ลานปกิณกะ

มีคนจำนวนไม่น้อยเลย ที่เบื่อการออกกำลังที่มีเครื่องช่วยการออกกำลัง ไม่ว่าจะเป็น ที่บ้าน หรือ ตาม Fitness Center
ครั้นจะไม่ออกกำลังยืดเส้น ยืดสายเลย ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะคนเรา  โดยเฉพาะ คนทำงาน คงไม่สามารถนั่งอยู่นิ่งๆ ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเป็นเวลามากกว่าหกชั่วโมงได้    สมัยก่อนนานมาแล้ว  บรรพบุรุษของเรา ต้องเดินเป็นหลัก  ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วบรรพบุรุษเหล่านั้นจะเดินกันประมาณวันละ 12 ไมล์ ทุกๆ วัน
นอกจากนี้ บรรดานักวิทยาศาสตร์และแพทย์ทั้งหลายก็บอกว่า   การออกกำลังกายจะช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดให้เข้าไปหล่อเลี้ยงสมอง  ทำให้สมองหลั่งสารที่ดี บางชนิดที่กระตุ้นการทำงานของสมอง  นอกจากนั้น การออกกำลังกายนั้น ยังจะช่วยนำออกซิเจนให้เข้าไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนที่สึกหรออีกด้วย
สำหรับตัวดิฉันเองแล้ว ชอบออกกำลังด้วยการเดินเป็นที่สุด เพราะไม่ต้องตระเตรียมอะไรเลย แค่สวมเสื้อผ้าที่ทะมัดทะแมง กับรองเท้าใส่เดินดีๆโดยเฉพาะสักคู่ หรือจะมี วิทยุเล็กๆติดตัวไปฟังด้วยก็ได้   เพื่อเพิ่มความเพลิดเพลิน  แค่นี้ ก็ หน้าเดินไปได้แล้ว

 
ในระยะหลังๆนี้ สถานที่ๆดิฉันชอบไปเดินออกกำลัง มากที่สุด รองมาจากที่บ้าน คือ ที่สวนเบญจกิติ รูป 2 รูปนี้ เป็นการออกกำลังยามเช้าและยามเย็น ในบริเวณเดียวกัน
ยังมี หลักฐานทางการแพทย์  ที่พบว่า เราจะสามารถเรียนรู้ได้เร็วขึ้นถึงร้อยละ 20 ภายหลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จ เมื่อเปรียบเทียบกับการนั่งนิ่งๆ
และผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ   ติดต่อกันอย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละสองถึงสามครั้ง    จะลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคอัลไซเมอร์ ความหดหู่  อีกด้วย
แต่ ทราบไหมคะว่า  ยังมีการแบ่งลึกลงไปถึง ว่าเราจะเป็นนักออกกำลังกายด้วยการเดิน แบบไหน ถ้าเราเข้าใจถึงStyleการเดินของเราเองแล้ว เราจะยิ่งมีความสุขกับการเดินออกกำลังมากขึ้นค่ะ
Discover what kind of walker you are, then shape your walking workouts to fit your style…ยกตัวอย่าง เช่น…
ช่วงเวลาใด ที่เดินแล้ว ชอบมากที่สุด……..ชอบเดินคนเดียว หรือเดินเป็นกลุ่ม……สถานที่แบบใด ที่ชอบไปเดินมากที่สุด…….ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กับบุคลิกของเราเอง เช่น เป็นคนสบายๆเรื่อยๆหรือมุ่งมั่น เป็นคนที่ไปไหนต้องติด รองเท้าเดินไปด้วย หรือ ชอบใส่ชุดเดินออกกำลังแบบไหน เป็นต้น
ถ้าเราทราบว่า เราเป็นนักเดิน แบบไหน ก็ควรจะจัดรูปแบบการเดินให้เข้ากับบุคลิกเราที่สุด เพื่อให้การเดินออกกำลัง เป็นสิ่งที่วิเศษสุด จะไม่มีอะไรน่าเบื่อเลย
มีรายงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ.2550
พบว่า คนไทยออกกำลังกาย ร้อยละ 29.6 สาเหตุมาจาก อ้างว่า ไม่มีเวลา ไม่มีอุปกรณ์ ไม่มีเพื่อนและไม่มีสถานที่เหมาะสม
ดังนั้น การเดิน น่าจะเป็นการแก้ปัญหาได้ส่วนหนึ่ง เพราะ ไม่ต้องมีอุปกรณ์พิเศษ และหาที่เดิน ง่ายมากๆ
ดิฉันมีประสบการณ์การเดินที่ เดินแล้ว รู้สึกว่า กระปรี้เปร่าและทะมัดทะแมง อีกทั้งร่างกายก็มีการสูบฉีดโลหิตดี ดังนี้ค่ะ…เวลาเดิน จะรีบเดินเหมือน จะไปทำงานไม่ทันแล้ว ถ้าเร็วกว่านี้ จะกลายเป็น jogging
1.เวลาเดิน จะแกว่งแขนด้วย ให้มือยกสูง ขึ้นมาจนถึงระดับหน้าอก ทำให้เลือดหมุนเวียนดี
2.มองไปที่ขอบฟ้า ไม่มองต่ำ เงยคางขึ้นเล็กน้อย
3.เวลาเดิน เขย่งปลายเท้านิดหน่อย  ให้ส้นเท้ายกสูงขึ้นเล็กน้อย เป็นจังหวะๆ
4.เพิ่มระยะทางและระยะเวลา อีกนิดๆ ไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่า เหนื่อยได้ที่แล้ว
ในช่วงวันหยุด ตอนเช้าๆ  ดิฉันจะเดินไปตลาด ไปซื้อของ ไปส่งจ.ม. ใกล้ๆบ้าน
ในช่วงบ่าย หรือ วันที่ฝนตก บางวัน ถ้าไม่ไปไหน…
ดิฉันมักจะ ชอบจัดบ้าน เดินขึ้น ลง บันได ที่บ้านหลายๆรอบ ให้รู้สึกว่า หัวใจเต้นแรงหน่อย
สิ่งที่ รู้สึกว่า ได้รับรางวัล จากการเดิน การออกกำลังเบาๆ ก็คือ เวลาไปตรวจสุขภาพ ค่าที่ได้ จะปกติ ทุกอย่าง และไม่อ้วน
และ นอกจากร่างกาย จิตใจและอารมณ์ จะสดชื่นกระปรี้กระเปร่าแล้ว  สมองก็ยังปลอดโปร่งแจ่มใสอีกด้วยค่ะ 
จึงอยากจะเชิญชวนทุกๆท่าน ให้มาเดิน ออกกำลังกายด้วยกันเถอะค่ะ
หมายเหตุ..การออกกำลังกาย หมายถึง……
การเคลื่อนไหวร่างกายที่ทำซ้ำๆกัน โดยใช้กิจกรรมต่างๆ เช่น การเดิน การวิ่ง การขี่จักรยาน การว่ายน้ำ เป็นต้น ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อ ให้เกิดการพัฒนาร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา
 

« « Prev : ความเสี่ยง

Next : สีเขียวของสนามหญ้า เป็นสิ่งจรรโลงใจชั้นยอด » »