นิทานกังหันลมแห่งความสุข
อ่าน: 8565
ตำนานเมืองกังหันลมแห่งความสุข
“นี่คือสิ่งที่พวกข้า และผองเพื่อนช่วยกันสร้าง และ จงจดจำสิ่งที่เกิดขึ้น กว่าที่เมืองของเราจะมาถึงจุดนี้” และจงส่งต่อไปยังพวกเราสืบไป
เมื่อครั้นแต่ก่อน นานกว่าที่ข้าจะบรรยายได้ เมืองของเรา ไม่ได้เป็นอย่างสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้
ข้าเกิดและอาศัยในเมืองนี้ เมื่อครั้นข้ายังเด็ก ข้าต้องใช้เวลาอยู่ในรถเกวียนเป็นเวลานาน กว่าจะไปถึงโรงเรียน
จำนวนเกวียนและม้าศึกจำนวนมหาศาล บนทางเกวียน ฝุ่นผง ควันพิษ อีกทั้งโจรผู้ร้าย ทั่วเมือง แต่นั่นแหละ ข้าอยู่ในเมืองนี้ จนรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องปกติสำหรับข้าไปแล้ว
จากตอนนั้น เมืองที่มีแต่ปัญหาและความทุกข์เข็น สู่บ้านเมืองที่สมบูรณ์มีความสุข ทุกคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
ข้าจะเล่าให้ฟัง
เมื่อครั้น ท่านเซอร์ ฟาราเด๊ด ออเรดี้ ค้นพบสิ่งที่เราเรียกกันว่า “ไฟฟ้า” และ “พลังงาน” ขึ้นมา
“มันช่างน่าเหลือเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ หลังจากนั้น มีนักปราชญ์หลายท่าน นำสิ่งนั้นมาพัฒนากันมาเรื่อยๆ นับเป็นครั้งแรก ที่ข้าได้สัมผัสแสงสว่างอุ่นๆ จากสิ่งที่ไม่ได้มาจากน้ำมันสน และเทียนไข
นักปราชญ์ นักคำนวน ช่างไม้ ช่างเหล็ก พลั้นพากันนำสิ่งที่เรียกว่าพลังงานนี้ มาทำประโยชน์มากมาย
ช่วงนั้นมีสิ่งประดิษฐ์ขึ้นมามากมาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพวกข้า ข้ากิน ข้าใช้ ข้านอนกับสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านั้น จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกข้าไปแล้ว
ในขณะอีกมุมหนึ่งของเมือง ต้นไม้ ถ่านหิน ทรัพยากรจำนวนมหาศาลถูกใช้ไปในการตอบสนองในการผลิตไฟฟ้าและพลังงานสำหรับพวกเรา
ผลจากการผลิตพลังงาน เกิดมลพิษ จากการเผาถ่านหิน , น้ำมันจำนวนมหาศาล พวกข้าหลายคนล้มป่วยโดยไม่รู้ตัว คุณภาพชีวิตลดลง
นักปราญ นักคำนวน แจ้งให้เจ้าเมืองรู้ว่า มันอาจจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า แผ่นดินร้อน (สมัยนั้น ยังไม่รู้จักโลกยังคิดว่าโลกแบน, แต่ดันรู้จักทีวี ตู้เย็น แอร์ เจริญ….) ซึ่งทำให้อากาศเปลี่ยน อากาศร้อนขึ้น และทำให้เกิดปัญหากับลูกหลานในอนาคต แต่ก็นั่นแหละ ทั้งข้า , เพื่อนผ้อง และเจ้าเมือง เอง ก็ไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเท่าใดนัก
ครั้นเมื่อความต้องการพลังงานมากขึ้น แต่ทรัพยากรในเมืองหร่อยหรอ การนำเข้าพลังงานจากเมืองอื่น มากขึ้นเป็นตามลำดับ เหรียญทองเหรียญแล้วเหรียญเล่า ถูกส่งไปยังเมืองอื่น เพื่อซื้อพลังงานเข้าเมือง
โดยพวกข้าต้องจ่ายเงินค่าพลังงานโดยตรง 8 ส่วน และจ่ายอีก 3 ส่วนจ่ายในรูปแบบของสิ่งที่เรียกว่า ภาษี โดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นไม่นาน ชาวบ้านบางคนต้องทนจ่ายเหรียญทอง อัฐ เบี้ย ไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น บ้างก็พากันอพยพหนีไปเมืองอื่น บ้างก็ต้องหยุดงานไป แต่ยิ่งกว่านั้น บางคน ได้ลุกฮือประท้วงเจ้าเมือง ที่ต้องจ่ายเหรียญทองมากขึ้น กับความสบายที่เคยได้รับ
