2 มิถุนายน 2011 / 5 ความคิดเห็น » / โดย สิงห์ป่าสัก
ธรรมบรรยายโดยพระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต) ท่านได้สรุปความหมายของ ธรรมมะ ไว้ 4 ข้อ ว่าธรรมะคือ
· ธรรมชาติ : ทุกสิ่งล้วนเป็นธรรมชาติ
· ธรรมดา : ความเป็นไปของธรรมชาติ
· ธรรมจริยา : สิ่งที่มนุษย์พึงปฏิบัติ และ
· ธรรมเทศนา : คำสอนของพระพุทธเจ้า
ธรรมะมีความหมายใน 4 นัยนี้ (เท่าที่ผมจับใจความได้)
สิ่งที่ผมอยากบันทึกแลกเปลี่ยนก็คือความเป็น “ธรรมดา” ครับ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นเรื่องของธรรมชาติ คือ ความหมายหนึ่งของธรรมะ
สิ่งที่ผมต้องการที่สุดตอนนี้ก็คือ….การกลับคือสู่ความเป็น “ธรรมดา” ของการดำรงชีวิตตามปกติครับ เพราะเหตุจากการเจ็บป่วย (ที่บันทึกนี้ ) ทำให้ร่างกายไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนตอนปกติ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การยืน การนั่ง หรือจะทำอะไรก็ยังไม่ถนัด เช่น การขับรถ ทำงาน ยกของ เป็นต้น คงต้องใช้เวลารักษากายไปอีกซักระยะหนึ่งจึงจะกลับคืนสู่ความเป็นปกติหรือความเป็น “ธรรมดา” ที่เมื่อก่อนไม่เคยได้คิด/ใส่ใจเลยกับสิ่งที่เป็น “ธรรมดา”นี้
“ทุกท่านที่มีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วยทำอะไรได้ตามปกติ ถือว่าท่านโชคดี มีความเป็นธรรมดาที่ทุกคนพึงปรารถนาอยู่แล้ว….. ”
ดังนั้นจงอย่าได้ตั้งอยู่ในความประมาท (ดังคำสอนสุดท้ายของพระพุทธเจ้า) โปรดรักษาความธรรมดานี้ไว้ให้ได้ เพื่อที่จะได้ใช้กายนี้ทำสิ่งที่ดี มีประโยชน์ยิ่งๆ ขึ้น ตามภูมิรู้และภูมิธรรมของเราแต่ละคน แค่นี้ก็ถือว่าได้ลาภอันประเสริฐดั่งพุทธพจน์ที่เราๆ ก็ทราบกันอยู่แล้ว…ไม่ต้องไปดิ้นรนขนขวายหาอะไรมาใส่หัวใส่ตัวให้มันวุ่นวายไปกว่านี้อีกเลยนะครับ
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร.
