เมื่อลูกชายไม่สบาย…..ตอนอวสาน
อ่าน: 1188วันที่สอง อาการร่าเริงของลูกชายก็ยังมีเหมือนเดิม แต่จะซนน้อยลง ทานข้าวได้ ทานนมได้ ก็ลดอาการห่วงไปได้มาก พอถึงเวลาเย็นได้พาลูกชายไปพบหมอตามนัด วันนี้หมอวัดไข้ไม่มีไข้
แต่อาการเต้นของหัวใจก็ยังเหมือนเดิม และหมอก็ยังวินิจฉัยไม่ได้ จึงฉีดยาแก้ไข้ ยาแก้อักเสบ และหยอดยาแก้เห็บหมัดไป 1 หลอด วันนี้จ่ายไป 790 บาท แต่แม่ก็ยังสบายใจอยู่
วันที่สาม ลูกชายมีอาการซึมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย น้อง ๆ ไม่อยากให้พาไปคลินิกอีกและบอกให้ส่งไป รพ.สัตว์เล็ก ซึ่งเป็น รพ.ของมหาวิทยาลัย เพื่อตรวจให้ละเอียด และจะได้พบกับอาจารย์หมอ ซึ่งน้องได้โทรสอบถามว่ามีอาจารย์หมออยู่ ช่วงเช้าวันศุกร์ รีบมาทำงานและ clear งานที่เร่งด่วนให้เรียบร้อย และครึ่งบ่ายของวันศุกร์ได้พาเจ้าลูกชายไป รพ.สัตว์เล็ก หมอก็งง กับอาการ ไม่ทราบว่าเป็นอะไร แต่ลักษณะการเต้นของหัวใจผิดปกติแน่นอน จึงส่งไป X-ray ซึ่งกว่าลูกชายจะให้ความร่วมมือ ต้อง x-ray 4 รอบ เสียฟิล์มไป 1 ฟิล์ม และที่ฤทธิ์น้อยลงก็เพราะว่าโดนจับฉีดยา(ไม่แน่ใจว่ายาอะไร แต่ประมาณว่าให้นอนหลับไปสักพัก เพื่อจะได้ x-ray ให้ได้ แต่ฤทธิ์ยาคงไม่ถึงใจเท่าใด อาการไม่ยอมก็ยังคงมี แต่ก็สามารถผ่านไปด้วยดี)
หมอวิเคราะห์เบื้องต้นว่า หัวใจน่าจะมีปัญหา มีเส้นเลือด 1 เส้นเหมือนจะขอดอยู่ จึงฉีดยาที่ไม่ทำให้เลือดแข็งตัว เพื่อรอดูอาการอีกครั้ง และได้ให้ฉีด ทุก ๆ 8 ชั่วโมง ผ่านเส้นเลือดดำ เอาละสิ….ทีนี้คุณแม่ก็เป็นหมอจำเป็นไปตามระเบียบอีกครั้ง ถนัดนักเรื่องฉีดยา เพราะประสบการณ์จากการฉีดยาแก้อักเสบให้คุณแม่มีอยู่ แต่ครั้งนี้ดีขึ้นมาที่ยาชนิดนี้คุณหมอได้จัดใส่เข็มไว้ให้เรียบร้อย และเจาะเข็มทำปลั๊กไว้ให้ จึงไม่เป็นปัญหาเท่าใดนัก พร้อมกับได้ฉีดยาแก้อักเสบ ยาแก้ไข้ให้ และนัดเจอหมอหัวใจในวันอาทิตย์
3 ชั่วโมงช่วงบ่ายกับการพาเจ้าลูกชายไปพบหมอ เป็นวีรกรรมที่น่าจดจำทีเดียวล่ะ เนื่องจากได้ให้น้ำเกลือ เพราะท่าทางมีอาการเพลีย จึงให้ไปนอนรอในรถและได้กลับไปจ่ายตังค์ งานนี้จ่ายไป 2,200 บาท (แต่แม่ก็ยังสบายใจอยู่) กลับมาที่รถปรากฏว่า เจ้าลูกชายทำเหตุ คงมองหาแม่ไม่เจอเดินทั่วรถ สายน้ำเกลือหลุด เลือดเลอะเทอะเต็มเบาะรถ จึงไปให้หมอปิดปลั๊ก เพื่อจะได้ไว้ฉีดยาต่อไป ขณะพานั่งรถกลับบ้าน น้องหมาคงเวียนหัวเล็กน้อย จึงเกิดอาการอ๊วกใส่รถแม่อีก งานนี้ นอกจากจะเลือดแล้วยังอ๊วกอีก ลูกหนอลูก ไม่เป็นไร ไงก็เช็ดล้างออก จะไปสนทำไม เปื้อนได้ ก็สะอาดได้
