เก็บตกจากวัดป่า
อ่าน: 3466ทุกช่วงของการปิดเทอม ไม่ว่าจะปิดเทอมระยะยาวช่วงเมษายน หรือว่าระยะสั้น ดิฉันมักจะหาโอกาสแว้บไปบวชชีที่วัดทุก ๆ ปี และปีนี้ก็เช่นกัน ดิฉันเก็บกระเป๋าแต่งชุดขาวไปบวชชีพราหม์ที่วัดเชิงพนมดิน จังหวัดสุรินทร์ เป็นระยะเวลา 7 วัน
เนื่องจากเดินทางมาวัดตัวคนเดียว  เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ชุดขาวมาครบ ที่สำคัญ ดอกบัว ธูปเทียนสำหรับขอบวชมาเรียบร้อย   จึงเป็นเรื่องแปลกสำหรับแม่ชี   เพราะนานๆครั้งจะมีผู้หญิงอายุยังไม่เข้าขั้นวัยทอง  เตรียมตัวมาบวชพร้อมขนาดนี้  และครั้งนี้ก็ไม่พ้นกับคำถาม อกหักหรือเปล่าที่มาบวช
เนื่องจากเป็นวัดป่าบริบทโดยรอบ จึงน่าอยู่น่าอาศัยเป็นอย่างมาก ต้นไม้ ดอกไม้ แข่งกันงามสะพรั่ง เหล่านกกาส่งเสียงร้องโดยรอบ อาคารใช้สอยกระทัดรัด เหมาะสำหรับผู้การบำเพ็ญภาวนา โดยเฉพาะอัธยาศัยไมตรีของแม่ชีทุก ๆ ท่าน ดิฉันปลาบปลื้มใจทุกครั้งที่หวลระลึกถึง
หลังจากที่ขอบวชกับหลวงพี่เรียบร้อย ดิฉันก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่ แม่ชี โดยทันที กิจวัตรประจำวันเริ่มจาก
04.00 - 05.30 ทำวัตรเช้า และนั่งสมาธิ
05.30 - 07.00 เช็ดถูปัดกวาดศาลา กวาดโรงครัว จัดเตรียมสำรับ( เหนื่อยมาก ๆ)
07.00 - 07.30 ฉันอาหาร
07.30 – 08.30   เก็บจานล้าง  ทำความสะอาดโรงอาหาร  บางวันจาน ชาม กองเป็นภูเขา
08.30 – 09.30 ทำภารกิจส่วนตัว ซักเสื้อผ้า กวาดห้องพัก กวาดบริเวณโดยรอบ
09.30 - 11.00 เตรียมสำรับสำหรับเพล วันไหนมีญาติโยมมาทำบุญเยอะ ก็คอยต้อนรับ
11.00 – 11.30 ฉันเพล
11.30 - 12.30 ล้างจานและเก็บกวาดโรงครัว
12.30 - 14.00 ช่วยแม่ชีทำงานโดยทั่วไป เช่น ปลูกต้นไม้ กวาดถู ศาลา
14.00 – 16.00 เป็นเวลาสำหรับภาวนาในห้องคนเดียว (ชอบมาก วันแรก ๆ หลับประจำ)
16.00 - 17.00 ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ
17.00 - 18.00 มานั่งภาวนาที่ห้องต่อ บางวันก็กวาดใบไม้รอบ ๆ ที่พัก
18.00 - 19.00 เดินจงกรม และนั่งสมาธิ รอบดึก พร้อม ๆ กัน
19.00 - 21.00 กลับมานั่งสมาธิ หรือไม่ก็เดินจงกรม บางวันเอาหนังสือธรรมะมานั่งอ่าน
21.00 เอนกายนอน พักผ่อนกายา
นี่คือกิจวัตรในแต่ละวัน เนื่องจากดิฉันเคยเป็นลูกเทวดา ตื่น 7 โมง มีอาหารตั้งอยู่บนโต๊ะ รับประทานเสร็จแล้วไปทำงานได้เลย เสื้อผ้าก็โยนลงเครื่องซัก งานหนัก ๆ ไม่เคยแตะต้อง เมื่อต้องมาอยู่วัด เหนื่อยแทบขาดใจ มือจับไม้กวาด มันพองเป็นปุ่มด้าน ๆ ปวดข้อมือ ปวดขา มันปวดจนขาสั่นไปหมด ปวดที่เอวมันเหมือนจะขาดออกจากตัว แต่ดิฉันไม่กล้าบ่น เพราะอาย แม่ชีแทบทุกท่านอายุมากกันทั้งนั้น ไม่เห็นท่านจะบ่นว่าเหนื่อย เห็นท่านทำไปยิ้มไป เพราะหลายคนอายุมากดิฉันเห็นท่านทำงานหนักนึกสงสาร เลยอาสาช่วยมันซะทุกเรื่อง มันก็ยิ่งเหนื่อย แต่ว่าได้คะแนนเอ็นดูทั้งแม่ชีทั้งพระ มาเกือบเต็ม 10