สิงห์ป่าสัก
๒ มิ.ย. ๒๕๕๔
ในหมวดหมู่: ธรรมชาติ
14 ตุลาคม 2010 / 2 ความคิดเห็น » / โดย สิงห์ป่าสัก
เมื่อคืนวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานบุญทอดผ้าป่าแถว ณ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เนื่องในงานสารทไทยกล้วยไข่เมืองกำแพงเพชร ปี 2553
ทอดผ้าป่าแถว…ผมมีความรู้เรื่องนี้น้อยมาก แต่ก็รู้สึกประทับใจที่ได้มีโอกาสมาร่วมงาน ซึ่งสถานที่จัดนั้นจัดในเมืองเก่าบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร และจัดในเวลากลางคืนที่สวยงามไปด้วยแสงโคมไฟ และกองผ้าป่าหลายร้อยกอง พระสงฆ์จากทุกสารทิศเป็นร้อยๆ รูป
คล้ายๆ กับการตานก๋วยสลากของคนเมืองครับ มีภาพบรรยากาศมาฝากครับ
-
ในเมืองเก่าฯ สถานที่ทอดผ้าป่าแถว
-
พระสงฆ์ที่มาร่วมพิจารณาผ้าป่า
-
สุดท้ายเป็นภาพเจดีย์หนึ่งในหลายๆ องค์ของอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรที่ขอนำมาฝากทุกท่านที่แวะผ่านเข้ามาครับ
สิงห์ป่าสัก (บันทึกแรกที่เขียนจากบ้านหลังใหม่)
ในหมวดหมู่: สังคม วัฒนธรรม
6 สิงหาคม 2010 / 4 ความคิดเห็น » / โดย สิงห์ป่าสัก
ผมไม่ค่อยได้เข้ามาเขียนบันทึกนานมากแล้ว เพราะช่วงหลายเดือนมานี้วุ่นอยู่กับการปลูกบ้าน(บาน)..อิอิ กับชาวเฮฮาก็เลยไม่ค่อยได้พบเจอกัน มีพระอาจารย์แฮนดี้แวะมาเยี่ยมพร้อมหวานใจครั้งหนึ่ง และล่าสุดลุงเอกมาเป็นวิทยากรที่ มรภ.กำแพงเพชร ผมก็ไปร่วมรับฟังและนำเสนอบทความเลยได้มีโอกาสเจอลุงเอกโดยบังเอิญ…
เสร็จการสัมมนาลุงเอกไปเชียงใหม่ขากลับแวะเยี่ยมบ้านสวนและบ้านที่ปลูกใหม่มีน้องครูมิมมาร่วมแจม(ก่อนเดินทางไปทำงานที่เพชรบูรณ์ไม่กี่วัน)…วันนี้เลยขอนำภาพมาฝาก พร้อมกับมารายงานความก้าวหน้าการสร้างบ้านครับ
ลุงเอกแวะมาเยี่ยมพร้อมกับทานเงาะที่บ้านสวน กำแพงเพชร (29 พ.ค. 2553)
สองหนุ่ม…สองมุม…คริ คริ
ครูมิมก็แวะมาร่วมแจมด้วย
บ้านไม้ที่สร้าง ตอนนี้บานไปเยอะเลยครับ สร้างได้ 80 % แล้ว ลุงเอกมาเยี่ยมเลยขอให้ลุงเอกขึ้นบนบ้านเพื่อความเป็นศิริมงคลเรียบร้อยแล้ว…อิอิ ท่านใดผ่านกำแพงเพชร..อย่าลืมแวะเยี่ยมเยียนกันบ้างเน้อ
ในหมวดหมู่: สังคม วัฒนธรรม
4 กันยายน 2009 / 3 ความคิดเห็น » / โดย สิงห์ป่าสัก
อ่าน: 372
