ขอโอกาสให้คนดีคืนสู่สังคม
อ่าน: 3498และแล้วหนึ่งงานในชีวิตที่เคยขยาดนักหนาก็ผ่านพ้นไปแล้วด้วยดี ภาระที่ว่าคือ เป็นวิทยากร ในโครงการฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติธรรมป่าช้า บ้านอาเลา หัวเสือ โคกรัง จ.สุรินทร์
ดิฉันเป็นวิทยากรมือใหม่ แค่เห็นหน้าตาเหล่าบรรดาผู้บำบัดยังนึกขยาด ข่าวในสื่อต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ แม้แต่ในอินเตอร์เน็ต ไม่เคยมีข่าวดี ๆ ของเหล่าบรรดาผู้เสพสารเสพติดแม้แต่น้อย ยังนึกว่าวันดีคืนดี คนเหล่านี้เกิดคุ้มคลั่งขึ้นมาหยิบมีดขึ้นมาจ่อคอเหมือนในข่าวหล่ะก็จะทำยังไง
ผู้บำบัดเข้าร่วมโครงการวันแรก (หน้าตาน่ากลัวชะมัด ) |
โกนศีรษะเสร็จแล้ว ค่อยกล้าคุยด้วยหน่อย |
วันแรกที่ผู้บำบัดเข้ามาในบริเวณวัด หน้าตา ผมเผ้าแต่ละคน ช่วยให้นึกถึงข่าว ยาบ้า ตามสื่อตาม ๆ แต่พอโกนศรีษะ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว วิทยากรมือใหม่อย่างดิฉันค่อยยิ้มออก แหะ ๆ ค่อยกล้าคุยด้วย
|
ร่วมประชุมสรุปผลแต่ละกิจกรรม |
เหล่าวิทยากรเรียกผู้บำบัดเหล่านี้ว่านักเรียน เรามีตารางกิจกรรมอย่างชัดเจนให้กับผู้บำบัด ตั้งแต่ 6 โมงเช้า กิจกรรมสวดมนตร์ทำวัตรเช้า รับประทานอาหาร ทำกิจกรรมส่วนตัว ประชุมเช้า กิจกรรมบำบัด( ให้ความรู้เรื่องสารเสพติด หรือทำกิจกรรมกลุ่ม ) รับประทานอาหารเที่ยง สวดมนตร์ตอนบ่าย บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำกิจกรรมส่วนตัว ออกกำลังกาย รับประทานอาหารเย็น สวดมนตร์ทำวัตรเย็น นอน ตอน 3 ทุ่มทุกวัน
อนุญาติให้ญาติเยี่ยมผู้บำบัดในวันอาทิตย์ ดิฉันเองมีหน้าที่ดูแลกิจกรรมประชุมเช้า จุดประสงค์หลัก ของกิจกรรมประชุมเช้า คือให้ผู้บำบัดกล้าเผชิญหน้ากับสังคม กล้าแสดงออกในชุมชน และยอมรับความคิดเห็นคนอื่น เมื่อได้รับหน้าที่นี้ ดิฉันต้องแอบหัวเราะ เพราะคุณสมบัติในตัวเองไม่มีที่จะสอนเหล่านักเรียนบำบัดเหล่านี้เลย ดิฉันจับไมค์พูดต่อหน้าคนเยอะ ๆ ไม่ได้ เมื่อใดต้องไปอยู่สถานที่บุคคลเยอะ ๆ ดิฉันจะรู้สึกอึดอัด
ฝึกสมาธิแบบไหวนิ่ง |
พระอาจารย์มหาสายันต์ กิตติโก หัวหน้าทีมวิทยากร |
