การประชุมที่ได้ทั้งผลสำเร็จ ได้ทั้งใจและได้ทั้งสุขภาพ
กลุ่มคนทำงาน มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ทั้งโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจขาดเลือด
ส่วนใหญ่ คือกลุ่มคนวัยกลางคน ที่มีภาระหน้าที่สูงขึ้น จนจะต้องมีภาระกิจในการ เข้าประชุม สัมนา และการฝึกอบรม เป็นประจำ และในการประชุมที่มีระยะเวลาค่อนข้างนานในวันหนึ่งๆ มักจะต้องมีการเลี้ยงอาหารว่างและเครื่องดื่มอยู่เสมอ บางคนใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงานหมดไปกับการประชุม จนกระทั่งมีหลายๆคนที่รู้สึกว่าผลลัพธ์ที่ท่านได้จากการประชุมช่างไม่คุ้มกับเวลาที่สูญเสียไปเลย
ในช่วงเวลาหนึ่งวันนั้น เรามีเวลาทั้งหมด 1440 นาทีเท่ากันทุกคน จากเวลาที่มีอยู่นี้ ใช้ไปในการประชุมอยู่กี่นาที เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าและมีจำกัด พวกเราทุกคนจึงพยายามใช้เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ให้มีค่ามากที่สุด แต่หลายครั้งที่เราจะต้องสูญเสียไปกับการประชุมที่ไม่มีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล แถมยังมีผลเสียตามมาในเรื่องของสุขภาพอีก
ทำไมผู้ชาย จึงลดน้ำหนักได้ง่ายกว่าผู้หญิง
มีคนให้ข้อสังเกตกันไม่น้อยว่า ถ้าจะมีการ ตั้งใจจะลดน้ำหนักกันจริงๆแล้ว ทำไม รู้สึกว่า ผู้ชายจะลดน้ำหนักได้ง่ายกว่าผู้หญิง อาจจะเพราะธรรมชาติของเพศชาย มีความมุ่งมั่น มากกว่าเพศหญิงหรือเปล่า…
พอดี ได้ไปอ่านหนังสือ Healthy Food ซึ่งเป็นนิตยสารที่ไม่อิงอยู่กับผลิตภัณฑ์อาหารชนิดใด และมีความเป็นกลาง เชื่อถือได้ พลิกๆอ่านไป เจอคำถามนี้เช่นกัน และมีคำตอบจากคุณ Catherine Saxelby-นักโภชนาการ และเป็นหนึ่งในทีมของ HFG nutrition ดังนี้ค่ะ... อ่านต่อ »
กินอย่างมีสติ แต่อย่ากินเพื่อเป็นการปรนเปรอตนเอง
อ่าน: 45620
อาหารนอกจากจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่จำเป็นแก่ชีวิตแล้ว ยังเป็นสัญญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง ของความสุข ร่าเริง สนุกสนาน ไม่มีงานเลี้ยงใด ไม่มีอาหาร
มีคนมากมาย ที่กลายเป็นคนกินมากเกินไป กินจุบ กินจิบ ดีใจก็กิน เสียใจก็กิน เครียดก็กิน กลายเป็นเรื่อง ของความอยากกิน และความเคยชินที่จะต้องมีอะไรอยู่ในปาก มากว่า ที่จะหิว และกินเพื่ออยู่จริงๆ Dr. Roger Gould ซึ่งเขียนเรื่อง Emotional Eating ที่มีชื่อเสียง ได้ให้ความเห็นว่า…. อ่านต่อ »
กินอะไรดี ผิวถึงจะสวย
ขึ้นชื่อว่า ผิวพรรณ แล้ว ผู้หญิงทุกคนมักจะเอาใจใสดุแลกันเป็นอันดับต้นๆ เพราะผิวพรรณที่ดี มีน้ำมีนวลนั้น สะท้อนถึงสภาพร่างกายที่มีสุขภาพดี ทั้งกายและใจ และยังทำให้เกิดความมั่นใจ ในเวลาเข้าสังคมอีกด้วย
แต่ก็มีปัจจัยมากมายที่ทำให้ผิวพรรณ มีการเปลี่ยนแปลง เช่น อาหาร สิ่งแวดล้อม ความเครียด การขาดการออกกำลังกาย มลภาวะต่างๆ และวัยที่เพิ่มขึ้น