หลังจากนั้นได้พาเจ้าลูกชายไปแวะหาพี่ ๆ ที่ทำงาน เพราะเขาจะเป็นที่รักของหลาย ๆ คน พี่ ๆ เห็นลูกชายแล้ว ต่างชื่นชมยินดีว่าตั้งแต่โตมานี่เป็นน้องหมาที่มีมารยาทมาก ว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อ แต่ความน่ารักยังเหมือนเดิม (อิอิ….อันหลังนี่เติมเองค่ะ)
กลับบ้านไป ก็ยังเล่นได้ แต่ไม่ซนเหมือนเดิม จะมีอาการคล้าย ๆ เหนื่อยหอบเป็นบางครั้ง ไม่ยอมกินข้าว แต่กินหมูสะเต๊ะไป 20 ไม้เอง 55555
กลางคืนห้าทุ่ม ฉีดยาให้ ปรากฏว่าปลั๊กที่คาไว้เกิดหลุด เลือดไหลเยอะมาก จึงถอดเข็มออก และจัดการล้างบริเวณขาที่เปื้อนเลือดให้ และคืนนั้นก็ผ่านไปโดยดี แต่มีสิ่งที่ไม่ดีคือแม่ดูดีวีดีเรื่อง 24 ชั่วโมงอันตราย และชอบเปิดให้มันกระหึ่มทั้งห้อง ไม่รู้งีบไปตอนไหน เช้ามาปรากฏว่าข้างบ้านถัดไปเป็นตึกแถว ห้าคูหา 2 ช่วง ช่วงที่ 2 ห้องที่สามเกิดไฟไหม้หมดทั้งห้อง รถดับเพลิง 3 คันมาช่วยดับ แต่แม่ไม่ได้ยินเลย ตื่นขึ้นมาขี่รถไปซื้อข้าว ถึงเห็นสภาพของตึกแถว ตกใจมาก น้องสาวบอกว่าถ้าไฟไหม้บ้านป่านนี้คงไม่เหลือซากแล้ว อิอิอิ
เช้าวันที่สี่ ต้องตื่นแต่เช้า เพราะต้องฉีดยาเวลา 07.00 น. แต่แม่ไม่สามารถฉีดให้ได้ เนื่องจากเข็มที่ใส่ไว้หลุดไปแล้ว จึงพาไป รพ.เพื่อให้หมอเจาะให้ใหม่ อาการของลูกชายก็ยังดี หลังจากฉีดยาเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเล่นรอบ ๆ รพ. อย่างสบายใจ ได้พาขับรถเที่ยว และกลับบ้านและซื้อหมูปิ้ง ตับปิ้งให้ แต่เธอไม่ยอมกิน เอาไงดีล่ะไม่กินข้าว นมก็ไม่กิน จึงไปต้มข้าวบดข้าวและกรองเอาน้ำข้าวใส่สลิ้งป้อนให้ ยอมกินบ้างไม่กินบ้าง แต่ก็ต้องบังคับเป็นระยะ ๆ เพราะเวลาที่ดื้อ ๆ ไม่ยอม อาการเต้นของหัวใจจะเพิ่มมากขึ้น “งานนี้ต้องอดทนค่ะ”
เย็น ๆ รู้สึกซึมมากขึ้น แต่ก็ยังเดินไปเอาก้นจุ่มน้ำ และมานั่งสบายใจเพลิน (ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ชอบมาก ๆ อ่างเลี้ยงปลาที่บ้านกี่อ่าง ๆ พี่แกไปนั่งจุ่มหมด พี่ปลาทั้งหลายก็เลยไม่มีวาสนาได้อยู่ดูโลก จึงจำเป็นต้องเลิกเลี้ยงปลาโดยปริยาย แต่หาถังไว้ให้จุ่มแทน) แต่วันนี้อาการเพลียมีมากขึ้น จึงนำไปนอนด้วยในห้อง ซึ่งก็ไม่ดื้อไม่ซน ไม่ค้นข้าวของ เดิน ๆ นอน ๆ ไปทั่วห้อง เดี๋ยวเดิน ๆ มานอนข้าง ๆ เดินไปนอนมุมนั้น มุมนี้ทั้งคืน แม่ก็งีบไปตอนตี่สามกว่า ๆ แต่ก็ตื่นตลอด จะลืมตามาดูว่าอยู่ที่ไหน นอนหรือเปล่า
เช้าวันที่ห้า จนกระทั่งหกโมงเช้า ก็ตื่นเพราะต้องเตรียมฉีดยาให้เวลาเจ็ดโมง มองหาไม่เห็นปรากฏว่าไปนอนในห้องแต่อาการหายใจอ่อนมากและหายใจขัด จึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแจะอุ้มขึ้นรถไปหาหมอ ตอนนั้นปฏิกิริยาเริ่มไม่ตอบสนอง ไปถึง รพ.ใช้เวลา 5 – 7 นาที ปรากฏว่าไม่หายใจแล้ว หมอช่วยกันปั๊มหัวใจ อยู่นานมาก แต่ไม่มีอาการตอบสนอง จึงปล่อยให้เขาไปอย่าง….สบาย…..