หลายปีมาแล้วที่ผมไม่เคยได้ซื้อพริกขี้หนูจากตลาดเลย ไม่ว่าจะเป็นช่วงหน้าแล้งที่พริกขี้หนูหายากและมีราคาแพง หรือช่วงหน้าฝนอย่างขณะนี้ก็ตาม ก็คงจะเหมือนกับคนในชนบททั่วๆ ไปที่ส่วนมากพอจะมีพื้นที่ว่างๆ บางครอบครัวก็จะปลูกพืชผักสวนครัวเหล่านี้ไว้รอบบ้าน เมื่อใดจะใช้ประโยชน์ก็เพียงแต่ถือตะกร้าเดินไปเก็บรอบๆ บ้านก็จะมีพืชผักเหล่านี้ไว้ทำอาหารได้ทุกเมื่อ
สำหรับพริกขี้หนูผมไม่เคยได้ปลูก แต่พอจะมีกินอยู่อย่างพอเพียงไม่เคยขาด หลายท่านอาจคิดต่อว่าเอ๊ะ…ไม่ปลูกแล้วจะเอามาจากที่ไหนกัน (หรือว่าไปแอบเก็บของเพื่อนบ้าน…อิอิ) ไม่ใช่นะครับ ต้นพริกขี้หนูของผมทุกต้นนกช่วยปลูกให้ครับ ไม่ทราบเหมือนกันว่าต้นแรกอยู่ที่ไหน แต่ทุกปีช่วงหน้าฝนจะมีต้นพริกขึ้นเองตามธรรมชาติ มากบ้างน้อยบ้างไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความขยันของนกมั้ง…
จากการสังเกตต้นพริกขี้หนู เมื่อเวลามีผลพริกที่แก่และสุกจะมีนกมาคอยกินเสมอ เมื่อกินแล้วถ่ายออกมาก็เลยกลายเป็นการกระจายพันธุ์ และปลูกให้ผมได้มีพริกขี้หนูกินอยู่ตลอดปี เพียงแต่เวลาตัดหญ้าต้องหมั่นสังเกตและคอยเว้นต้นพริกเล็กๆ ที่ขึ้นเองให้รอดพ้นจากการตัดหญ้าไว้ จากนั้นก็ให้เวลาเขาได้โต…ไม่กี่เดือนก็ออกดอกออกผลให้เราได้ใช้ประโยชน์อีก บางต้นอยู่ได้ตั้งหลายปี สูงท่วมหัวก็เคยมีครับ
ดอกพริกขี้หนูสวยไหมครับ
หน้าฝนจะเห็นภาพผลพริกอย่างนี้อยู่เต็มต้น
ลูกสุกอย่างนี้อยู่อีกไม่กี่วันน้องนกก็จะมาช่วยเก็บกินแล้วนำไปปลูกให้ใหม่ครับ
นอกจากพริกขี้หนูแล้ว ที่หลังบ้างติดกับที่ล้างจาน จะมีต้นมะนาวที่ขึ้นเองอยู่หนึ่งต้น คงเกิดจากการทิ้งเม็ดเวลาเราทำกับข้าว มะนาวต้นนี้มีต้นคล้ายๆ กับส้มเขียวหวานแต่แข็งแรงและต้นสูงกว่าเพราะเกิดจากเมล็ด แต่ปีนี้เริ่มออกลูกให้ได้ทาน และเป็นมะนาวที่มีผลคล้ายๆ กับมะนาวแป้น เลยกลายเป็นว่าธรรมชาติได้ให้มะนาวกับผมไว้อีกหนึ่งต้น เพียงต้นเดียวก็เหลือกินแล้วครับ (คงกลัวว่ามีพริกขี้หนูแล้วจะขาดมะนาวเวลาทำอาหาร ธรรมชาติเลยจัดสรรให้อย่างลงตัว…555)
ธรรมชาตินั้นเป็นผู้ให้สำหรับมนุษย์เราเสมอนะครับ เพียงแต่เรายอมรับการอยู่ร่วมกัน และไม่ไปทำลายหรือตัดวงจรของธรรมชาติบางอย่าง เช่นในกรณีนี้ก็อาจจะเป็นตัวอย่างของนกครับ ที่เราไม่ไปทำลายเขาหรือจับมาขัง หรือทำลายธรรมชาติรอบตัว เขาก็จะทำหน้าที่ของเขาได้อย่างสมบูรณ์ …
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร.