แต่เมื่อจำเป็น เพราะปฏิเสธไม่ได้ ดิฉันก็สามารถจับไมค์นำเสนอกิจกรรมได้ โดยที่ไม่มีนักเรียนบำบัดคนใดจับได้ว่า คุณครูแอบปากสั่น มือสั่น หัวใจเต้นแรง น้ำลายในปากแห้งสนิท ถึงแม้จะมีนักเรียนลองของ ทำให้เกิดปัญหาไปบ้าง ต้องขอบคุณสัญชาตญาณของคนเป็นครู สอนดิฉันให้สามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที พี่เณรที่ร่วมเป็นวิทยากร ดูแรก ๆ ก็อ่อนหัดพอๆ กับดิฉัน พอท่านได้ลงเวทีเป็นวิทยากรจริง ๆ ดิฉันต้องทึ่ง โห ! เก่งมาก ๆ ดิฉันได้สื่อและเทคนิคดี ๆ หลายอย่างจากท่านนำมาประยุกต์ใช้กับเด็กนักเรียนที่โรงเรียนได้ด้วย จากการดำเนินงาน ทุกกิจกรรมได้รับความร่วมมือกับเหล่านักเรียนบำบัดเป็นอย่างดี อาจจะเป็นเพราะ บุญบารมี และความเมตตาของ พระอาจารย์มหาสายันต์กิตติโก เจ้าอาวาสวัด ผู้เป็นแม่งานหลัก เหล่าบรรดาผู้บำบัดเหล่านี้ ไม่มีพฤติกรรมที่ก่อปัญหาร้ายแรง ชวนให้ปวดแต่อย่างใด
กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ |
ออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรง |
ผู้บำบัดรุ่นนี้ มีการศึกษาสูงสุดระดับ ปวช. อายุต่ำสุด 15 ปี อายุสูงสุด 34 ปี หลายคนอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ งานที่ทำก่อนหน้านี้คือรับจ้าง สาเหตุที่ติดยา มักจะบอกว่า อยากลอง นิสัยที่เหมือนกัน ของคนติดยา ที่ดิฉันสังเกตเห็น คือ ขี้เกียจมาก ๆ หวังแต่จะรอคอยโชค รอคอยให้คนอื่น ๆ ยื่นมือมาช่วยเหลือ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหล่านี้ ตารางกิจกรรมในแต่ละวันจึงแน่นเอี๊ยด เมื่อระยะเวลาผ่านไป 2 เดือน พฤติกรรมปรับเปลี่ยนขึ้น แต่คงยืนยันไม่ได้ว่า บุคคลเหล่านี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และทำความเดือดร้อนใด ๆ ให้กับสังคม วันสุดท้ายของกิจกรรม ผู้บำบัดต่างเดินมาไหว้ลาดิฉัน และมีหนึ่งในนั้นเดินมาบอกว่า “ ครูครับ ผมมาบอกว่า ผมมั่นใจผมเลิกยา ได้แน่นอน ” ส่งผลให้ดิฉันหัวใจพองโต ภูมิใจในผลงานที่ตนมีส่วนร่วมด้วย ถึงแม้จะเป็นเพียงหนึ่งคนเท่านั้น เมื่อเค้าตั้งใจที่จะเปลี่ยนตนแปลงตนเองเป็นสมาชิกของสังคมที่ดี ดิฉันครูอีกคนหนึ่งของพวกเค้า จึงฝากวิงวอน ขอโอกาสให้คนดีเหล่านี้คืนสู่สังคมด้วยนะคะ
10 ความคิดเห็น
สุดยอด มายกนิ้วให้เลยครับ อิอิ
ปรบมือให้ครับ….