ฉันโทรหาน้อง ว่าจะจัดการกับลูกชายอย่างไร และตัดสินใจให้หมอชันสูตรศพลูกชายด้วยว่าตายเพราะเหตุใด (ค่าชันสูตร 400 บาท) โดยเหตุ
1. ฉันอยากรู้ว่าเจ้าลูกชายเป็นอะไรตาย และเนื่องจากฉันมีลูกชายเหลือที่บ้านอีก 1 ตัว ฉันจะได้คอยดูแล และระวังให้มากขึ้น
2. ฉันอยากให้เป็นวิทยาทานแก่หมอ เนื่องจากหมอทั้งคลินิก และ รพ. ไม่ทราบสาเหตุว่า ลักษณะอาการที่ลูกชายฉันเป็นนี่มันเกิดจากอะไร และตายเพราะอะไร จะได้เป็น case ให้หมอไว้ศึกษาต่อไป
3. ฉันดีใจที่ลูกชายฉันจะได้เป็นอาจารย์ ให้นักศึกษาสัตวแพทย์ไว้ศึกษาเพื่อเป็นวิทยาทานต่อไป
นับเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตและทำให้ฉันเสียใจ
แต่ต้องขอบคุณเจ้าลูกชายที่สอนให้แม่ได้เรียนรู้ความเป็นชีวิตที่อยู่บนโลกนี้
สอนให้ฉันรู้จักให้ และรู้จักรับ
สอนให้ฉันได้รู้จักการเกิดและการพลัดพรากอีกครั้งหนึ่ง
โลกใบนี้ไม่มีอะไรที่อยู่คงทนถาวรนอกจากความดีงาม
ฉันเสียใจ แต่ก็ดับได้ไว แต่มันก็เกิดขึ้นในทุกขณะเวลาของวันอาทิตย์ แต่ฉันก็ยอมรับกับความจริงที่เกิดขึ้น
มีพบ ต้องมีพลัดพราก
ฉันได้ไปทำบุญใส่บาตรให้ลูกชายที่หน้าอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย อุทิศส่วนบุญกุศลไปให้ เพียงเพื่ออยากให้เขาได้ไปอยู่ในพบชาติที่ดีต่อไป
“หลับให้สบายนะลูกรัก……แม่ดีใจที่ลูกได้เป็น “อาจารย์….” ”
Next : รายชื่อผู้ร่วมงานเฮฮา 6 “เชียงรายรำลึก” 9 - 11 มกราคม 2552 » »
7 ความคิดเห็น
สัตว์โลกมีอายุไขเป็นธรรมดาครับ
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
เสียใจด้วยนะคะ
ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ
เขาไปสบายแล้ว ยิ้มๆๆๆ ไว้ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
น้องอึ่งจ๋า…
ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ ขอให้เธอไปสู่ภพชาติที่ดี ป้าจุ๋มเข้าใจดีค่ะว่าเสียใจขนาดไหน นี่ป้าจุ๋มก็เพิ่งเสียสุนัขแสนรักไปอีกตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอชื่อน้องแหลม(เธอถูกงูกัด)รีบพาไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดเซรุ่ม คุณหมอได้พยายามเต็มที่ แต่ก็ช่วยไม่ทันเพราะเป็นงูเห่าและโดนกัดที่ลิ้น ก็นำเธอมาฝังไว้ใกล้ๆหลงจู้ค่ะ เพราะตัวนี้เขารักกันมากกับหลงจู้ ฝากกอดๆๆๆน้องอึ่งค่ะ คิดถึงๆๆๆ
ซี่รี่ส์นี้น่าสนใจ มีภาคต่อไปไหม
สวนป่าฮาเฮ
เรื่องนี้ยิ่งกว่าVCD.24 ชั่วโมงอันตรายอีก อ่านแล้วหัวใจจะวาย ไฟไหม้ข้างบ้านก็เฉยๆ
เป็นวิธีลดความตื่นเต้นได้ชะงัดมาก อามิตรพุทธ นะน้านะ..