ก.ค. 20

ศัพท์ที่่แม่เรียนรู้เพื่อพูดกับต้า

มุ้ง mosquito net

รถพ่วง trailer

ดอกบัว lotus

ใบบัว lotus leaf

หนังยาง plastic band

น้ำลาย saliva

รักแร้ armpit

น้ำมูก knot

7/20/2553
ต้าสามารถพูดคำว่า book ได้
7/23/2553
ต้าไปหยิบหนังสือหลังจากพูดกับน้องต้าว่า “Ta, go to get a book”
ต้าพูดคำว่า egg ได้

ก.ค. 17

แม่: น้องต้าอยู่โรงเรียนกรี๊ดไหมคะ
ครู: ไม่นิค่ะ มีแต่หัวเราะ
แม่: (อึ้งไปนิดหนึ่ง อยู่บ้าน ทำไมกรี๊ดดังๆ และค่อนข้างบ่อย)
แม่: แล้วน้องต้าแกล้งเพื่อนไหมคะ
ครู: อ้อ ถ้าเพื่อนเผลอ ก็ชอบไปขี่หลังเพื่อน และชอบกอดเพื่อนแรงๆ เค้าชอบหยอกเพื่อน

น้องต้าติดแม่และอาม่ามาก ตอนนี้ชอบจูงมือแม่หรืออาม่าเวลาน้องต้าอยากไปไหน

เมื่อคืนน้องต้ามีไข้ แม่ก็เช็ดตัวตั้งแต่ตี 3 กว่า น้องต้าเป็นไข้แต่ไม่สูง และเล่นเหมือนไม่เป็นอะไร ตื่นมาตั้งแต่ตี 5 กว่าแล้วพูดว่า ไปๆ เพราะอยากออกไปข้างนอก พี่ก็เลยขับรถพาออกไปข้างนอก พอดีเห็นพระ ก็จึงถือโอกาสตักบาตรเลย น้องต้าเป็นคนหยิบเอาอาหารใส่บาตรทั้ง 5 รูปด้วยตนเอง พระก็มองด้วยความเอ็นดู :)

ก.ค. 16

ในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นโลกแห่งการแข่งขัน คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจมีความวิตกกังวลว่าลูกของเรามีความเก่งและความสามารถที่จะเอาตัวรอดและประสบความสำเร็จในสังคมได้หรือไม่ เด็กบางคนอาจเก่งในด้านคณิตศาสตร์ ด้านศิลปะ ด้านภาษา ด้านกีฬา ซึ่งผู้ปกครองต้องคอยสังเกตในความเก่งและความถนัดของลูกและตอบสนองต่อความสนใจนั้น ดังนี้

• มีปฏิสัมพันธ์กับลูกให้มากที่สุด โดยอย่าให้ทีวีเป็นพี่เลี้ยงลูก งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่าการที่เด็กนั่งนิ่งๆ และให้เด็กได้รับการสื่อสารทางเดียว โดยการใช้สายตามองภาพที่เคลื่อนไหวสลับไปมาอย่างรวดเร็ว จะทำให้เด็กเป็นโรคสมาธิสั้น มีพัฒนาการทางด้านภาษาล่าช้า และเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ จากรายงานของ American Academy of Pediatrics (AAP) พบว่า ปัจจุบันความก้าวร้าวรุนแรงที่เห็นจากโทรทัศน์และสื่อต่าง ๆ มีเพิ่มขึ้นมาก ประมาณร้อยละ 60 ของรายการต่าง ๆ ซึ่งน่าเป็นห่วงที่พบว่ารายการของเด็กโดยเฉพาะการ์ตูนของบางประเทศจะมีความก้าวร้าวรุนแรงสอดแทรกอยู่ด้วยเสมอ

• ให้ความรักกับลูกอย่างสม่ำเสมอและไม่มีเงื่อนไข กอดลูก หอมลูกทุกครั้งเท่าที่จะทำได้ นักจิตวิทยาส่วนใหญ่เชื่อว่า ความผูกพันที่มั่นคงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านสุขภาพของเด็ก (Bentzen และ Frost, 2003) การที่เด็กได้รับความอบอุ่นจากพ่อแม่อย่างเต็มที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูก ทำให้ลูกมีฐานอารมณ์ที่มั่นคงและจะสร้างลูกให้เป็นคนที่สามารถแสดงความรักกับผู้อื่นได้ด้วย

• ให้กำลังใจและชมเชยลูกเสมอ เด็กที่ได้รับความสนใจและคำชมเชยอยู่เสมอ จะมีพัฒนาการทางสมองดีกว่าเด็กที่ถูกปล่อยปะละเลย จากการศึกษาเด็กที่ถูกทอดทิ้ง และอยู่ในสถานรับเลี้ยงไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่และปล่อยปะละเลย จะมีพัฒนาการที่ล่าช้าในทุกด้าน

• สร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม และปลอดภัย โดยมีเครื่องเล่นที่เหมาะสม กับพัฒนาการ เช่นไม้บล็อก ให้ลูกได้เล่น ซึ่งช่วยให้เด็กมีสมาธิมากขึ้นและยังช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ รู้จักการแก้ปัญหาพัฒนาด้านสติปัญญาด้านการคิดวิเคราะห์ และที่สำคัญเด็กได้รับความสนุกสนานอีกด้วย

• ให้ลูกรับประทานอาหารที่ครบหมู่ เนื่องจากร่างกายของเด็กกำลังเจริญเติบโต การรับประทานอาหารให้ครบหมู่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ผัก เกลือแร่ วิตามิน และไขมัน จะช่วยให้ลูกมีเซลสมองที่เจิญเติบโตได้ดีและมีร่างกายที่แข็งแรง

• อ่านหนังสือให้ลูกฟังมากๆ การอ่านหนังสือให้ลูกฟังจะช่วยพัฒนาภาษาของลูก ซึ่งลูกอาจจะไม่เข้าใจคำศัพท์ หรือเรื่องราวทั้งหมด แต่การอ่านให้ลูกฟังบ่อยๆและซ้ำๆจะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการด้านภาษามากขึ้นจนคุณพ่อคุณแม่จะแปลกใจเลยทีเดียว การพูดคุยและถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆกับลูกจะช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของลูกได้เป็นอย่างดี

• ให้ลูกมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่น ลูกจะได้รับการพัฒนาด้านร่างกายและด้านสติปัญญา อีกทั้งยังได้พัฒนาทักษะทางด้านสังคมในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาความฉลาดของลูกก็คือสองมือของพ่อแม่ที่คอยดูแลเอาใจใส่ลูกด้วยการให้ความรัก ความอบอุ่น ความสนิทสนม โดยการแสดงออกในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูก พูดคุยกับลูก เล่นกับลูก ซึ่งพฤติกรรมของพ่อแม่ดังที่กล่าวมานั้นจะเป็นเหมือนวิตามินขนานเอกที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของลูกน้อยในทุกด้าน เพราะว่า “สองมือของพ่อแม่สร้างลูกให้ฉลาดได้จริงๆ”

ที่มา: http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000096305