27 มีนา โอฮะอิโย นิปโปน!
หลังจากที่ไปพักกายพักใจในเมืองไทยอยู่อาทิตย์กว่าๆ ก็ได้เวลากลับมาเยือนญี่ปุ่นอีกครั้ง แม้ใจจะยังหวั่นๆ แต่ก็ตัดสินใจกลับมาเพื่อพิสูจน์กำลังใจตัวเองว่า “ยังสู้ไหวหรือเปล่า” แต่ก่อนจะกลับมาก็ไปเติมบุญเติมบารมีให้กับตัวเองอย่างเต็มที่ด้วยการถวายภัตตาหารเพลพระทุกวัน ถวายยารักษาโรค ถวายผ้าไตรจีวร ซื้อที่ดินสร้างวัด สร้างพระธรรมกายประจำตัว และปล่อยสัตว์ปล่อยปลาให้ชีวิตสัตว์เป็นทานตามหลักวิชชาจนใจชุ่มและอิ่มในบุญดีเสียก่อน ขอบคุณพี่สาวสุดสวยที่ยกคอนโดข้างวัดให้พักฟรีๆ ตลอดเวลาที่ไปอยู่เมืองไทย ทำให้ซากุระได้เติมบุญให้กับชีวิตอย่างเต็มที่ กราบขอบพระคุณคุณแม่ที่ยอมให้ลูกสาวคนนี้กลับมา แม้ใจจะยังหวั่นๆ อยู่ก็ตาม
ระหว่างที่อยู่เมืองไทยก็ติดตามข่าวแผ่นดินไหวและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตลอด เรียกว่าไม่ได้อ่านข่าวเมืองไทยกันเลย จึงไม่รู้ว่าที่ภาคเหนือของไทยก็มีแผ่นดินไหว และที่ภาคใต้ของไทยก็ประสบภัยน้ำท่วม กว่าจะรู้ก็กลับมาอยู่ญี่ปุ่นหลายวันแล้ว
เครื่องลงที่นาโกย่าแต่เช้า สนามบินนาโกย่านี้อยู่ออกไปริมทะเล ห่างไกลจากชุมชนเยอะทีเดียว เรียกว่าถ้าสึนามิเข้าก็คงจะเรียบร้อยโรงเรียนญี่ปุ่นกันทีเดียว วันนี้อากาศสดชื่นมาก ไม่หนาวเย็นจนเกินไป ดอกซากุระก็ยังบานสะพรั่ง เป็นภาพที่งามตายิ่งนัก นึกขอบคุณผู้เสียสละที่พยามยามอย่างสุดความสามารถในการควบคุมเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในครั้งนี้ “กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดีฉันใด ผู้กล้าที่แท้จริงมักจะปรากฎกายในยามวิกฤติเสมอ”
เมื่อเริ่มเดินทางเข้าเขตคานากาว่า เริ่มสังเกตเห็นว่าผู้คนเริ่มสวมผ้าปิดจมูกกันมากขึ้น ทำให้เริ่มสงสัยว่าสวมไว้กันรังสี กันละอองเกสรดอกไม้หรือว่ากันการแพร่กระจายของเชื้อโรคกันแน่ แต่ที่แน่ๆ รถไฟฟ้าและรถเมล์ในเขตนี้ให้บริการตามปรกติ อาหารและน้ำมันก็ไม่ขาดแคลนแล้ว การดับกระแสไฟฟ้าตามช่วงเวลายังมีการประกาศใช้อยู่ แต่ในบางพื้นที่ก็ยกเลิกไม่ได้นำใช้เนื่องจากปริมาณกระแสไฟฟ้ามีเพียงพอ นึกชื่นชมคนญี่ปุ่นที่เขาร่วมแรงร่วมใจกันประหยัดไฟฟ้า แม้จะบ่นว่าลำบากแต่ก็ไม่มีใครลุกขึ้นมาประท้วงไม่ให้ดับไฟ หรือให้เร่งหาแหล่งไฟฟ้าสำรอง ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต เอ…แล้วถ้าเป็นที่เมืองไทยจะเป็นยังไงนะ จะมีการใส่เสื้อสีมาประท้วงรัฐบาลไม่ให้ดับไฟหรือเปล่า
จะว่าไปแล้วที่ญี่ปุ่นนี้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อยู่ห้าสิบกว่าแห่งรอบเกาะทีเดียว เพราะเขาไม่มีแหล่งพลังงานทางเลือกอื่นที่ดีกว่า แล้วบ้านเราล่ะ ถ้ายังมีทางเลือกอื่นก็อย่าเพิ่งเลือกใช้เทคโนโลยีนี้เลยนะ เรามาช่วยกันประหยัดไฟกันก่อนดีกว่า อย่าให้เกิดเหตุร้ายแรงแล้วจึงค่อยลุกขึ้นมาประหยัดกันเลยนะคะ
« « Prev : 17 มีนา วันจำลาแดนปลาดิบ
Next : ให้ทานกับกลุ่มมิจฉาชีพต้มตุ๋นหลอกลวงจะได้บุญไหมหนอ » »
5 ความคิดเห็น
ประหยัดการลงทุนจากญี่ปุ่นจะช่วยได้มากที่สุดครับ
ทุกวันนี้เราผลิตไฟฟ้าไม่พอ จนต้องไปสร้างเขื่อนในลาว พม่า รวมไปถึงวาดฝันนิวคะเลีย ก็เพื่อมาเอาใจนักลงทุ่นญี่ปุ่น (และฝรั่ง) นี่แหละครับ
ยังไงก็ขอเอาใจช่วย ให้พ้นภัยพิษทั้งหลายนะครับ สะสมกำลังกาย ใจ วิญญาณไว้ ให้ดี สักวันหนึ่งคงได้ใช้ (ถ้าตั้งใจ)
ดีใจที่กลับเมืองไทยอย่างปลอดภัย และเสียใจที่ประชาชนชาวญี่ปุ่นต้องประสบเหตุแบบนี้ครับ
ได้กลับมาพักใจสักช่วง ได้เติมเต็มพลังใจที่พร่องไปให้ฟื้นกลับแล้ว ชีวิตที่ปลอดภัยอยู่ ณ เวลานี้ จะเป็นชีวิตที่ก้าวเดินต่อเพื่อเติมเต็มเรื่องดีๆต่อไป ในเมื่อรอดพ้นภัยมาได้ รอบต่อไปก็เป็นไปได้ที่จะสามารถพ้นภัยได้อีก ด้วยเหตุของการมีดีที่ได้สะสมเป็นบุญช่วย
เป็นกำลังใจให้คนดีค่ะ
ขอบคุณพี่ทั้งสองค่ะ
ขอบคุณ คุณสาวตาด้วยนะคะ ที่เป็นกำลังใจให้ค่ะ