ในหมวดหมู่: ธรรมชาติ
24 กรกฏาคม 2009 / 3 ความคิดเห็น » / โดย สิงห์ป่าสัก
อ่าน: 363
ต่อจากบันทึกที่แล้ว หลังจากทำการซ่อมข้าวไร่ ด้วยการดำนาบก หรือปลูกข้าวแบบการปลูกต้นไม้โดยทั่วๆ ไป เสร็จแล้ว
ซึ่งหลังจากปลูกเสร็จแล้วจะได้ดังภาพด้านล่างนี้ครับ
อายุข้าว ประมาณ 1 เดือน
ในมุมมองเดียวกัน เมื่อผ่านไปอีกประมาณ 1 เดือน ข้าวมีอายุประมาณ 2 เดือน ข้าวเริ่มแตกกอดีมาก จะเห็นว่าต้นข้าวมีการเจริญเติบโตแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
อายุข้าว ประมาณ 2 เดือน อาศัยแต่น้ำฝนเพียงอย่างเดียว
ข้าวที่ชาวบ้านเรียกว่า “ข้าวแพร่” จะมีการแตกกอดีมาก ต้นเดียวแตกกอได้ร่วม 40 ต้นเลยทีเดียว ดีที่ชาวบ้านที่เขาเคยปลูกมาก่อน เมื่อนานมาแล้วแนะนำว่าอย่าปลูกมากต้น และอย่าปลูกถี่เกินไป เพราะจะมีปัญหา เพราะว่าเขามีคุณสมบัติการแตกกอที่ดีมาก ซึ่งก็จริงอย่างที่ชาวบ้านที่เขาเคยปลูกได้แนะนำไว้ ดูกันให้ชัดๆ นะครับ ว่าแตกกอได้ดีขนาดไหน
การแตกกอของ “ข้าวแพร่”
ส่วนพันธุ์ “ข้าวก่ำ” เจริญเติบโตปกติ แต่การแตกกอกจะน้อยกว่า
ข้าวก่ำ
ช่วงอายุข้าว 2 เดือนนี้ จะมีหญ้าครับ มีขึ้นมากมายเหลือเกิน ถางหญ้ากันทุกอาทิตย์ยังแทบจะไม่ทันเลยนะครับ ทั้งถาก ทั้งถอน ทั้งฟัน หญ้าจะโตเร็วมาก ถึงตอนนี้ค่อยยังชั่วหน่อย แม้ว่าจะกำจัดหญ้าได้ไม่หมด แต่ต้นข้าวก็โตพอที่จะคลุมหญ้าได้บ้างแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชาวนาจึงหนีไปทำนาดำกันหมด เพราะนาดำ ควบคุมน้ำได้และคลุมหญ้าได้ง่ายกว่านี่เอง
ผู้ช่วยครับ นานๆ จะไปช่วยสักครั้ง
มุมมองบริเวณโคนต้นข้าวหลังจากถอนหญ้าแล้ว…เหนื่อยน่าดูครับ แต่ก็มีความสุข
ทีมติดตามโครงการลดต้นทุนข้าวของกรมส่งเสริมการเกษตร แวะไปให้กำลังใจครับ
ช่วง 1 เดือนจะเป็นช่วงที่ต้องซ่อมต้นข้าว
ช่วง 2 เดือน เป็นช่วงกำจัดวัชพืช ไม่รู้ว่าเดือนที่ 3 จะมีอะไรสนุกๆ ให้ตื่นเต้นอีกก็ยังไม่รู้ คอยติดตามอ่านนะครับ
ในหมวดหมู่: Uncategorized, ธรรมชาติ, พัฒนาตนเอง, ส่งเสริมการเกษตร
25 มิถุนายน 2009 / 5 ความคิดเห็น » / โดย สิงห์ป่าสัก
อ่าน: 632
มื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2552 ผมได้ไปร่วมประชุมกลุ่มยุวเกษตรกรที่โรงเรียนบ้านท่าไม้ ตำบลท่าไม้ อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งตำบลท่าไม้มีพี่ประสิทธิ์ อุทธา นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่