ผมไม่ทราบรายละเอียดของกระบวนการทั้งหมดนะครับ หากผมกล่าวอะไรไปที่ซื่อบื้อก็ขออภัยด้วย
คนกลุ่มนี้เรื่องจิตใจและเบื้องหลังพัฒนาการชีวิต หรือผมใช้คำว่า เบ้าหลอมชีวิตเป็นเงื่อนไขใหญ่ หากเราไม่เข้าไปถึงก้นบึ้งของ เขาแล้ว เรื่องนี้ยากสุดๆ เห็นใจ เอาใจช่วยและสนับสนุนเต็มที่สำหรับทุกท่านที่ทำหน้าที่นี้ครับ
ผมเชื่อว่ามีการประเมินผลเป็นรายคน ไม่ว่าจะใช้กระบวนวิธีในก็ตาม ผลออกมาน่าจะพิจารณาให้หลัก Triage หรือดัดแปลงหลัะกการนี้เอามาใช้ให้สอดคล้องกับกระบวนการก็ย่อมทำได้ คือว่า จำนวนผู้เข้าบำบัดทั้งหมด เมื่อผ่านกระบวนการครบถ้วนแล้ว หากเอาคร่าวๆของหลัก Triage ก็คือ แบ่งคนกลุ่มนี้เป็น 3 พวก (อาจจะมากกว่า 3 ก็ได้) คือ พวกที่มีแนวโน้มจะหายขาดจริงๆ (ก็จากการประเมินผล) เป็นกลุ่ม 1 อีกกลุ่มคือ ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ เป็นกลุ่มที่ 2 ส่วนกลุ่มที่ 3 คือ ท่าทางจะยาก ท่าทางจะมีแนวโน้มกลับไปอีก เพราะดูการเปลี่ยนแปลง ดูปัจจัยแวดล้อม ดูสภาพที่เขาจะกลับไปอยู่ มันก็ไอ้เงื่อนไขเดิมๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวก็อดไม่ได้อีก อะไรทำนองนี้
ทางคณะก็มีกระบวนการเฉพาะคนแต่ละกลุ่มนี้ การแบ่งกลุ่มนี้ไม่เปิดเผยให้สมาชิกกลุ่มทราบ ให้ทราบเฉพาะคณะวิทยากรและผู้ร่มดำเนินการทั้งหมด เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและอื่นๆ
ผมขออภัยนะครับที่อาจจะไปกล่าวในสิ่ที่ทำอยู่แล้ว หรือมีกระบวนวิธีที่ดีกว่านี้น่ะครับ
ขอเป็นกำลังใจช่วยกันสร้างคนให้เป็นคนดีแก่สังคมของเราครับ
ชื่นชมวิทยากรมือใหม่ด้วยอีกคนค่ะ
ทึ่งๆๆ อึ้งๆๆ จ๊าาาาบส์จริงๆ ยกโป้แถมก้อย อิ อิ
อย่าหาว่ามองโลกแง่ร้ายนะครับ เห็นมากับตา กับวัดป่าที่ไปจำพรรษาอยู่ มีสถานบำบัดแห่งแรกของประเทศไทยไปตั้งอยู่ แรกๆ ก็ดูดี แต่ตอนหลังกลายเป็นแหล่งขายยาอย่างดีที่สุด เพราะหาลูกค้าง่ายเนื่องจากผู้เสพมารวมกันอยู่ที่นั่น ตำรวจมาให้การอารักขาการขาย (ตามฟอร์ม) พระอุดมคติ หลวงพ่อใหญ่ บารมีล้นฟ้า ยังเอาไม่อยู่ ตอนนี้ท่านตะเพิดให้มันหนีกันไปหมดแล้ว แล้วมันก็ไปโผล่ที่ไหม หางบสร้าง กินหัวคิวกันต่อไป
ก็ต้องลองติดตามกันต่อไปครับว่าจะเหมือนเดิมๆ ไหม ผมว่าไม่แคล้ว ตราบที่ตำรวจไทยยังขายยาเสียเอง
ทำนองว่า เด็กๆ มันจะเลิกได้อยู่แล้ว แต่ไอ้พวกคนขายมันเข้ามาพร้อมตำรวจ เอามายัดเยียดให้อีก ก็กลับมาติดอีก แล้วก็เลยเป็น outlet ที่ดีที่สุดของพวกมันไปเลย
ผมเสนอว่าให้ส่งสายลับเข้าไปร่วมทำเป็นผู้เสพด้วย เพื่อคอยให้ข้อมูลเบาะแส ของไอ้สารเลวพวกนี้แล้วหาทางจัดการมันให้สิ้นซากแต่ต้นลม
ดี ดี ครับ มองโลกในแง่ดี แถมมีไฟ แบบนี้คือคนที่ไทยต้องการ
จงทำดีต่อไป แต่อย่าไว้ใจตำรวจไทยเสีย 100 %
กลัวคุณจะ “ไหม้ออก” เสียก่อน เสียดายน่ะครับ เลยเตือนมา ไม่ได้มีวาระซ่อนเร้นอะไร