งานวิจัย “ถั่วๆ”
อ่าน: 1849ทั้งที่ผมเป็นลูกชาวไร่ชาวนา แต่ด้วยระบบการศึกษาที่ผิดพลาดมายาวนาน ทำให้ผมรู้เรื่องการทำไร่ ทำนา น้อยที่สุด แต่ดันไปรู้เรื่องไกลตัวที่หลายอย่างไม่ได้มีความหมายอะไรต่อชีวิตเลย
จำได้ว่าตอนอยู่ชั้น ป.7 เคยภูมิใจที่สามารถโม้ให้ใครต่อใครฟังได้ว่าดาวเทียมดวงไหนขนาดและน้ำหนักเท่าไร ไล่มาตั้งแต่ Sputnik ของรัสเซีย มาจน Echo-1 Echo-2 ฯลฯ ของอเมริกา และเรื่องอะไรต่อมิอะไรที่ไกลตัว เช่นเรื่องดาวอังคาร และบ้าถึงขนาดพยายามเปิดวิทยุ Short Wave ฟังการถ่ายทอดสดการส่งยานอวกาศจากแหลมเคเนดี้โน่นเลยทีเดียว ไม่เห็นภาพแค่ได้ฟังเสียงก็ยังดี
มาถึงวันนี้ วันที่เหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตได้ผลักดันให้ผม “โชคดี” ได้มีโอกาสเซย์กู๊ดบายกับกทม.ที่ทนอยู่มากว่า 30 ปี กลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดอีกครั้งท่ามกลางความรัก ความอบอุ่น การยอมรับนับถือ และได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
ทุกวันผมเพลินกับการใช้เวลาอยู่กับดิน น้ำ หญ้า และแปลงพืชผักที่ปลูกไว้รอบๆบ้าน ความตื่นเต้นเมื่อพบความไม่รู้เกิดขึ้นสม่ำเสมอ ไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งๆที่หลายอย่างควรรู้มาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแล้ว หลายครั้งหลายเรื่องจำเป็นต้องไปเที่ยวถามหาความรู้ ความจริงจากญาติๆ ซึ่งก็ช่วยให้ค่อยๆหายโง่ไปทีละนิด
ความจริงถ้าระบบการศึกษาถูกต้อง ตอนผมเรียนชั้นประถม ครูน่าจะได้จัดให้ผมได้สัมผัสกับงานที่พ่อแม่ทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันมากกว่าที่เป็นมา ทบทวนย้อนหลังแล้วดูเหมือน “ความรู้” คืออะไรบางอย่างที่แปลกใหม่และไกลตัว .. อนิจจา
ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ผมต้องทำวิจัยแทบทุกวัน ตั้งสมมติฐานว่าอะไรน่าจะเป็นอย่างไร แล้วก็ทดลองพิสูจน์หาความจริง โชคดีที่ไม่ต้องห่วงว่าจะเขียนบทที่หนึง สอง สาม สี่ ว่าอย่างไร ต้องเคาะย่อหน้ากี่ครั้งก็ไม่ต้องมาปวดหัวกับมัน ว่ากันเนื้อๆ ตรงๆ มีข้อค้นพบหลายเรื่องที่ทดๆเอาไว้ เพื่อจะได้นำมาบอกกล่าวตามเวลาที่มี
เรื่องที่น่าตื่นเต้นวันนี้ มันเกี่ยวกับเรื่องของถั่วฝักยาวครับ
รอบบ้านเราปลูกถั่วฝักยาวไว้ค่อนข้างเยอะ แยกปลูกเดี่ยวๆก็มี ปลูกปนกับพืชอื่นเช่นถั่วพูก็มี ให้ไต่ขึ้นต้นไม้เก่าบ้าง ทำค้างแบบใช้ไม้ไผ่อันเดียวบ้าง ขึงเชือกฟางให้เป็นที่เกาะเกี่ยวบ้าง ได้ผลผลิตออกมาได้กิน ได้แจก และนำไปทำบุญที่โรงครัววัดสวนโมกข์มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อ 3-4 วันก่อน ตอนไปเยี่ยมท่านอาจารย์โพธิ์
