ในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นโลกแห่งการแข่งขัน คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจมีความวิตกกังวลว่าลูกของเรามีความเก่งและความสามารถที่จะเอาตัวรอดและประสบความสำเร็จในสังคมได้หรือไม่ เด็กบางคนอาจเก่งในด้านคณิตศาสตร์ ด้านศิลปะ ด้านภาษา ด้านกีฬา ซึ่งผู้ปกครองต้องคอยสังเกตในความเก่งและความถนัดของลูกและตอบสนองต่อความสนใจนั้น ดังนี้
• มีปฏิสัมพันธ์กับลูกให้มากที่สุด โดยอย่าให้ทีวีเป็นพี่เลี้ยงลูก งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่าการที่เด็กนั่งนิ่งๆ และให้เด็กได้รับการสื่อสารทางเดียว โดยการใช้สายตามองภาพที่เคลื่อนไหวสลับไปมาอย่างรวดเร็ว จะทำให้เด็กเป็นโรคสมาธิสั้น มีพัฒนาการทางด้านภาษาล่าช้า และเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ จากรายงานของ American Academy of Pediatrics (AAP) พบว่า ปัจจุบันความก้าวร้าวรุนแรงที่เห็นจากโทรทัศน์และสื่อต่าง ๆ มีเพิ่มขึ้นมาก ประมาณร้อยละ 60 ของรายการต่าง ๆ ซึ่งน่าเป็นห่วงที่พบว่ารายการของเด็กโดยเฉพาะการ์ตูนของบางประเทศจะมีความก้าวร้าวรุนแรงสอดแทรกอยู่ด้วยเสมอ
• ให้ความรักกับลูกอย่างสม่ำเสมอและไม่มีเงื่อนไข กอดลูก หอมลูกทุกครั้งเท่าที่จะทำได้ นักจิตวิทยาส่วนใหญ่เชื่อว่า ความผูกพันที่มั่นคงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านสุขภาพของเด็ก (Bentzen และ Frost, 2003) การที่เด็กได้รับความอบอุ่นจากพ่อแม่อย่างเต็มที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูก ทำให้ลูกมีฐานอารมณ์ที่มั่นคงและจะสร้างลูกให้เป็นคนที่สามารถแสดงความรักกับผู้อื่นได้ด้วย
• ให้กำลังใจและชมเชยลูกเสมอ เด็กที่ได้รับความสนใจและคำชมเชยอยู่เสมอ จะมีพัฒนาการทางสมองดีกว่าเด็กที่ถูกปล่อยปะละเลย จากการศึกษาเด็กที่ถูกทอดทิ้ง และอยู่ในสถานรับเลี้ยงไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่และปล่อยปะละเลย จะมีพัฒนาการที่ล่าช้าในทุกด้าน
• สร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม และปลอดภัย โดยมีเครื่องเล่นที่เหมาะสม กับพัฒนาการ เช่นไม้บล็อก ให้ลูกได้เล่น ซึ่งช่วยให้เด็กมีสมาธิมากขึ้นและยังช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ รู้จักการแก้ปัญหาพัฒนาด้านสติปัญญาด้านการคิดวิเคราะห์ และที่สำคัญเด็กได้รับความสนุกสนานอีกด้วย
• ให้ลูกรับประทานอาหารที่ครบหมู่ เนื่องจากร่างกายของเด็กกำลังเจริญเติบโต การรับประทานอาหารให้ครบหมู่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ผัก เกลือแร่ วิตามิน และไขมัน จะช่วยให้ลูกมีเซลสมองที่เจิญเติบโตได้ดีและมีร่างกายที่แข็งแรง
• อ่านหนังสือให้ลูกฟังมากๆ การอ่านหนังสือให้ลูกฟังจะช่วยพัฒนาภาษาของลูก ซึ่งลูกอาจจะไม่เข้าใจคำศัพท์ หรือเรื่องราวทั้งหมด แต่การอ่านให้ลูกฟังบ่อยๆและซ้ำๆจะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการด้านภาษามากขึ้นจนคุณพ่อคุณแม่จะแปลกใจเลยทีเดียว การพูดคุยและถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆกับลูกจะช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของลูกได้เป็นอย่างดี
• ให้ลูกมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่น ลูกจะได้รับการพัฒนาด้านร่างกายและด้านสติปัญญา อีกทั้งยังได้พัฒนาทักษะทางด้านสังคมในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาความฉลาดของลูกก็คือสองมือของพ่อแม่ที่คอยดูแลเอาใจใส่ลูกด้วยการให้ความรัก ความอบอุ่น ความสนิทสนม โดยการแสดงออกในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูก พูดคุยกับลูก เล่นกับลูก ซึ่งพฤติกรรมของพ่อแม่ดังที่กล่าวมานั้นจะเป็นเหมือนวิตามินขนานเอกที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของลูกน้อยในทุกด้าน เพราะว่า “สองมือของพ่อแม่สร้างลูกให้ฉลาดได้จริงๆ”
ที่มา: http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000096305
กรกฏาคม 16th, 2010 at 7:39 (เย็น)
ใช่เลยจ้ะ สองมือของพ่อแม่นี่แหละที่จะช่วยสร้างคนตัวเล็กๆให้เติบโต และช่วยกอดประคองกันและกันเมื่อเหน็ดเหนื่อยกับการปลุกปั้น
พ่อ แม่ ลูก เป็นคำที่อบอุ่นอ่อนโยน สิ่งที่ทำให้เราดูแลทั้งสามคำได้ดีที่สุดคือหัวใจเรานี่เอง (อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะจ๊ะ)
คิดถึงมากมายจ้ะ น้องต้าหายเจ็บมือจากแก้วบาดแล้วใช่มั้ยเอ่ย -พี่เข้าใจนะจ๊ะว่าแม่เจ็บที่สุดเมื่อเห็นลูกเจ็บ แต่บาดแผลบางทีก็เป็นเรื่องดีจ้ะ เพราะทำให้เค้าได้เรียนรู้การปกป้อง ดูแลตัวเอง ตามตัวพี่ก็มีแผลเป็นเหมือนกันซึ่งมันมีข้อดีทำให้เราได้ระลึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเรียนรู้ที่จะเติบโตอย่างระวังตัว บาดผลบางอย่างจึงไม่ใช่ความผิดของใครแต่เป็นโอกาส หรือจังหวะที่เกิดขึ้นเพื่อให้รู้ว่าชีวิตก็เป็นแบบนี้ มีสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้เสมอ
ที่สำคัญเป็นการเปิดให้เราได้รู้ด้านนุ่ม ๆ ของหัวใจตัวเองว่าเมื่อเห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้น เห็นความคาดหวังในบทบาทของแม่ที่อยู่ลึก ๆ ในใจของเราแล้ว เราจะเลือกอะไรต่อระหว่างวางมันลง หรือถือมันไว้ต่อไปอย่างไม่มีความสุข เหมือนเราถือแ้ก้วน้ำที่มีน้ำร้อนอยู่ในนั้นตลอดเวลาน่ะจ้ะ ^ ^
กอด ๆ ๆ ข้ามฟ้าด้วยความคิดถึงงงงงงงงง อย่างแรงเลย
กรกฏาคม 17th, 2010 at 11:07 (เช้า)
ขอบคุณค่ะพี่เบิร์ด