UNESCO และบทบาทของอุดมศึกษา
ท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการประชุม unesco (the united nations educational, scientific and cultural organization) 2009 ที่ปารีส ในประเด็นที่ unesco จะพยายามขับเคลื่อนอุดมศึกษาของโลก ผมเห็นว่าน่าสนใจ เลยเอามาเล่าต่อ
“But it has also highlighted the fact that society has endowed its educational institutions with greater social responsibilities than ever before, and the expectations are high: we now look for education not just to educate our children and youth, but to bring us out of poverty and set us on the path to peace and sustainable development.
นอกจากนั้นยังกล่าวถึง”อุดมศึกษาต่อการรับผิดชอบต่อสังคม”ด้วยว่า-
อุดมศึกษามักจะพูดกัน ประชุมกันบ่อยครั้งถึงเรื่องราวที่เกี่ยวการงบประมาณที่จะได้จากรัฐบาล พูดถึงการสนับสนุนจากภาคเอกชนและภาคประชาชน พูดถึงความร่วมมือกันระหว่างประเทศ การก้าวข้ามพรมแดน แต่อุดมศึกษาพูดน้อยมากถึง “ความรับผิดชอบต่อสังคม” ซึ่งความจริงแล้วความรับผิดชอบต่อสังคม (social responsibility) นั้นสำคัญที่สุด
ผมย้อนนึกถึงข้อเขียนที่ พ่อครูบาฯ เขียนไว้ในเรื่องบัณฑิตที่พึงประสงค์ว่า
“เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้ว ขอให้เป็นคนรู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องของสังคม สามารถเรียนรู้ต่อยอดในเรื่องต่างๆได้ดี มีทักษะชีวิตและสังคมในด้านที่เป็นผู้เสนอและผู้สนองได้ ที่สำคัญเป็นตัวคูณของสังคม”
ที่จี๊ดขึ้นมาคือส่วนนี้เป็นสิ่งที่พาอครูบาฯพูดไว้แล้ว แต่อาจไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะเปลี่ยนแนวคิดของผู้บริหารอุดมศึกษาไทย คงต้องรอให้ unesco มาบอกถึงจะยอมเปลี่ยนกระมัง
บ่นวันละนิด ชีวิตแจ่มใส
จากลานคนขี้บ่น แฮ่ม ชอบจัง ชื่อลานนี้ 55555
ผม..เอง
« « Prev : แวะมาส่งข่าว การพบรมช.พลังงาน
3 ความคิดเห็น
“เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้ว ขอให้เป็นคนรู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องของสังคม สามารถเรียนรู้ต่อยอดในเรื่องต่างๆได้ดี มีทักษะชีวิตและสังคมในด้านที่เป็นผู้เสนอและผู้สนองได้ ที่สำคัญเป็นตัวคูณของสังคม”
ลูกศิษย์ที่จะรู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องของสังคม….. มีทักษะชีวิต……ฯ ก็ต้องมาจากอาจารย์ที่เป็นแบบนี้
คนหัวสี่เหลี่ยมย่อมสอนลูกศิษย์ออกมาหัวสี่เหลี่ยม ( คนหัวสี่เหลี่ยมคือคนที่คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม แต่อยากได้สิ่งใหม่ๆ…… อ. วรภัทร์ ภู่เจริญ )
บางทีอาจารย์อยากอยู่แบบเดิม แต่อยากหาคนอื่นมาช่วยสอนเด็กๆให้รู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องราวของสังคม ?…..
เห็นด้วยอย่างมากกับคุณหมอ จอมป่วนครับ
ครูที่สอนเด็ก ต้องรู้ร้อนรู้หนาวในเรื่องของสังคมก่อน
ผู้บริหารประเทศ/องค์กร ต้องรู้ร้อนรู้หนาวในเรื่องของสังคมด้วย
จุดเริ่มต้นอยู่ที่ใด?
ก็น่าคิดนะคะ ว่า ประเทศไทยมีนักการศึกษามากมาย ทำไมมันถึงทางตันกันซะ
เรื่องจะให้รู้ร้อนรู้หนาวทางสังคม ก็คงอย่างหมอจอมป่วนว่า
อีกอย่างถ้าหากมองไม่ออกเชื่อมโยงปัญหาทุกๆๆวันของสังคมไทยไม่ได้ ก็ทำไม่ได้หรอกค่ะ อย่างมากถ้าหากนโยบายต้องการให้ไปตาม unesco ว่ามา ก็คงเปิดกระบวนวิชาภาคบังคับ เหมือนๆวิชาอื่นๆ อย่างเช่นจริยธรรม ก็ใช้สอนเอาท่องเอา สอบก็ใช้กากะบาท ก ข ค ง
วิธีเรียนแบบสมัยก่อนที่ใช้การฝึกฝนเดินทางดั้นด้นไปหาพระอาจารย์ กว่าจะได้เรียนเคล็ดวิชาก็ต้องถูกทดสอบความอดทนและการเป็นคนดีจริงๆ อาจารย์ถึงจะให้วิชา มันก็ไม่มีอีกแล้ว สมัยนี้อาจารย์ซีร๊อคเอกสารตัวเองขายก็ยังมี
อ้าวบ่นด้วยคนค่ะ….