หลายครั้งที่ชาวบ้านเหล่านั้น ก็พากันปิดทางเกวียน แต่นั่นแหละ ท่านเจ้าเมืองก็ออกมาแก้ปัญหา ด้วยการรับปากว่า “เอาละ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของพวกเจ้า ข้าจะช่วยรับภาระให้พวกเจ้าเอง “เจ้าเมือง
“ข้าจะรับผิดชอบ โดยการจ่ายส่วนต่างที่มากขึ้นไว้เอง พวกเจ้ากลับบ้านไปเถอะ”
พวกข้า ตอนนั้น ฟังแล้วก็ใจชื้น บ้างก็หลั่งน้ำตารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเจ้าเมืองเหลือเกิน
แต่สิ่งที่ข้าไม่ได้นึกถึงในอีกมุมหนึ่งก็คือ เหรียญทองที่เจ้าเมือง นำมาแจกจ่ายช่วยเงินส่วนต่างให้กับพวกข้านั้น
มันก็คือเงินภาษี เงินอากร ที่พวกข้า ต้องส่งให้กับเจ้าเมืองทุกปี
เอาละถึงตรงนี้ สิ่งที่สะท้อนให้พวกข้าเองก็คือ เมืองไม่ได้พัฒนาเท่าที่ควรจะเป็น เหรียญทองมหาศาล ถูกจ่ายทดแทน เพื่อให้พวกเราได้ใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย
ตอนนี้สิ่งสะท้อนที่ข้าได้เห็นคือ ปัญหาหลายๆอย่างในเมือง ไม่ได้ถูกแก้ไข บ่อยครั้ง ที่ข้าเห็นการปักป้ายเตือนว่า “ทางเกวียนชำรุด ให้ใช้ความระวัง”แต่นั่นแหละ ป้ายคือสิ่งเดียวที่ข้าเห็น ข้าไม่ได้เห็นเจ้าหน้าที่จากเจ้าเมืองมาแก้ไขเลย
ปัญหาโจรผู้ร้าย ความอดหยาก คนตกงานเกิดขึ้นมากมาย
แต่ช่างโชคร้ายยิ่งนัก ปัญหาที่เดียวที่สำคัญในสายตาของพวกเราตอนนี้ คือการดำรงค์ไว้ซึ่งความสบายของพวกเรา เราคิดว่า มันต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก
ปัญหาอื่นๆ ถูกกองไว้ข้างหลัง โดยไม่ได้รับการแก้ไข เนื่องจาก รอให้เหรียญทอง เหรียญแล้วเหรียญเล่า ถูกใช้ในการสร้างความสะดวกสบายนั้น แต่ก็นั่นแหละ ข้าไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งเกิดขึ้นเลยสักนิด
ง่วงแล้วเดี๋ยวมาเขียนต่อ
6 ความคิดเห็น
หลับให้สบายนะครับ ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ช่วยไปหาอ่านบทความเก่าๆของผมเรื่องกังหันลม ที่ผมทำนายว่า ตั้งเมื่อไหร่เจ๊งเมื่อนั้นสำหรับประเทศไทยเรา ไม่ใช่เพราะลมอ่อนหรอกนะครับ .(เอ ไม่รู้ลบทิ้งไปหรือยัง)
Faradead Already นี่ที่มาเป็นอย่างไรครับ เป็นคนที่ผมนิยมมากคนหนึ่ง เพราะคิดอะไรได้นอกกรอบ ได้ข่าวว่าท่านมีอนุสาวๆหลายคน ส่วนใหญ่มาหาเอง เพราะหลงในสมองของท่านมากกว่าหลงในร่างกาย
เขียนไปปุ๊บ นึกได้ปั๊บว่าเราวันนี้แก่แล้ว หลงลืมไปธรรมดา
ไปจำไขว้ระหว่าง ฟาราเดย์ กับ เบน แฟรงคิน คนหลังนี้ต่างหากที่สาวหลง ส่วนคนแรกท่านสมถะ เคร่งศาสนามาก
ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ มาให้อ่าน มาสมทบความสุข
เรื่องราวและรูปน่าติดตามอ่านค่ะ
หายง่วงแล้วก็มาเขียนต่อให้อ่านอีกนะ
มาสารภาพว่า ป้าหวานอ่านได้ลำบากค่ะ บังเอิญสายตาไม่รอช้า แก่ไปนิด เลยต้องขอความกรุณา ปรับตัวอักษรให้ เท่าในคอมเม้นท์ ก็จะสะดวกในการอ่านมากขึ้นสำหรับป้าหวานค่ะ ขอขอบพระคุณค่ะ
โอ้ว ขอโทษด้วยครับ ไม่คิดว่าจะมีคนอ่านด้วย 555 ขอบคุณมากๆคับ