ขากลับได้แวะไปเยี่ยมเยียนคุณมุกดา โมราราย เกษตรกรที่เลขที่ 16 หมู่ที่ 14 ตำบลท่าไม้ ซึ่งเป็นเกษตรกรที่มีอาชีพปลูกมันสำปะหลัง ปลูกบอนพันงู และเลี้ยงสุกร อยู่ 20 กว่าตัว แต่เนื่องจากปีที่ผ่านมามันสำปะหลังราคาตกต่ำ จึงได้พลิกแพลงและปรับสูตรอาหารสุกรโดยหันมาใช้มันสำปะหลังทดแทน สามารถลดต้นทุนอาหารเลี้ยงหมูโดยใช้มันสำปะหลังมาทดแทนปลายข้าวทั้งหมดและรำบางส่วน คือเมื่อลดต้นทุนก็ถือว่าได้กำไรเพิ่มขึ้น
ในการนำมันสำปะหลังมาเลี้ยงหมู โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมคือ
- ต้องเป็นพันธุ์มันสำปะหลังตระกูลระยอง เพราะมีรสหวาน ไม่ขม
- เป็นมันที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี
- นำมาสับแล้วต้มให้สุก
- หมู 1 ตัว จะใช้หัวมันตลอดการเลี้ยงประมาณ 1 ต้น
- หักค่าหัวมันแล้ว จะได้กำไรเพิ่มขึ้นอีก 500 - 600 บาท ต่อหมู 1 ตัว
คุณมุกดา โมราราย กับพี่ประสิทธ์ อุทธา นักส่งเสริมการเกษตร
นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของภูมิปัญญาของเกษตรกรบ้านเรา ที่มีความคิดที่จะลดการพึ่งพา ลดต้นทุนการผลิต โดยปรับ-พลิกแพลงมาใช้วัตถุดิบและปัจจัยการผลิตที่สามารถผลิตได้ มาใช้ทดแทนเพื่อลดต้นทุน เพื่อความอยู่รอดของตนเอง เป็นตัวอย่างที่น่ายกย่องและนำไปเผยแพร่แก่เกษตรกรทั่วไปที่ปลูกมันสำปะหลัง หรือที่เลี้ยงหมูอยู่แล้ว เพราะหัวมันสำปะหลังตอนนี้ราคาถูกมาก และหาได้ไม่ยาก
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร. ครับ
ในหมวดหมู่: พัฒนาตนเอง, ส่งเสริมการเกษตร
23 มิถุนายน 2009 / 6 ความคิดเห็น » / โดย สิงห์ป่าสัก
อ่าน: 647
เมื่อต้นปีนี้ผมซื้อที่ปลูกบ้านไว้แปลงหนึ่ง พื้นที่ 3 ไร่กว่าๆ ถมที่แล้วก็ยังเหลือพื้นที่ว่างๆ อยู่ 2 ไร่กว่า คิดจะปลูกพืชหลายอย่าง แต่มาคิดดูแล้ว ปลูกต้นไม้มาเกือบครบทุกประเภทแล้ว คงเหลือแต่พืชอาหารคือข้าวที่ยังไม่เคยปลูก ฝนนี้เลยตัดสินใจคิดที่จะทำนา ปลูกข้าวเอง แต่เนื่องจากเป็นที่บุกเบิกใหม่ ครั้นจะทำเป็นนาลุ่มเหมือนชาวบ้านเขาก็เกรงว่าจะทำไม่ทัน(ปรับพื้นที่ไม่ทัน) เลยตัดสินใจว่าแรกๆ เราน่าจะปลูกข้าวแบบข้าวไร่ไปก่อน แล้วค่อยปรับพื้นที่ไปเรื่อยๆ หลายๆ ปีก็คงจะทำเป็นนาได้
เมื่อเตรียมดินก็เลยตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารอย่างง่าย พร้อมทั้งวัดค่าพิกัดเพื่อหาชื่อชุดดิน พบว่าเป็นกลุ่มดินที่ 33/38 (ดินที่เหมาแก่การปลูกพืชไร่และไม้ผล) เป็นดินชุดกำแพงเพชร มีค่า pH ประมาณ 6.5 ไนโตรเจนต่ำ ฟอสฟอรัสสูง และโปแตสเซี่ยมต่ำ
หลังจากตัดสินใจแล้วก็จ้างรถไถปรับที่ให้เสมอกัน เพราะพื้นที่ไม่ค่อยเรียบ จากนั้นก็ไถไปรอบหนึ่งรอจนฝนตกจึงหยอดข้าวไร่ ซึ่งพันธุ์ข้าวไร่นั้นไปขอมาจากจังหวัดลำปาง ได้มา 2 พันธุ์ ไม่รู้ว่าชื่อทางการเรียกว่าอะไร แต่ชาวบ้านเรียกว่าข้าวแพร่ และอีกพันธุ์หนึ่งเรียกว่าข้าวก่ำ (ข้าวสีนิล)
