ผมเป็นคนดี หรือเปล่า ## 4
อ่าน: 2999เล่าต่อนะครับ หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จก็เลยทบทวนตัวเองอีกครั้งว่าเราพลาดตรงไหนหว่าที่ทำไปทำไมไม่ได้ผลตามที่เราคิด เเละเเล้วก็เห็นจุดด้อยของตัวเองมากขึ้นทุกวัน เเละก็เป็นจุดด้อยที่เราเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นปัญหาอะไร จุดด้อยที่ว่าก็คือ เราไม่เคยจะทำจริงสักที ปัญหาใหญ่เลยเเหละเเละมิหนำซํ้ายังหลอกตัวเองว่าทำดีที่สุดเเเล้วทั้งที่บางอย่างไม่ได้ตระเตรียมอะไรไว้เลย นั่งทบทวนไปอีกก็เจอว่า ที่เราไม่เคยทำจริงเราจึงไม่ได้วางเเผนให้ไหลเลย เเละเมื่อไม่ได้วางเเผนมันก็ไม่มีจุดหมายเเละไม่จุดหมายมันจะหยุดกลางคันเเละไม่ทำต่อ เเละก็คิดว่าเราทำดีที่สุดเเล้ว
ที่จริงเราก็รู้นะว่าปัญหามาจากที่ไหนเเต่การจะเปลี่ยนจิตใจของเรานี่สิมากยากเย็นเสียเหลือเกิน อยากจะไปนั่งสมาธิให้เเล้วไปเเต่อีกใจก็ยังคาใจที่อยากจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จ มันดึงกันอยู่อย่างนี้เเละเเต่ละวันก็เหนื่อยไปกับการคิดเเละบางครั้งท้อเพราะความคิด เเละบางครั้งอีกก็มีกำลังใจกับความคิด ก็ต้องเขาใจครับตอนนั้นผมล้มเหลวมากเพราะหวังมาก จิตใจเลยไม่ปกติเท่าไหร่ ผมเลยหยุดที่ทำธุรกิจเเละสานต่อไว้ อ้างเหตุผลกับตัวเองว่ามันไม่ใช่ของเราพูดให้ใครฟังก็ดูดีครับเหตุผลนี้
ต่อตอนนี้ผมก็ไม่ได้ลำบากเรื่องเเงินอะไรครับเพราะว่า 1 Web ที่สร้างไว้นานเเล้วยังสร้างเงินให้ผมอยู่วันละ $30 - 40 $ เงินไทย ก็ราวววันละ 1,000 กว่าบาท โดยที่เเเต่ละวันผมก็ไม่ได้ทำอะไร มันเพิ่มมาเองสิ้นเดือนก็รอรับเช็ค คงมีบุญอยู่มั้งที่เคยทำเว็บไว้นานเเสนนานเเล้ว (ทุกคนอาจเคยได้ยิน google adsense หรือพวก Clickbank นะครับ) รายได้ผมมาจากตรงนั้นเเหละ
ด้วยความที่ไม่อยากเป็นลูกน้องของใครจึงเก็บเงินตัวเองนั่นเเหละไว้เเละเอาทั้งหมดมาเปิดร้านขายไอติมทอด เเละเรื่องน่าขำก็ตามเยอะครับสำหรับเรื่องขายไอติมทอดของผม ผมลงทุนก็ราวๆ 30,000 บาท เเละบอกก่อนว่าเจ้งเหมือนเดิมครับเเต่เจ้งครั้งนี้ไม่เสียใจเลยเเม้จะได้หนี้กลับมาเพราะไม่เครียดเหมือนเดิม สรุปคือผมเครียดมาเเล้วครั้งหนึ่งขี้เกียจกลับไปเครียดอีกเพราะว่าเหนื่อยเเละเครียดไปเครียดมาท้ออีก เลยทำเป็นไม้รู้เรื่องเสียเเล้วเสียไป เดี๋ยวมาฟังเรื่องการขายไอติมทอดของผมนะครับ
ผมเริ่มขายไอติมทอดครับเเละครั้งนี้ก็คิดเหมือนเดิมครับ อนาคตจะเปิดร้านขายไอติมทอดที่มีสาขาทั่วประเทศ ความหวังก็สูงไม่เเพ้ครั้งก่อนเอาเสียเลย เเต่ครั้งนี้มั่นใจมากกว่าเดิมมากเพราะว่าประสบการณ์ครั้งก่อนมากพอที่จะประสบความสำเร็จเเล้ว เเละเเล้วก็เริ่มอุดช่องว่างของตัวเองที่ไม่ได้ทำครั้งก่อนเเละระมัดระวังมากขึ้น ผมเริ่มตั้งเเต่ศึกษาเรื่องของไอติมทอดถามคนนั้น ถามคนนี้เป็นอย่างไรบ้างอยากกินบ้างไหม เเม้เขาก็ตอบมาทุกคนเเหละว่าอยากกินกันทุกคน เอาเราก็ดีใจนี่เเหละสินค้ามีความต้องการสูงเเต่ผมลืมไปว่าไอติมมันละลายได้ บางทีก้อนไอติมซื้อมาเป็นเงินอาจละลายเป็นนํ้าก็ได้ ลืมไปจริงเพราะมั่นใจเกินไปตอนนั้น