เมื่องานประจำหนัก  เวลาในการเรียนรู้วิปัสนาที่เป็นเป้าหมายในการเข้าวัดมันก็น้อยลง   แต่กลับรู้สึกว่าทุกครั้งที่นั่งสมาธิ  รู้สึกสบาย  ครั้นพอนั่งไปนาน ๆ เป็นชั่วโมง เริ่มรู้สึกปวดหรือที่เรียกว่ามีเวทนา  ดิฉันเคยอ่านหนังสือพบว่า ให้นำใจไปจดจ่อที่บริเวณที่ปวด ตรงไหนปวดมาก เพ่งมันไปที่นั่น สักพักมันจะหายไป  ดิฉันทดลองดูหลายครั้งมันก็หายปวดจริง ๆ แต่ทว่าพอตรงนี้หาย ตรงโน้นก็ปวด แถมปวดมากเสียด้วย  พอเอาใจไปจดจ่อที่นู่น ที่นู่นก็หาย  ที่โน้นก็ปวดขึ้นมาอีก  อ้าว ! ดูเหมือนว่ากำลังวิ่งไล่จับลม    มาปีนี้เริ่มเข้าใจ  ไม่รู้่ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า   ดิฉันเข้าใจว่า การปวดหรือเวทนามันเป็นธรรมชาติของร่างกาย  มันปวดได้มันก็หายได้  เหมือนคำว่า มีเกิดแล้วก็มีดับ   หากเราไปสนใจเวทนาก็เสียเวลาเปล่า  หลังจากวันนั้นดิฉันนั่งสมาธิได้นานขึ้นโดยที่อาการปวดก็ยังคงอยู่  แต่ไม่ได้ไปใส่ใจมัน   สบายมากขึ้น จนนึกสงสัยว่าตนเองหลับในสมาธิหรือเปล่า  กลับบ้านมาปฏิบัติต่อก็ยังรู้สึกสบาย บางวันเหนื่อยมาก ๆ  ทุกครั้งจะหลับทันที  กลับจากวัดเปลี่ยนนิสัยใหม่  เมื่อรู้สึกเหนื่อยนั่งขาขวาทับขาซ้าย  หลับตาลง พุธโธ สักชั่วโมง  ก็สามารถทำงานต่อไปปกติ โดยที่ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย  แอบหลับในสมาธิหรือเปล่าน๊า  ข้อสงสัยนี้ดิฉันจะต้องหาคำตอบต่อไป 
แง่คิดที่ดิฉันเอาเก็บมาคิดและจำได้ตลอดจากวัดคือแม่ชีท่านหนึ่ง  ท่านจะเดินไปตลาดเพื่อซื้อของใช้เป็นประจำ    ระยะทางไปกลับ 8 กิโลเมตร  ยายชีแก่ ๆ เดินไปตามถนนที่แดดร้อน ๆ รถวิ่งกันขวักไขว่ไม่นั่งรถโดยสาร   ไม่โบกรถง้อผู้ใด  เดินไปเรื่อย ๆ ขากลับถือข้าวของพะรุงพะรังกลับมาจากตลาด  ดิฉันเห็นแล้วตกใจ  ถามท่าน ว่าทำไมไม่นั่งรถโดยสาร ท่านบอกขี้เกียจรอ  อีกอย่างท่านเดินจนชินแล้ว  ดิฉันเหลือบไปเห็นข้าวของในมือที่ถือมา  ถุงหูหิ้วน้ำหนักมากพอดู  ทำให้มีรอยแดง ๆ ในฝ่ามือ  ดิฉันแอบน้ำตาซึม   เหตุการณ์ครั้งนี้สะเทือนใจดิฉันอย่างแรง  กลับมานั่งคิด คิดแล้วคิดอีก  เดินไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันก็ถึง ทำไมจะต้องรอพึ่งคนอื่น   ใครจะจอดรถรับหรือไม่ ไม่สนใจ  ไม่อายที่จะเดิน ใช่แล้วดิฉันกำลังได้รับบทเรียน  เพราะตลอดชีวิตของการทำงาน  ต้องหวังพึ่งหรือสนใจเสียงรอบตัวเรื่อยมา  เหนื่อยหน่อยไม่มีทางยอมทำ  ทิ้งตั้งแต่คิดจะทำ   น่าอายแท้ ๆ  ดิฉันอายแม่ชีแก่ ๆ ท่านนี้   หากคิดเหมือนแม่ชีสักนิด  ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็เสร็จ ใครจะช่วยหรือไม่ช่วย จะสนทำไม   ทำเรื่องดี ๆ ไม่เห็นต้องอาย     เข้าวัดครั้งนี้ดิฉันคุ้มเหนื่อยก็เพราะบทเรียน  บทนี้ค่ะ
 ดิฉันอายแม่ชีแก่ ๆ ท่านนี้   หากคิดเหมือนแม่ชีสักนิด  ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็เสร็จ ใครจะช่วยหรือไม่ช่วย จะสนทำไม   ทำเรื่องดี ๆ ไม่เห็นต้องอาย     เข้าวัดครั้งนี้ดิฉันคุ้มเหนื่อยก็เพราะบทเรียน  บทนี้ค่ะ





