ข้าวไร่เพื่อการเรียนรู้และพึ่งตนเอง…1

อ่าน: 647

         เมื่อต้นปีนี้ผมซื้อที่ปลูกบ้านไว้แปลงหนึ่ง  พื้นที่ 3 ไร่กว่าๆ  ถมที่แล้วก็ยังเหลือพื้นที่ว่างๆ อยู่ 2 ไร่กว่า  คิดจะปลูกพืชหลายอย่าง  แต่มาคิดดูแล้ว ปลูกต้นไม้มาเกือบครบทุกประเภทแล้ว  คงเหลือแต่พืชอาหารคือข้าวที่ยังไม่เคยปลูก  ฝนนี้เลยตัดสินใจคิดที่จะทำนา ปลูกข้าวเอง  แต่เนื่องจากเป็นที่บุกเบิกใหม่  ครั้นจะทำเป็นนาลุ่มเหมือนชาวบ้านเขาก็เกรงว่าจะทำไม่ทัน(ปรับพื้นที่ไม่ทัน)   เลยตัดสินใจว่าแรกๆ  เราน่าจะปลูกข้าวแบบข้าวไร่ไปก่อน  แล้วค่อยปรับพื้นที่ไปเรื่อยๆ หลายๆ ปีก็คงจะทำเป็นนาได้

          เมื่อเตรียมดินก็เลยตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารอย่างง่าย  พร้อมทั้งวัดค่าพิกัดเพื่อหาชื่อชุดดิน   พบว่าเป็นกลุ่มดินที่  33/38 (ดินที่เหมาแก่การปลูกพืชไร่และไม้ผล)  เป็นดินชุดกำแพงเพชร   มีค่า pH ประมาณ 6.5     ไนโตรเจนต่ำ ฟอสฟอรัสสูง  และโปแตสเซี่ยมต่ำ

          หลังจากตัดสินใจแล้วก็จ้างรถไถปรับที่ให้เสมอกัน  เพราะพื้นที่ไม่ค่อยเรียบ  จากนั้นก็ไถไปรอบหนึ่งรอจนฝนตกจึงหยอดข้าวไร่  ซึ่งพันธุ์ข้าวไร่นั้นไปขอมาจากจังหวัดลำปาง  ได้มา 2 พันธุ์ ไม่รู้ว่าชื่อทางการเรียกว่าอะไร  แต่ชาวบ้านเรียกว่าข้าวแพร่  และอีกพันธุ์หนึ่งเรียกว่าข้าวก่ำ (ข้าวสีนิล)

          วันปลูกก็สนุกน่าดู   เพราะยังไม่เคยปลูกข้าวไร่เหมือนกัน   ทดลองใช้หลายๆ วิธี ทั้งใช้ไม้ปลายแหลมกระทุ้งแล้วหยดเมล็ดข้าว  ใช้เสียมด้ามยาวแซะดินแล้วหยอด  และวิธีสุดท้ายที่น่าจะเหมาะสมกับดินของที่นี่มากที่สุดก็คือใช้จอบขุดหลุมตื้นๆ แล้วหยอด

          หยอดหลายครั้งกว่าจะเต็มพื้นที่ประมาณ 2 ไร่เศษ  เริ่มหยอดครั้งแรกเมื่อวันที่  26  เมษายน  จนรุ่นสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2552

          เกือบหนึ่งเดือนที่คอยดูการเจริญเติบโต    ลองไปเดินดูพบว่า  มีความแตกต่างของการงอกและการเจริญเติบโตไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ

  • พันธุ์  พบว่าพันธุ์ข้าวก่ำ มีความงอกดีกว่าพันธุ์ข้าวแพร่
  • ดินที่ดอน ที่น้ำไม่ท่วมขัง ข้าวงอกดีกว่าที่น้ำท่วมขัง
  • การปลูกข้าวไร่หากไม่ไถหรือไถไม่ลึกมากนัก วิธีการปลูกแบบฝังกลบน่าจะได้ผลดีกว่าดินที่ไถลึกกว่า (ไถลึกเวลาฝนตกโอกาสที่ข้าวจะฝังตัวในดินได้ลึกกว่าส่งผลให้เมล็ดไม่งอก)
  • ฯลฯ   แล้วจะนำสิ่งที่ได้ลงมือทำมาแลกเปลี่ยนกันในโอกาสต่อไปครับ

       ภาพแปลงข้าวข้างบนนี้ เป็นฝีมือน้องไผ่  น้องฝ้าย และน้องป๊อบเพื่อนน้องฝ้ายมาช่วยปลูก (มือใหม่) หยอดข้าวเผื่อเมล็ดลีบ  แต่ข้าวก่ำออกเกือบทุกเมล็ด เลยมีมากต้นอย่างที่เห็นไกลๆ   ถ้าหยอดซัก 5 เมล็ดน่าจะกำลังดี  แต่ก็เป็นผลดีเพราะจะได้ถอนไปซ่อมในส่วนที่ข้าวไม่งอก…อิอิ

          เป็นการหาทางที่จะพึ่งตนเองอย่างหนึ่งนะครับ   ไม่ปลูกข้าว  แล้วซื้อข้าวกินนั้นทำได้และทำอยู่แล้ว   แต่คิดว่าทำในสิ่งที่เราต้องการน่าจะดีกว่า เพราะข้าวอย่างไรเราก็ต้องกินอยู่ทุกวัน   ก็เลยลองปลูกดู   

