท่านดังกล่าว ก็ได้ลองคิดต่อไปในแนวทางอื่นที่แปลก แตกต่างออกไป และก็เล็งไปสู่การเตือนจิต สะกิดใจตนเอง หรือผู้ที่ได้อ่าน ก็แว้บขึ้นมาในสมอง จากความจริงทางกายภาพที่น่าจะเกิดขึ้นหากหยดน้ำเล็กด้านบน ไหลลงมากระทบและรวมตัวกันเข้ากับหยดน้ำใหญ่ด้านล่าง ในที่สุดก็กลั่นความคิด ความรู้สึกเป็นตัวอักษร นำไปวางต่อท้ายได้อีกชุดหนึ่ง ความว่า ..
ถึงหยดใหญ่ อย่าย่ามใจ ว่าใหญ่กว่า
ถ้าหยดเล็ก ลงมา แล้วจะหนาว
หยดน้ำใหญ่ เคยใสแจ๋ว ดูแพรวพราว
อาจถึงคราว ร่วงพรู สู่พื้นดิน (ก็ได้ ..นะจ๊ะ)
เชื่อว่า หากผมยังวนเวียนอยู่กับความวุ่นวายในสังคมเมืองกทม. ไม่ได้ผันตัวเองมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่บ้านเกิด โอกาสที่จะมองเห็นอะไรแบบนี้ น่าจะเป็นไปได้ยากครับ