เพียงละม้าย .. คล้ายละเมอ
อ่าน: 1122ผมเหมือนคนละเมอ ตื่นมาเมื่อสักครู่ ร่างกายมันบอกว่านอนอิ่มแล้ว เลยนอนคิดอะไรๆแบบไม่ฟุ้งซ่านถึงสิ่งที่อยากทำต่อไปในชีวิตที่มีวันเวลาเหลืออยู่ไม่มากนัก
นอนไม่หลับเพราะรู้สึกว่าอิ่มแล้ว เหลือบดูนาฬิกา ตามันบอกผมว่า 6 โมงเช้า ซึ่งก็ดูสมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับความรู้สึกอิ่มและสดชื่นขณะนั้น รู้สึกว่าน่าจะเพราะเราได้สูดอากาศบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้ในกทม.ต่อเนื่องมาตั้งแต่ตอนเช้า แถมได้ออกกำลังกายย่ำไปย่ำมาอยู่กลางนาแทบทั้งวัน นั่นกระมังที่ทำให้เราหลับลึก-ยาวจนถึง 6 โมงเช้าโดยไม่รู้ตัว
แปลกใจนิดๆว่าสหายเจ้าของบ้านท่าจะนอนตื่นสายเหมือนกัน เพราะเดินดุ่มมาด้วยกัน สางนั่น ตัดโน่น ดึงนี่ ช่วยกันอยู่ในแปลงสวนป่าเนื้อที่ราว 1 ไร่ข้างบ้าน ตั้งแต่เช้าเมื่อวานที่ผมมาถึง จนเวลาล่วงไปใกล้ 11 น. โดยเราไม่ทันรู้ตัว เพราะเพลินกับงานที่เนื่องอยู่กับดิน ต้นไม้ และชีวิต ทานข้าวต้มรองท้องเล็กน้อยก่อนต่อไปยังแปลงนา ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า หรืออาบน้ำอาบท่า จนกระทั่งได้มารวบยอดเอาตอนค่ำครั้งเดียว หลังจากย่ำเรียนรู้อยู่ในแปลงนาจนมืด
นอนคิดถึง สุ จิ ปุ ลิ ว่าเรานี้ดูจะละเลยตัว ลิ เอามากๆในระยะหลัง เมื่อปัญหาประเดประดังมาให้แก้ และเตรียมการแก้มีปริมาณค่อนข้างมาก และค่อนข้างหนักในสายตาคนรอบข้าง แต่คาถา “เช่นนั้นเอง” ของท่านอาจารย์พุทธทาส ออกฤทธิ์ ช่วยผมได้เสมอ ไม่ต้องเสี่ยงต่ออาการเสียสติ หรือเป็นบ้าแต่ประการใด
คิดแล้วจึงคว้าเจ้า Netbook Acer Aspire 1 พร้อมอุปกรณ์ประกอบจากกระเป๋า ค่อยๆย่างก้าวลงมา เพราะกลัวเจ้าของบ้านตื่น แง้มประตูออกมายึดระเบียงหน้าบ้าน รับลมเย็นยามเช้าตรู่ ตั้งใจว่าจะนั่งบันทึกอะไรๆซักหน่อย อีกราว 1-2 ชั่วโมงค่อยอาบน้ำ
ติดตั้งเครื่องเรียบร้อย มองที่ขอบล่างของจอมันบอกเวลาว่า .. 1 : 07 น. ผมงงว่า เวลามันเพี้ยนไปได้อย่างไร กะว่าจะ Set เวลาเสียใหม่ให้ถูกต้อง ครั้นไปกดดูเวลาจาก HTC Viva ที่กำลังจะทำหน้าที่นำสัญญาณ Internet เข้ามาทางระบบ GPRS มันก็บอกเวลาตรงกัน ผมจึงได้คำตอบชัดเจนว่า 1 : 07 นั้นถูกต้องแล้ว ยังไม่ถึง 6 โมงเช้าแต่ประการใด ก็เลยถามตัวเองว่าละเมอไปหรือเปล่า ก็ได้คำตอบว่า “ไม่” ผมว่าแท้จริงแล้วมันเพียง ละม้ายๆ คล้ายละเมอเสียมากกว่า เพราะเราทำทุกอย่างจนกระทั่งหอบข้าวของเดินลงมา ด้วยสติที่สมบูรณ์ทุกประการ หลักฐานก็คือข้อความที่บันทึกข้างบนทั้งหมด .. ยังอ่านรู้เรื่องใช่มั้ยครับ
เขียนจบผมก็ยังไม่ง่วง เลยกะจะทำงานกับข้อมูลประเภทภาพถ่ายที่ได้มาจากแปลงนาไปเรื่อยๆจนกว่าร่างกายจะรู้สึกง่วง หากยังไม่ถึง 6 โมงเช้าจริงๆ ค่อยงีบต่ออีกสักนิด และแล้ว .. ก็ได้ยินเสียงคนเดินลงมาดึงประตูบ้านปิดเพราะคิดว่าลืมปิดเมื่อตอนก่อนเข้านอน ไม่ใช่ใครที่ไหน นางฟ้าเพื่อนร่วมชีวิต คู่ใจของท่านสหายของผมนั่นเอง ผมต้องรีบเคาะประตูบอกเธอว่าผมเอง .. อยู่ข้างนอก นอนอิ่มแล้วเลยมานั่งรับลมเย็นหน้าบ้าน .. เกือบไปแล้วครับ .. เกือบถูกเจ้าของบ้านกักบริเวณให้ต้องอยู่กับความหนาวเย็นนอกบ้าน (โดยไม่เจตนา)
บทสรุป เมื่อวานทั้งวันผมมีความสุขมากครับ ได้คิด ได้ทำ ได้ถาม ได้เรียนรู้ และความรู้ที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือรู้ว่า .. ลูกชาวนาอย่างผมยังมี ความไม่รู้ อีกมากมายในเรื่อง ดิน น้ำ ข้าว และ การทำนา
I Know What I Don’t Know !
อิ อิ อิ
และนี่คือ ลิขิตด้วยภาพครับ …