มีงานวิชาการมากมายที่ระบุว่า ตัวการที่ ทำให้เกิดความเสื่อมของผิว ตัวร้าย คือ อนุมูลอิสระต่างๆ ในร่างกายของเราเองนี่ละ ตัวนี้ ที่เป็นต้นเหตุของความเสื่อมสภาพของผิวอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้แก่ รอยตีนกา ฝ้า กระ หรือ ปัญหาผิวพรรณต่างๆ
เราไม่สามารถ ที่จะหยุดอายุได้ แต่เราสามารถชลอ ความเสื่อม ที่ต้องเกิด ตามธรรมชาติ ให้ช้าลงได้ ที่มีปฏิบัติกันอยู่แล้ว คือ
1.การบำรุงจากภายนอก โดยมาก มาจากเครื่องประทินผิวต่างๆ
2.การบำรุงจากภายใน ซึ่งคือ การกินอาหารอย่างถูกต้อง ถูกหลักโภชนาการ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างถูกต้อง และนำไปซ่อมแซมบำรุง ให้ผิวพรรณของเราไม่ทรุดโทรมก่อนวัยอันควร แต่อาหารชนิดใด ที่จะให้คุณค่าการบำรุงผิวพรรณ อย่างถูกต้องล่ะคะ ลองมาดูกันค่ะ…
กินอะไรดี ให้ยิ้มสวยๆ
ใครๆก็อยากมียิ้มสวยๆ ที่เป็นที่ประทับใจของผู้คน เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ทุกคนที่พบและพูดคุยด้วยติดใจ อยาก คุยด้วยอีก
เราทราบกันไหมคะว่า นอกเหนือจาก อาหารหวานๆจะที่จะทำให้ฟันผุแล้ว แม้แต่อาหารสุขภาพบางอย่างก็ทำให้ ฟันผุ และมีกลิ่นปากเหมือนกัน
คุณ Christine Gerbstadt, MD, RD, a spokesperson for the American Dietetic Association
แนะนำเรื่องอาหาร ที่มีผลต่อ สุขภาพฟันและปากดังนี้ค่ะ….
1.ให้กินอาหาร ที่มีเส้นใย เช่น ขนมปังโฮลวีท แครกเกอร์ มันฝรั่ง หรือ ข้าวโพด ในช่วงเวลาอาหารเท่านั้น พยายามหลีกเลี่ยง ที่จะกินเป็น snack เพราะ อาหารพวกนี้ ปกติแม้จะถูกฟันบดเคี้ยว แต่ยังมีเศษหลงเหลือเศษอยู่ในระหว่างซอกฟันและเหงือก อีกสักครู่แป้งก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ซึ่งจะถูกแบคทีเรียในปาก ทำให้เป้นคราบอาหารสะสมในปากและช่องฟันในที่สุด มีผลทำให้เกิดโรคเหงือก และฟันผุ แต่ถ้าเรากินอาหารเหล่านี้ ในมื้ออาหาร น้ำลายที่ออกมามากๆ ในคราวเดียวกัน จะช่วยไม่ให้มีเศษอาหารติดอยู่ตามซอกฟันมากนัก
2.การกินน้ำชา ทั้งชาดำ ชาเขียว
คุณ Christine D. Wu, PhD, associate dean for research at the University of Illinois at Chicago College of Dentistry อธิบายว่า จะมีสาร polyphenons เป็นสารต่อต้าอนุมูลอิสระ ที่ช่วยขจัดคราบอาหาร คราบหินปูน ช่วยป้องกันฟันผุและเหงือกอักเสบ และช่วยไม่ให้ลมหายใจมีกลิ่นด้วย แถม ยังมีชาหลายๆชนิดที่มี fluoride จากใบชาเอง และจากแหล่งน้ำที่อยู่ในไร่ชา ซึ่งจะช่วยให้ปกป้องไม่ให้เคลือบฟันหลุดหายไปง่ายๆ และช่วยป้องกันฟันผุ
3.ควรใช้หลอดดูดในการดื่มน้ำผลไม้ น้ำโซดา ที่มีกรด citric และ phosphoric ที่จะไปกัดกร่อนเคลือบฟัน แม้จะเป็นพวก diet or sugar-free ก็ตาม
4.อย่าลืม กินแคลเซียม 1,000 mg per day for women younger than 50 and 1,200 mg for those older ทุกวัน
ปกติ 99 % ของ แคลเซียม ในตัวเรา อยู่ในกระดูกและฟัน นอกจากนั้นมีในอาหารเช่น cheese, milk, and yogurt
5.เพิ่มการกินวิตามินซีให้มากขึ้น เพื่อให้ไปทำหน้าที่ เหมือนซีเมนต์ที่ไปเกาะยึดเซลล์ต่างๆให้แน่นหนา ทำให้เหงือกกระชับดีด้วย ควรกินวันละ ไม่ต่ำกว่า 180 mg
แค่นี้ เราก็จะมีฟันสวยๆ ยิ้มสวยๆกันทุกคนแล้วนะคะ
ข้อมูลจาก Prevention