เมืองในหมอก เบตง

โดย ลุงเอก เมื่อ 14 ตุลาคม 2009 เวลา 20:09 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 161

ห่างหายไปนานเชียวแต่ก็ยังเวียนว่ายมาแอบดู ชีวิตไปเบิกบาน งานเบอะบ่ะ เดินสายไปทั่ววันนี้ก็กำลังนั่งอยู่ที่แอร์พอร็ตเมืองปีนัง รอนั่งเครื่องกลับตอนสามทุ่ม

เหตุที่มาทางเบตงส่งเทศบาลเข้าประกวดรับรางวัลพระปกเกล้าด้านสมานฉันท์สันติสุข ชีวิตคนที่นี่ก็สุขสบายดีอันที่จริงมาที่นี่ได้สามทาง คือลงเครื่องหาดใหญ่ไล่ตะบึงเข้าปัตตานี ยะลามาเบตงก็คง สี่ชั่วโมง  ถ้ามาอีกทางหาดใหญ่ สะเดา เข้ามาเลยเซียไปเบตงก็คงสามชั่วโมงครึ่ง  นี่เขาให้มาทางปีนังนั่งรถอีกสองชั่วโมงลงเบตงถือว่าใกล้สุดครับ

ที่นี่อาหารอร่อยมากเบตงมีไก่เบตงที่บอกว่าออกมามีขนเลี้ยงไปขนหลุด โตอีกหน่อยมีขนแล้วก็หลุดอีก  เออเป็นไก่เฉพาะถิ่นจริงๆว่ากันว่าเอาไปเลี้ยงที่ไหนไม่ค่อยรอด  ที่นี่เป็นแอ่งกะทะมี หมอกตลอด น้ำท่าสมบูรณ์

อีกอย่างเป็นกบภูเขาพันธ์เดียวกับแม่ฮ่องสอนหรือเปล่าไม่รู้แต่ตัวเดียวผัดเต็มจานเลย   อีกอย่างมีชื่อปลานึ่งซีอิ๊ว  แถมมีหมูเต้าหู้อีกสุดๆเลย

เมืองนี้มีสัญญาลักษ์พญานาคสองตัวรัดหลักเขต หมายความว่าเป็นเมืองน้ำ ต้นน้ำเลยหละตามแนวชายแดน

ที่สุดยอดที่นี่มีมหาวิทยาลัยมาเปิดในสถานศึกษารวมมีม.บูรพา แม่โจ้ ทักษิณ ราชภัฎยะลา สถาบันจากจีน วิทยาลัยชุมชนและการอาชีพ  เขาบอกว่าเสาร์อาทิตย์คนมาเรียนกันเต็มเลยเอาจุดเด่นๆมาเปิด สอนทั้งภาษาอาหรับ  ยาวี อังกฤษ จีน ไทย ทันสมัยสุดๆ ก่อสร้างอาคารใช้เงินร้อยห้าสิบล้านสุดยอดเลย

ที่นี่เป็นเมืองพหุสังคมโดยแท้มีคนจีน มุสลิมและไทยพุทธ นายกเทศมนตรีเป็นจีน  มีรองสามคน ไทยพุทธ  ไทยมุสลิมและไทยจีน ครบเลยมีกิจกรรมทางศาสนาทั้งสาม  มีเทศกาลต่างๆทุกศาสนามาร่วม  คนมุสลิมก็ได้การ์ดเชิญกฐินเขาก็มาร่วมด้วย

คงเล่าไม่หมดเอาแค่นี้ก่อน คิดถึงทุกๆคนครับ

« « Prev : ขอมอบพรปีใหม่ให้ชาวลานปัญญา

Next : เรื่องเล่าวันหยุด กับความสุขในการดูละครแบบไม่รู้เรื่อง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

13 ความคิดเห็น

  • #1 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 ตุลาคม 2009 เวลา 20:29

    โอย คิดถึงๆๆๆ ค่ะ
    เจอลุงเอกที่เฌอ แตม เห็นลุงเอกเหนื่อย ๆ เลยไม่ได้ชวนคุยค่ะ
    ขอให้ลุงเอกมีความสุข และสนุกสนานกับทุกสิ่งที่ทำนะคะ
    พวกเราห่วงใยและระลึกถึงเสมอค่ะ

    ^_^

  • #2 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 ตุลาคม 2009 เวลา 20:36

    ยังติดใจประวัติศาสตร์ฉบับลุงเอก  ที่เล่าให้พลทหารฟังอยู่เลยค่ะ
    ดีใจที่ได้อ่านบันทึกลุงเอกอีก ขอให้ลุงเอกมีความสุขกับการทำงานนะคะ

  • #3 สุวรรณา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 ตุลาคม 2009 เวลา 20:38

    สวัสดีค่ะลุงเอก อ่านตัวหนังสือลุงเอกแล้วรู้ทันที ลุงเอกพยายามเล่าให้พี่น้องได้หายคิดถึง แต่ลุงเอกก็มีความสุขกับการทำงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้นะคะ หนูไม่ได้ไปปัตตานีมาหลายปีแล้ว เพื่อนๆ คณะทำงานข้อมูลท้องถิ่นมหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาค ชอบพากันไปประชุม ช่วงนั้นพอดี พวกเราเลยเลื่อนมาประชุมที่ มอ.หาดใหญ่แทน มอ. ปัตตานี กลางคืนเหตุกราณ์วันนั้นนั่งดูข่าวทีวีกัน สงสารคนไทยด้วยกันนะคะ คิดถึงลุงเอกนะคะ

  • #4 จันทรรัตน์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 ตุลาคม 2009 เวลา 21:10