พูดถึงเมล็ดพันธุ์ถั่วหรือพืชตัวอื่นๆ ผมได้ยินมาว่าเมล็ดจะต้องแก่จัด และนำไปตากแห้งก่อนจึงค่อยนำมาเพาะปลูก ก็ทำตามนั้นเรื่อยมา แต่ในใจก็สงสัย อยากลองอะไรที่ต่างออกไปด้วย เพราะเห็นบ่อยมากที่เมล็ดสด ที่แก่จัด เมื่อได้ฝนได้น้ำ มันก็มีรากงอกออกมาได้ตั้งแต่อยู่ในฝัก ครั้นหล่นลงมาก็เจริญเป็นต้นใหม่ได้ตามธรรมชาติ ไม่ต้องตากแห้งก็ได้ แต่ก็เชื่อว่าที่เขาต้องตากแห้งก็เพื่อให้เก็บไว้ได้นานๆมากกว่า อย่างไรก็ตามผมเชื่อสนิทใจว่า ถึงอย่างไรเมล็ดที่จะงอกได้ดี ต้องเป็นเมล็ดที่แก่จัดเท่านั้น แล้ววันหนึ่งก็มีเหตุการณ์ให้ผมได้ลองทำสิ่งที่สวนทางกับความคิด และผลที่ได้ออกมา เหลือเชื่อครับ
ลองติดตามเรื่องราวย่อๆ และดูภาพไปตามลำดับซิครับ คนอื่นคิดอย่างไรไม่ทราบได้ แต่ผมนั้น งง งง งง และ ยัง งง อยู่ครับ
นี่คือถั่วสองฝักจากต้นถั่วที่เราปลูก
ฝักหนึ่งแก่จัด ได้น้ำฝนช่วย เปลือกเปื่อยยุ่ย เมล็ดมีรากงอกออกมาบ้างแล้ว
ส่วนอีกฝัก แก่แล้วแต่เปลือกยังไม่แห้งเหี่ยว เมล็ดยังสดและเต่งตึง
ผมนำมาทดลองเพาะอย่างละ 10 หลุม หลุมละ 1 เม็ด
ในใจก็คิดไว้แล้วว่า ที่จะงอกงามขึ้นมาคงเป็นเมล็ดแก่ที่มีรากออกมาบ้างแล้ว
ทั้งสองชุดอยู่ติดๆกัน ในร่ม ให้น้ำวันละครั้งเท่าๆกัน
ผ่านมา 7 วัน มีต้นอ่อนจากเมล็ดที่ยังไม่แก่จัดโผล่พ้นดินขึ้นมาราว 1 นิ้ว 1 ต้น
ส่วนชุดที่เป็ดเมล็ดสมบูรณ์และมีรากออกมาบ้างแล้ว ยังไม่มีโผล่มาให้เห็น
เช้า 22 สค. 53 เลยทดลองเพาะผลหมากเม่าสดไว้40 กว่าต้น
ตอนแรกว่าจะติดตั้งเครื่องพ่นหมอกให้ให้น้ำอัตโนมัติตามเวลาที่กำหนด แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ หันไปใช้วิธีที่เรียบง่าย เอาน้ำใส่ขวด และเจาะรูฝาบน ก็ใช้รดน้ำได้ ไม่ต้องมากเรื่อง
บ่าย 2 โมง 54 นาทีของวันที่ 31 สค. 53
โผล่ขึ้นมาอีก 3 ต้น และกำลังแทรกดินขึ้นมาอีก 1
ส่วนหลุมที่เพาะด้วยเมล็ดที่เริ่มมีราก ยังไม่มีอะไรโผล่มาให้เห็นแม้แต่ต้นเดียว
« « Prev : แง่คิดทางโลก ทางธรรม วันไปเยี่ยมท่านอาจารย์จรูญ
2 ความคิดเห็น
ประกาศ !
ณ วันที่ 2 กย.53 เวลา 3.00 น. ตื่นมาทำภารกิจบางประการที่จำเป็นต้องทำ ออกไปตรวจสอบต้นถั่วในแปลงทดลองจิ๋ว พบว่าถั่วจากชุดที่เมล็ดยังไม่แก่จัด ได้งอกขึ้นมารวม 8 ต้นแล้ว จากทั้งหมด 10 หลุม ส่วนชุดที่เมล็ดสมบูรณ์และมีรากเริ่มงอกก่อนเพาะ ยังไม่มีโผล่พ้นผิวดินแม้แต่ต้นเดียว อดไม่ได้เลยลองใช้ไม้เขี่ยเปิดหน้าดินดู 1 หลุม พบว่าเขายังนอนสงบนิ่ง และมีรากขาวๆออกมาเล็กน้อยเท่านั้น
ตาถั่ว ดีกว่าใจถั่ว อิอิ