ลานอิสระ

16 มิถุนายน 2010

ผู้กล่าวคำเท็จอยู่ จะไม่ทำความผิดอื่น เป็นไม่มี

Filed under: ไม่ได้จัดหมวดหมู่ — nuaor @ 2:06 (เย็น)

เรื่องมีอยู่ว่า

นาย ก. ไปพบสาวแสนสวยผู้หนึ่งในงานเลี้ยง ด้วยความต้องตาเพราะท่าทางที่น่ารักของเธอ จึงเดินเข้าไปทำความรู้จักหวังตีสนิทด้วย “ขอโทษครับ ขอผมนั่งคุยด้วยสักครู่ได้ไหมครับ”

“อุย เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าครับ”

 ”เปล่าหรอกครับ แค่ผมพบคุณครั้งแรกผมรู้สึกเหมือนมีแม่เหล็กทางจิตที่ดูดผมให้เข้ามาทำความรู้จักกับคุณ”

 ”ดื่มวายเย็น ๆ สักแก้วไหมครับ”

“ไม่ละคะ ผิดศีลข้อ 5 ดิฉันไม่ดื่มน้ำเมาทุกชนิด” 

“ไม่เช่นนั้น ผมขออนุญาตตักข้าวขาหมูปากซุงให้คุณทานสักจากได้ไหมครับ”

 ”อย่า เลยคะ ดิฉันเป็นมังสวิรัต ไม่ทานเนื้อสัตว์ เพราะดิฉันคิดว่าการทานเนื้อสัตว์เป็นการส่งเสริมให้มีการทำร้ายชีวิตสัตว์ ดิฉันสงสารมัน ผิดศีลข้อที่ 1 ค่ะ”                                                     

 ”ถ้าคุณไม่รังเกลียด เสาร์นี้ผมอยากจะขอชวนคุณไปเที่ยวหัวหิน ผมมีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่นั้น”

 ”ไม่ดีดอกค่ะ หญิงชายไปในที่ลับตาคนสองต่อสอง มันไม่งาม หากไม่มีสติที่ดีพอสถานการณ์มันง่ายที่จะทำให้เราต้องผิดศีลข้อ 3″

“ผมไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น”

“คุณจะรับผมเป็นเพื่อนสักคนได้ไหมครับ” พร้อมหยิบดอกกุหลาบสีชมพูให้

“ไม่ดีหรอกค่ะ กุหลาบดอกนี้เป็นของเจ้าของงาน  ไม่ใช่ของคุณ ถ้าดิฉันรับมาก็เหมือนร่วมทำผิดกับคุณคือลักทรัพย์ มันผิดศีลข้อที่ 2 นะคะ”                                                       

“มิได้ค่ะ มีศีลข้อเดียวเท่านั้นที่ดิฉันไม่สามารถรักษาได้ คือ ศีลข้อที่  4 ”

“….!….”

มิน่าเล่าถึงได้พุทธวจนะที่ว่า…  “ผู้กล่าวคำเท็จอยู่ จะไม่ทำความผิดอื่น เป็นไม่มี”

โทษของการละเมิดศีลข้อที่ 4 

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า มุสาวาท (พูดปดหลอกลวง) ที่บุคคลทำจนคุ้น ฯลฯ ย่อมเป็นเหตุให้เกิดในนรก ฯลฯ

วิบาก คือ เศษกรรมของการพูดปดหลอกลวง อย่างเบาที่สุด ย่อมชักให้ผู้ทำ ซึ่งเป็นมนุษย์กลายเป็นคนถูกกล่าวตู่ด้วยความเท็จ

จากคำสอนของพระพุทธองค์ทำให้เห็นว่า กรรมหรือผลกรรมของการโกหกนั้นพอสรุปคร่าวได้ดังนี้

ผลที่เกิดขึ้นเป็นการภายนอก

 เห็นง่าย คือ คนเขาจะไม่เชื่อถือ พูดอะไรไปแม้จริง ก็มีกระแสบางอย่างทำให้เข้ารู้สึกมัว ๆ ขัด ๆ เพราะคนโกหกประจำจะดูกะล่อน ๆ สัมผัสรู้สึกได้

ผลที่เกิดขึ้นเป็นการภายใน

เห็นยาก แต่รู้ได้ถ้าเลิกเข้าข้างตัวเอง คือใจจะปรุงแต่ง ฟุ้งไปในอุปาทานนานาชนิดอยู่ตลอด หลอกคนอื่นบ่อย  ๆ ในที่สุดก็หลอกกระทั่งตัวเอง ยิ่งหม่นมืดยิ่งมองไม่เห็นว่าหลอก นึกว่าดี นึกว่าไม่เป็นไร

การโกหกเป็นเรื่องที่ไม่ดีอยู่แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่ที่กรณีบางครั้ง บางคนอาจโกหกเพราะจำใจ แต่ที่แน่ ๆ พวกโกหกทำให้คนอื่นดูไม่ดีในสายตาคนอื่น ทั้ง ๆ ที่แท้จริง คน ๆ นั้นเป็นคนดี อันนี้บาปหนา  บาปหนักแน่นอน

ฉันเคยเจอมาก็หลายครั้งหลายครา  ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาโกหก แต่ก็บอกไปเสมอ ว่า”ไม่เป็นไร” บอกกับใจตัวเองว่า ฉัน “อภัยให้” แต่ผลของการกระทำที่เขาทำ มันก็ยังเป็นบาปติดตัวเขาไป “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

 

ข้อมูล :  http://www.thammachuk.com

 

 

Post to Twitter Post to Plurk Post to Yahoo Buzz Post to Delicious Post to Digg Post to Facebook Post to MySpace Post to Ping.fm Post to Reddit Post to StumbleUpon

1 ความคิดเห็น »

  1. ศีลข้อ 4 การพูดปด หลอกลวง ส่อเสียด เพ้อเจ้อ พูดให้คนเข้าใจผิด ประชดประชัน…

    ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่าเป็นข้อที่เมื่อละเมิดแล้ว จะไม่สามารถหรือรักษาศีลข้ออื่น ๆ ได้ยากที่สุด เพราะเมื่อโกหกแล้ว จะต้องโกหกต่อเนื่องเพื่อรักษาไว้ซึ่งคำลวงไม่จริงที่ได้กล่าวแล้วนั้น

    และจริงที่สุดค่ะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม (ที่ได้ทำ ได้สั่งสมไว้)

    ความคิดเห็น โดย freemind — 16 มิถุนายน 2010 @ 8:49 (เย็น)

RSS feed for comments on this post. TrackBack URL

แสดงความคิดเห็น

*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word

Powered by WordPress