    รายงานตัวคร๊าบผ้ม….อิอิ

    แล้วทำไมที่เบตงถึงได้เป็นพหุสังคมได้ละคะ….เบตงมีที่มาที่ไปอย่างไงคะลุงเอก
    แล้วทำไมมหาวิทยาลัยต่างๆ (รวมแม่โจ้ด้วย)ไปอยู่ที่นั่นได้ น่าสนใจมั่กๆๆ ค่ะ

    รออ่านตอนต่อไปอย่างจดจ่อ (ไก่ไม่มีขนคงประหยัดค่าถอนขนไปเยอะเลยนะคะ…อิอิ)

  • #5 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 ตุลาคม 2009 เวลา 21:53

    กรี๊ดๆๆๆ….ดีใจที่ลุงเอกมาแล้ว….อุ๊บ..ลืมไป…เป็นพลทหารแต๋วแตกเดี๋ยวโดนลงโทษทางวินัยให้วิ่งตามรถแล้วแย่เลย

    คิดถึงลุงเอกค่ะ….ขำๆ…พลทหารข้างบนที่ถามเอาๆ…..ไม่ปล่อยให้ท่านนายพลพักเหนื่อยซะบ้างเลย

    ลุงเอกมาเล่าเรื่องให้ฟังแสดงว่ามีอะไรบางอย่างดีๆที่อยากบอกอยากเล่า…..สมัครเป็นพลทหารที่จองแถวหน้า ระวังตรงรอฟังอยู่ค่ะ

    อยากได้กำลังพลไปช่วย ประกาศตูมๆได้เลยนะคะลุงเอกขา เชื่อว่าพลทหารทั้งหลายจะพร้อมพรึบที่จะลงมือช่วยลุงเอกกันค่ะ

    อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ….ท่านนายพลที่เคารพรักของเหล่าพลทหาร

  • #6 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 ตุลาคม 2009 เวลา 0:49

    วิ่งตามกลุ่มมารับลุงเอกครับ

  • #7 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 ตุลาคม 2009 เวลา 7:58

    อยากได้ตอน ต่อๆๆอีกสักตอน จะเอามารวมพิมพ์ครับ

  • #8 สิทธิรักษ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 ตุลาคม 2009 เวลา 11:07

    ยังไงก็ยังคิดถึงครับ

  • #9 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 ตุลาคม 2009 เวลา 22:14

    คิดถึงมากมาย มาพิดโลกก็ไม่ยอมบอก อิอิ

  • #10 ลุงเอก ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 ตุลาคม 2009 เวลา 11:16

    ครูปู ลุงเอกสนุกไปทุกข์อย่างแหละจะทุกข์ไปทำไม  ไม่มีใครอยู่เกิน ร้อยปีอยู่แล้ว อาจยกเว้นพิเศษสำหรับครูปูก็ได้

  • #11 ลุงเอก ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 ตุลาคม 2009 เวลา 11:19

    อ.อึ่ง ประวัติศาสตร์ที่เล่าให้ฟังเอาไว้ทบทวนตัวเอง คงไม่ใช่เอาทุกข์หรอกนะ

  • #12 ลุงเอก ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 ตุลาคม 2009 เวลา 10:36

      พลทหารกล้าจันทรรัตน์ 

    เบตงเป็นพหุสังคมเพราะเขามีความหลากหลาย ของกลุ่มคน คนจีนนับถือขงจื๊อเป็นนายกเทศบาล  รองสามคนเป็นไทยพุทธ เป็นมุสลิม และไทยจีน คนจีน ก๊กมินตั๊งจากแม่สลองมาอยู่มาก  คนมุสลิมมีครึ่งหนึ่ง  พม่ามาใช้แรงงานก็มาก  เขาสร้างสถาบันการศึกษามาใช้ 150 ล้านบาท เปิดสอนร่วมหลายปริญญา  มีสถาบันขงจื๊อจากจีน ม.บูรพา รปศ. วิทยาลัยชุมชน เศรษฐกิจพอเพียง  แม่โจ้ เกษตร มอ.สงขลา ม.ราชภัฎยะลา วิทยาลัยการอาชีพ  สอนทั้งภาษาไทย จีน อาหรับ มลายูเขาเชื้อเชิญแต่ละที่มีเปิดที่นี่เขากำลังชวนลุงเอกด้วย

  • #13 ลุงเอก ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 ตุลาคม 2009 เวลา 16:17

    สวัสดี  สุวรรณา คิดถึงทุกๆคนครับ มีความสุขกับการทำงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้จริงๆ  แม้ยังมีเหตุการณ์อยู่เป็นเนืองนิจ
    สาวตา ไปว่ายเวียนใกล้ๆพังงาหลายครั้งแต่ไปไม่ถึงสักที  ทหารจันทรัตน์เป็นคนฉลาดเพราะช่างตั้งคำถามทำให้ได้คำตอบเกิดปัญญา  วันหลังจะชวนไปร่วมงานครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ

      ขอบคุณbangsai ที่วิ่งามมาดูครับ

      พ่อครู sutthinun ผมคงต้องตั้งใจเขียนสักเรื่องจะถอดบทเยนหลักสูตร สสสส มาเล่าให้ฟังครับ

     อยู่ยาวไกล แต่เขียนสั้นจุ๊ดจู๋เลยนะ สิทธิรักษ์

    จอมป่วน เวียนว่ายแถวพิโลกบ้างแต่มีเวลาน้อยครับต้องตั้งใจไปสักครั้งครับ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.84152507781982 sec
Sidebar: 0.01410698890686 sec