          เมื่อประมาณ 1 เดือนผ่านไป (31 พ.ค. 2552) ถึงเวลาที่ต้องซ่อมต้นข้าว  ก็ได้อาศัยข้าวกอที่ออกมา  ถอนแบ่งมาบ้างเพื่อปลูกซ่อม   การปลูกซ่อมก็เป็นการปลูกง่ายๆ เหมือนการปลูกพริก-มะเขือนั่นแหละครับ  เริ่มด้วยการขุดหลุมด้วยจอบ  จากนั้นก็หยอดน้ำให้ดินชุ่ม ต่อมาก็นำต้นข้าวมาปลูกถ้าดินเละๆ หน่อยก็ดำไปเลย หรือถ้าดินพอชุ่มๆ ก็ปลูกแล้วกลบเหมือนปลูกต้นไม้ทั่วๆ ไป เรียกว่าดำนาบกกันเลยละครับ 

  • ดำนาบกครับ  อิอิ

 

  • น้องไผ่..ผู้ช่วยปลูกครับ  ปลูกบ้างพักบ้างเรื่อยเปื่อยไปตามประสา  แต่ก็น่าจะได้เรียนรู้และจดจำภาพเหล่านี้ติดตัวไปบ้าง

  • หลังจากปลูกซ่อมเสร็จก็จะเห็นภาพที่มีต้นข้าวเต็มแปลง  ดูแล้วมีความสุขและได้บรรยากาศอีกแบบที่หาไม่ได้ในสถานการณ์และสังคมยุคพัฒนา - ยุคดิจิตอล (เขาเรียกกัน)ในปัจจุบัน

          ท่านใดมีความรู้และประสบการณ์จะนำมาแบ่งปันกันบ้างก็ยินดีนะครับ

บันทึกมาเพื่อการ ลปรร.

สิงห์ป่าสัก  23  มิ.ย. 2552

บันทึกนี้โพสต์เมื่อ วันที่ วันอังคาร, 23 มิถุนายน 2009 เวลา 10:53 (เช้า) และจัดไว้ในหมวดหมู่ ธรรมชาติ, พัฒนาตนเอง, สังคม วัฒนธรรม, ส่งเสริมการเกษตร, แลกเปลี่ยนเรียนรู้. ติดตามอ่านการแสดงความเห็นได้ที่ฟีดนี้ RSS 2.0. คุณสามารถจะ ฝากความคิดเห็นไว้, หรือ แทร็กย้อนหลัง จากเว็บไซต์ของคุณได้.


6 ความคิดเห็น ในบันทึก “ข้าวไร่เพื่อการเรียนรู้และพึ่งตนเอง…1”

#1:: sutthinun 23 มิถุนายน 2009 เวลา 2:36 (เย็น)

=ช่วยลุ้น อย่าทำนาดำเลย คนทำเยอะแล้ว
มาทำข้าวไร่ เรียนรู้ไปเรื่อยๆนะดีแล้ว
จะได้รู้วิธีทำนาที่ใช้น้ำน้อย
คาดว่าในอนาคต ข้าวไร่จะเป็นพระเอก
แหม เจ้าไผ่นี่มันน่ากอดชะมัดเลย

#2:: bangsai 23 มิถุนายน 2009 เวลา 3:28 (เย็น)

สุดยอดเลย จะตามติดนะครับ

#3:: bangsai 23 มิถุนายน 2009 เวลา 3:29 (เย็น)

พี่เองก็สนับสนุนชาวบ้านที่ดงหลวงทดลองข้าวด้วยวิธีการต่างๆเพื่อเพิ่มผลผลิต และเป็นอินทรีย์ครับ คงได้แลกเปลี่ยนกันครับ

#4:: สิงห์ป่าสัก 24 มิถุนายน 2009 เวลา 6:04 (เย็น)


สวัสดีครับพ่อครูบา
ปลูกข้าวไร่นั้นง่ายๆ นะครับ
เขาไม่จุกจิกขอเพียงดินมีความชื้นก็โตแล้ว
ตั้งแต่ปลูกยังไม่เคยรดน้ำ
ปล่อยเทวดาเลี้ยง..เราสบายๆ

#5:: สิงห์ป่าสัก 24 มิถุนายน 2009 เวลา 6:06 (เย็น)


สวัสดีครับ อ.บางทราย
ตอนนี้ใช้พันธุ์ข้าวไร่ 
ปีต่อไปจะใช้ข้าวนาสวน หรือข้าวที่ปลูกตามบ้านเราทั่วๆ ไป
กะว่าจะลองใช้พันธุ์ต่างๆ หมุนวนกันไป
เห็นต้นข้าวโตเอาๆ ก็มีความสุขแล้วครับ

#6:: silt 25 มิถุนายน 2009 เวลา 6:59 (เย็น)

วัชพืช สำคัญที่สุดเน้อพ่อไผ่
ที่หงสาต้องดายหญ้าถึงสองครั้ง
ที่กำแพงเพชรเป็นอย่างไรลองทดสอบดู

ร่วมแสดงความคิดเห็น

*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word

Main: 0.019170999526978 sec
Sidebar: 0.0062558650970459 sec