จากนั้นพอสำรวจตลาดอย่างเสร็จสับก็เริ่มหาวิธีการขายเเล้วครับ จากการวิเคราะห์เเละคิดค้นมานานร่วมเดือน ดูสิผมใช้เวลาตั้งเกือบเดือนเลยนะเนี่ภูมิใจครับเพราะคิดมาตั้งเดือนมั่นต้องไม่มีบกพร่องเเน่นอน เเต่ลืมไปไอ้ที่บกพร่องนั่นก็คือไอติมละลายนั่นเเหละ ด้วยความมั้นใจเต็มร้อยว่าไม่เจ้งเเน่ จึงได้โทรศัพท์ไปสั่งไอติมทอดมาจากกรุงเทพทันที เเต่โชคช่างไม่มีเลย ทางนั้นเขาบอกว่านํ้าเข้าประชิดรอบกรุงเทพไม่สามารถที่ขนเเป้งมาทำได้ เซ็งครับ เเต่ในใจคิดมาร่วมเดือนเเล้วเเละมั่นใจว่าจะขยายสาขาได้ทั่วประเทศ เเถมฟังวิทยุเมื่อเช้าเขาบอดว่าธุรกิจรอไม่ได้เดี๋ยวคนอื่นทำก่อน เดี๋ยวทำเองก็ได้เเค่ไปติมดทอด หลังจากนั้นก็ได้ทำเองครับเพราะเดี๋ยวไม่ได้ขยายสาขา
ศึกษาตำราไอติมทอดทุกสำนักเอามารวมกันเเละได้เป็นสูตรพิเศษ มันรวมกันหมดจนไม่รู้รสชาติเลย เเละหลังจากนั้นไปศึกษาวางเเผนทำการขาย ผมทำเหมือนคนมีความรู้ทำทุกอย่าง ทุกอย่างต้องรอบคอบเป็นไปตามเส้นตรง
พอมาถึงขั้นนี้เลยนึกได้ว่า เออ ยังไม่มีที่ขายนี่หว่า เเม้คิดว่ารอบคอบมาเกือบเดือนมาลืมนึกว่าขายที่ไหนดี มามองดูของเราก็คุณหนูเหลือเกิน มาดูที่ขายจริงมันขายได้ไม่เกิน 2 ที่นิ ที่เเรกในห้าง ที่สองหน้ามหาวิทยาลัย
จากนั้นก็เลยไปหาที่ก็ไปที่ห้าง Big C อุบล เขามองหน้าเเล้วบอกว่าวันละหมื่น กำไรลูกละสาทบาทววันหนึ่งจะขายได้สามลูกไหมหว่า ความท้อเริ่มมาเยือนอีกเเล้ว ครั้นจะถอยไอติมก็เต็มตู้กินยังไงคนเดียวจะหมด
ก็เลยไปหาที่ใหม่ไปได้ที่ ตลาดโต้รุ่งหน้าราชภัฎอุบล ขายใกล้กับเจ้ร้านส้มตำเลย ลองคิดดูสิว่ากลิ่นปลาร้ากับไอติมทอดเเสนสวยจะเข้ากันได้ขนาดไหน คิดกันไปใหญ่เขามากินส้มตำเผ็ดเขาก็ต้องกินไอติมทอด ตอนนั้นคิดอย่างนั้นจริงๆ ใครจะบ้ากินส้มตำเผ็ดเเล้วมากินของทอดอีก
ขายได้ 3 วันได้เงิน 500 บาท ขาดทุนไปวันละ 50 บาท ก็ยังดีใจคิดเข้าข้างตัวเองไปใหญ่ว่าเขายังไม่รู้จัก เเละเเล้ววชนวนขอความขัดเเย้งจนไม่ได้ขายไอติมทอดที่นี่ก็เกิดขึ้น เมื่อรู้ความจริงว่า อีเจ้คนนี้หลอกเก็บค่าเช่าเเพงเกินไปตั้งวันละ 50 บาท ด้วยความโกรธก็นิ่งไว้ไม่กล้าว่าอะไรเขา เเต่เเฟนเป็นคนไม่ยอมคนเขาก็ด่าเเม่ค้าทั้งชุดนักศึกษานี่เเหละ ด่าไปด่ามาเจ้ชักใจอ่อนเดี๋ยวโกงวันละ 25 บาท ก็พอ ค่ารู้ทัน เเฟนผมเขายอมอะไรไม่ได้ 25 บาท ก็ไม่ยอมขนของตั้งเเต่คืนนั้นไม่ขาย ความฝันจะเปิดสาขาเลยสลายหละผม
หาที่ขายใหม่สิครับทีนี้ยิ่ของอย่างนี้หาที่ขายยากด้วย สุดท้ายก็ได้มาขายอยู่ตลาดนัดเจริญศรี เอาก็เอาเดี๋ยวเปิดสาขาในตลาดนัดก็ได้ สาขาเเรกอยู่ทางเข้าตลาด ส่วนสาขาสองอยู่ท้ายตลาด ธุรกิจกำลังดำเนินไปด้วยดีกำไรวันละ 1000 บาทบ้าง 2,000 บาทบ้าง เเละเเล้วเจ้ตลาดนัดอิจฉาทำไมมันขายดีจัง 3 วันต่อมา มีร้านขายไอติมทอดมาจากไหนไม่รู้หลายร้านมากเลย เซ้งครับอยุดขายเลย ครั้งนี้ขาดทุนไปร่วม 60,000 บาท
เดี๋ยวว่างๆ จะมาเล่าต่อนะครับ