ม.ค. 19

สืบเนื่องจากทางโครงการพัฒนาเครือข่ายกลุ่มสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่” แผนกการพยาบาลสูติ-นรีเวชกรรม งานบริการพยาบาล โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดประชุมวิชาการเรื่อง “เลี้ยงลูกอย่างไรให้ฉลาด” โดยวิทยากร นายแพทย์อุดม เพชรสังหาร ในวันที่ 17 มกราคม 2553 จึงได้มีโอกาสเข้าฟังการบรรยายนี้ น่าสนใจทีเดียว ขอบคุณผู้ที่จัดการบรรยายนี้ และขอสรุปสิ่งที่ได้ฟังเพื่อเป็นประโยชน์กับพ่อแม่ที่ต้องการเลี้ยงลูกให้ฉลาด

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ฉลาดในที่นี้ไม่ได้หมายถึงได้เกียรตินิยม แต่หมายถึงเก่ง เอาตัวรอดได้  อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข คุณหมออุดมแสดงกราฟอัตราการเกิดรอยเชื่อมต่อในสมอง ซึ่งพบว่าจะเริ่มตั้งแต่ 7 เดือนในท้องแม่ และสูงในช่วง 2 ขวบแรก จากนั้นก็เริ่มลดลงและพอพ้นอายุ 5 ขวบก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นถ้าพ่อแม่อยากส่งเสริมความฉลาดก็ควรจะทำตั้งแต่ลูกอายุยังน้อย

คุณหมอได้สรุป 10 บัญญัติสมองดี กิจกรรมสร้างคนเก่ง ไว้ดังนี้

1. พ่อแม่คือแบบอย่างสร้างสมองของลูก อยากให้ลูกเป็นอย่างไรให้ทำอย่างนั้น เป็นไปตามทฤษฎีกระจกเงา เด็กเรียนรู้จากการดูและการเลียนแบบ

2. เครือข่ายครอบครัว เครือข่ายสมองลูก พ่อแม่มีกลุ่มเพื่อน และทำให้ลูกๆ ได้เจอกัน จะทำให้ลูกเห็นว่าเรามีเพื่อน มีการแบ่งปันกัน ทำให้เกิดญาติมิตร (Social network)

3. ยิ่งกอด สมองยิ่งเก่ง การกอดลูกหรือการสัมผัสที่ทำให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่รักเขา จะทำให้เขารู้สึกอบอุ่น มั่นใจ เห็นคุณค่าตนเอง ทำให้เกิด NGF (Nerve Growth Factor)  (จริงๆ แล้วพอพ่อแม่กอดลูก ก็ทำให้ลูกเลียนแบบ กอดพ่อแม่เหมือนกัน แล้วอย่างนี้พ่อแม่ก็ฉลาดขึ้นไหม :) อาจจะฉลาดขึ้น แต่ไม่มากเท่ากับเด็ก   น้องต้าชอบกอดทุกคนในบ้าน เดี๋ยวก็กอดอาม่า เดี๋ยวก็กอดแม่ เดี๋ยวก็กอดพ่อ  เมื่อวานไปห้าง ก็ไปกอดพ่อต่อหน้าคนขายของ คนขายของก็บอกว่าขี้อ้อนมากเลยเด็กคนนี้)

4.  กินดี สมองดี กินอาหารครบ 5 หมู่  กินอาหารเช้า กินแป้งที่มีโมเลกุลซับซ้อน ลดอาหารหวาน

5.  8 ทักษะธรรมชาติพัฒนาสมอง  8 ทักษะนี้ได้แก่ สงสัย สำรวจ สัมผัส สืบค้น สรุปผล สร้างสรรค์ สื่อสาร สั่งสม   ทำให้ลูกเห็นว่า เมื่อสงสัย ต้องแสวงหาความรู้ แรงจูงใจที่สำคัญที่สุดคือความอยากรู้

6. เมื่อลูกเล่น สมองลูกกำลังแล่น การเล่นมีหลายวิธี ไม่ใช่แค่เล่นกับของเล่นเท่านั้น ลูกควรจะได้เล่นเพื่อปรับตัวเข้าหากัน (เล่นกับพ่อแม่ เล่นกับครู เล่นกับเพื่อน) ถ้าเด็กทะเลากัน อย่าเพิ่งเข้าไปแก้ปัญหาให้เด็ก ให้โอกาสเด็กได้ฝึกทักษะในการแก้ปัญหาเมื่อทะเลาะกับพื่อน  การเล่นอย่างอื่นที่มีประโยชน์ เช่น เล่นบทบาทสมมุติ เล่นเล่าเรื่อง  เล่นเคลื่อนไหวร่างกาย (เมื่อวานพ่อน้องต้าบอกน้องต้าเดินบนทราย เล่นโยนก้อนหินเป็นชั่วโมง)