วันปลูกก็สนุกน่าดู เพราะยังไม่เคยปลูกข้าวไร่เหมือนกัน ทดลองใช้หลายๆ วิธี ทั้งใช้ไม้ปลายแหลมกระทุ้งแล้วหยดเมล็ดข้าว ใช้เสียมด้ามยาวแซะดินแล้วหยอด และวิธีสุดท้ายที่น่าจะเหมาะสมกับดินของที่นี่มากที่สุดก็คือใช้จอบขุดหลุมตื้นๆ แล้วหยอด
หยอดหลายครั้งกว่าจะเต็มพื้นที่ประมาณ 2 ไร่เศษ เริ่มหยอดครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 เมษายน จนรุ่นสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2552
เกือบหนึ่งเดือนที่คอยดูการเจริญเติบโต ลองไปเดินดูพบว่า มีความแตกต่างของการงอกและการเจริญเติบโตไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ
- พันธุ์ พบว่าพันธุ์ข้าวก่ำ มีความงอกดีกว่าพันธุ์ข้าวแพร่
- ดินที่ดอน ที่น้ำไม่ท่วมขัง ข้าวงอกดีกว่าที่น้ำท่วมขัง
- การปลูกข้าวไร่หากไม่ไถหรือไถไม่ลึกมากนัก วิธีการปลูกแบบฝังกลบน่าจะได้ผลดีกว่าดินที่ไถลึกกว่า (ไถลึกเวลาฝนตกโอกาสที่ข้าวจะฝังตัวในดินได้ลึกกว่าส่งผลให้เมล็ดไม่งอก)
- ฯลฯ แล้วจะนำสิ่งที่ได้ลงมือทำมาแลกเปลี่ยนกันในโอกาสต่อไปครับ
ภาพแปลงข้าวข้างบนนี้ เป็นฝีมือน้องไผ่ น้องฝ้าย และน้องป๊อบเพื่อนน้องฝ้ายมาช่วยปลูก (มือใหม่) หยอดข้าวเผื่อเมล็ดลีบ แต่ข้าวก่ำออกเกือบทุกเมล็ด เลยมีมากต้นอย่างที่เห็นไกลๆ ถ้าหยอดซัก 5 เมล็ดน่าจะกำลังดี แต่ก็เป็นผลดีเพราะจะได้ถอนไปซ่อมในส่วนที่ข้าวไม่งอก…อิอิ
เป็นการหาทางที่จะพึ่งตนเองอย่างหนึ่งนะครับ ไม่ปลูกข้าว แล้วซื้อข้าวกินนั้นทำได้และทำอยู่แล้ว แต่คิดว่าทำในสิ่งที่เราต้องการน่าจะดีกว่า เพราะข้าวอย่างไรเราก็ต้องกินอยู่ทุกวัน ก็เลยลองปลูกดู
เมื่อประมาณ 1 เดือนผ่านไป (31 พ.ค. 2552) ถึงเวลาที่ต้องซ่อมต้นข้าว ก็ได้อาศัยข้าวกอที่ออกมา ถอนแบ่งมาบ้างเพื่อปลูกซ่อม การปลูกซ่อมก็เป็นการปลูกง่ายๆ เหมือนการปลูกพริก-มะเขือนั่นแหละครับ เริ่มด้วยการขุดหลุมด้วยจอบ จากนั้นก็หยอดน้ำให้ดินชุ่ม ต่อมาก็นำต้นข้าวมาปลูกถ้าดินเละๆ หน่อยก็ดำไปเลย หรือถ้าดินพอชุ่มๆ ก็ปลูกแล้วกลบเหมือนปลูกต้นไม้ทั่วๆ ไป เรียกว่าดำนาบกกันเลยละครับ
- น้องไผ่..ผู้ช่วยปลูกครับ ปลูกบ้างพักบ้างเรื่อยเปื่อยไปตามประสา แต่ก็น่าจะได้เรียนรู้และจดจำภาพเหล่านี้ติดตัวไปบ้าง
- หลังจากปลูกซ่อมเสร็จก็จะเห็นภาพที่มีต้นข้าวเต็มแปลง ดูแล้วมีความสุขและได้บรรยากาศอีกแบบที่หาไม่ได้ในสถานการณ์และสังคมยุคพัฒนา - ยุคดิจิตอล (เขาเรียกกัน)ในปัจจุบัน
ท่านใดมีความรู้และประสบการณ์จะนำมาแบ่งปันกันบ้างก็ยินดีนะครับ
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร.
สิงห์ป่าสัก 23 มิ.ย. 2552
ในหมวดหมู่: ธรรมชาติ, พัฒนาตนเอง, สังคม วัฒนธรรม, ส่งเสริมการเกษตร, แลกเปลี่ยนเรียนรู้
22 มิถุนายน 2009 / 10 ความคิดเห็น » / โดย สิงห์ป่าสัก
อ่าน: 316
ระหว่างการเดินทางไปปลูกป่าที่ลำพูน ท่านอธิบดีกรมราษฎรส่งเสริม ครูบาสุทธินันท์พาทีมงานชุดใหญ่..อิอิ คนตัวใหญ่ๆ เยี่ยมเยียนลูกหลานที่กำแพงเพชร มีผมและครูมิมมาร่วมต้อนรับ
แต่งานนี้ผู้มาเยือนบอกก่อนทานข้าวมันไก่ว่าหากแวะมาเยี่ยมใครอายุมากที่สุดคนนั้นต้องจ่าย อิอิ…งานนี้ผมกับครูมิมหมดสิทธิ์
เสียดายที่ไม่ได้ไปร่วมงานปลูกป่าที่ลำพูน เพราะน้องไผ่ไปแข่งรำมวยเกาหลี(เทควันโด)ที่กรุงเทพฯ
ฝากไว้ก่อนนะโอฬาร ครั้งหน้าคงได้ไปร่วมทำบุญปลูกป่ากับคณะคนแซ่เฮบ้าง
ในหมวดหมู่: สังคม วัฒนธรรม
20 เมษายน 2009 / 2 ความคิดเห็น » / โดย สิงห์ป่าสัก
อ่าน: 636
ระหว่างการเดินทางกลับจากกระบี่ ขับรถผ่านตรัง พัทลุง ย้อนขึ้นมาที่นครศรีธรรมราช ด้วยความตั้งใจที่จะไปไหว้พระบรมธาตุนครศรีรรมราช แม้ยามค่ำคืนก็ต้องไปไหว้พระบรมธาตุฯ เลยได้ภาพที่ประทับใจมาฝากครับ
พระบรมธาตุนครศรีธรรมราชยามค่ำคื
ในหมวดหมู่: สังคม วัฒนธรรม
9 เมษายน 2009 / 6 ความคิดเห็น » / โดย สิงห์ป่าสัก
อ่าน: 323
งานเฮฮาศาสตร์ 8 ที่กระบี่ มีภาพที่แต่ละคนในครอบครัวได้คัดเลือก และนำส่งประกวด แต่นำขึ้นลานยังไม่คล่อง ขอนำขึ้นที่โกไปพลางก่อนที่บันทึกนี้ครับ..http://gotoknow.org/blog/yutkpp/254579
บันทึกนี้เลยขอนำตัวอย่างบางภาพที่ส่งประกวดมายั่วยวนก่อน ได้รับอนุญาตจากเจ้าของแล้วพร้อมช่วยตั้งชื่ให้ด้วยว่า (หนู) ไผ่ไม่กลัวน้ำร้อน ….. อิอิ
ขาด ๆ เกิน ๆ หรือว่าไม่ตรงเงื่อนไขประการใดก็ต้องขออภัยด้วย ขอเพียงได้มาร่วมแจม….อิอิ
ในหมวดหมู่: สังคม วัฒนธรรม