7. อ่านสร้างสมอง การอ่านทำให้มีความรู้ มีแบบอย่างการใช้ชีวิต ทำให้เกิดควาอยากรู้ เกิดนิสัยรักการเรียนรู้ ถ้าลูกรักการอ่าน จะมีสิ่งดีๆ ตามมาในชีวิตลูก  (แม่น้องต้าจึงพยายามเอาหนังสือให้ลูกดูและอ่านบ่อยๆ  ถ้าน้องต้าโตขึ้น น้องต้าก็อ่านหนังสือไป แม่ก็ทำงานไป)

8. ศิลปะ สร้างสุนทรียะ สร้างสมอง  ศิลปะทำให้เด็กมีความไวในการรับรู้ การแสดงความคิดเห็น  เห็นความแตกต่างในความคิดของคน ทำให้เอาใจเขา มาใส่ใจเรา มีคุณธรรม มีความเป็นมนุษย์  ควรจะฝึกให้เด็กดู ทำและแสดง ดู วิจารณ์ และฟังการวิจารณ์ของเพื่อน

9.  ตัวโน๊ตสร้างทำนอง ดนตรีสร้างสมอง  ควรจะฝึกให้เด็กได้เคลื่อนไหวตามทำนองจังหวะดนตรี  ให้เด็กทั้งฟังและเล่น ซึ่งจะทำให้เกิดคลื่นแกมมา ซึ่งทำให้เด็กมีความจำ มีสมาธิ สามารถแยกแยะรูปทรงต่างๆ และให้เหตุผลได้ดี

10.  พลังกีฬา ยาดีต่อสมอง  ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีความมั่นใจ ลดความเครียด  ทำให้เกิด NGT (Nerve Growth Factor) ทำให้เด็กเคารพในกฎ กติกา

ต้าและครอบครัวที่ร้านรูปที่ดูไป

ม.ค. 15

วันจันทร์ที่ผ่านมาไปทานข้าวที่ร้านอาหารประไพร มองไปมองมา เห็นน้องต้ายกมือไหว้ เลยงงว่าน้องต้าไหว้ใคร หันไปดูทิศทางที่น้องต้าไหว้ จึงเห็นว่าน้องต้าไหว้รูปหลวงปู่ไข่ที่ร้านอาหารนั้น น้องต้าชอบไหว้พระ เห็นเจ้าแม่กวนอิมที่บ้านก็ไหว้ เห็นรูปคุณตาทวดก็ไหว้ เห็นรูปพระก็ไหว้ เห็นรูปในหลวงก็ไหว้ เรื่องการไหว้นี้ ต้องขอบคุณอาม่าที่สอนน้องต้า เรื่องไหว้นี้เป็นเรื่องที่น้องต้าเชื่อและทำตามได้ง่ายที่สุด ตอนติดตามคุณพ่อน้องต้าไปนำเสนอผลงานที่ดูไบ พอน้องต้าได้ยินเสียงสวดมนต์ของชาวมุสลิม น้องต้าก็ยกมือไหว้ แต่น้องต้าไม่ค่อยไหว้คน ส่วนใหญ่มีแต่ไหว้พระทั้งพระในรูป และพระที่เดินให้เห็น

เรื่องที่ยากและกำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรที่จะฝึกน้องต้าคือเรื่องพูด น้องต้าพูดได้แค่ 2-3 คำ เช่น นม และจ้ะ แต่ยังพูด พ่อ หม่า และ ม่าไม่ได้ หลายคนก็บอกว่าเด็กผู้ชายพูดช้า ให้รอจนถึง 2 ขวบก่อนแล้วค่อยดู หลายคนก็แนะนำว่าให้พูดช้าๆ และให้เค้ามองที่ปากเรา แต่น้องต้าไม่ยอมมองที่ปาก ตอนนี้คิดว่าจะเอาน้องต้าไปสถานที่เลี้ยงและส่งเสริมพัฒนาการเด็ก เช่น baby genius หรือ โรงเรียนสอนศิลปะในวันเสาร์หรืออาทิตย์

อีก 2 นิสัยที่อยากให้น้องต้าเลิกทำคือ การตี และ การโยน ตอนเค้าเล็กมาก คุณพ่อชอบตีเค้าเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว และนั้นอาจทำให้เค้าชอบตี บอกให้เลิกตี เพราะทำให้คนถูกตีเจ็บ เค้าก็ยิ้มและหัวเราะ ตอนนี้พอเค้าตี เราก็เดินหนีจากเค้า ไม่อยากให้เค้าตีใครเลย

อีกอย่างหนึ่งก็คือเค้าชอบโยนของ ตอนนี้ถ้าเค้าโยนของ เราก็จะเก็บของนั้น ไม่ให้เค้าเล่น แต่ต่อไปก็จะพยายามอธิบายว่า การโยนของ จะทำให้ของเสีย

รูปที่ครอบครัวถ่ายหน้าตึก Burj Khalifa ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในเดือนธันวาคม 2552
dubaiTrip