สิ่งเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่

โดย noina เมื่อ 18 December 2010 เวลา 10:49 am ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2877


หลังจากได้ที่ได้ร่วมเรียนรู้บทเรียนนอกตำรา และบทเรียนการประชุมวิชาการระดับชาติของ สกอ. ก็ต้องกลับเข้าสู่ยุทธจักรของเส้นทางสีขาวอีกครั้ง หลังจากที่ได้หายหน้าหายตาจากวงการ ปล่อยให้นักศึกษาได้ศึกษาตามอัธยาศัยบนหอผู้ป่วยศัลยกรรม โดยมี อาจารย์พยาบาลพี่เลี้ยงคอยดูแลแทนในช่วงที่ไปประชุม 13-15 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อเจอหน้าลูกศิษย์คือ แววตาแห่งความปลื้มปีติและดีใจเมื่อเห็นอาจารย์กลับมานิเทศอีกครั้ง ความผิดปกติที่เปลี่ยนไปของนักศึกษาคือ ความกล้าและความกระตือรือร้น ต่างจากวันแรกที่ขึ้นฝึกปฏิบัติงานอย่างสิ้นเชิง (วันนี้เป็นการฝึกปฏิบัติงานวันที่ 4 ในสัปดาห์ที่ 2) ก่อนปฏิบัติงานทุกวันจะเริ่มต้นด้วยการ Pre conference ได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในรอบสามวันก่อน ว่านักศึกษาทุกคนอยู่ดีสบาย หรือไม่ อย่างไร คำตอบที่ชัดเจนของนักศึกษาที่ทำให้ยิ้มจนเหงือกแทบจะแห้งก็คือ “สนุกสนานมากค่ะอาจารย์ พี่ๆ ให้โอกาสพวกหนูทำทุกอย่าง พี่ๆ ใจดีทุกคนเลยค่ะ ถ้าทำอะไรไม่ได้พี่จะสอนและไม่ตำหนิเราด้วยค่ะ มีความสุขมากค่ะ” บางคนบอกว่า “รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมากก่อนเลยค่ะ อาจารย์ ” (น่าจะประชุมต่ออีกสัก 2 วัน นะเนี่ย ถ้าครบ 5 วันนักศึกษาบางคนจะได้หมดความกังวล อิอิอิ )

การเรียนการสอนในคลินิกเริ่มต้นขึ้นภายหลังจากการ Pre conference การนิเทศการฝึกปฏิบัติกิจกรรมทางการพยาบาลของนักศึกษาครั้งนี้ได้เอาความรู้ที่ได้รับประสิทธิ์ประสาทจากท่านครูบาและอาจารย์หมอป่วน มาใช้โดย การเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้พูดและแสดงความคิดเห็นและอธิบายความเข้าใจของตนเองมากที่สุด รับฟังเขาด้วยความเข้าใจ เมื่อเขาพูดจบก็สะท้อนความคิดให้เขาได้คิดเองว่าที่สิ่งเขาพูดถูกต้องหรือไม่อย่างไร การอธิบายถึงเหตุผลตามหลักการเป็นการย้ำอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เกิด Concept ที่สำคัญที่เขาควรจะรู้ เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ตนเองหลงทางมาเป็นเวลานาน กี่ปีแล้วหนอ(บอกไม่ได้เดี๋ยวรู้ อายุ อิอิอิ) ที่เราสอนนักศึกษาโดยการป้อนความรู้ให้เขาต้องรู้ในสิ่งที่เราอยากให้เขารู้ โดยที่เปิดโอกาสให้คิดเอง ทำเอง ค่อนข้างน้อย จึงไม่แปลกอะไรเลยที่ผลผลิตของเรา (พยาบาล) มีความรู้เฉพาะในขอบเขตที่เราให้เขาเรียนรู้เพียงเท่านั้น จึงมีความคิดสร้างสรรค์และการคิดนอกกรอบค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังรู้สึกดีที่ว่าเวลาที่เหลืออยู่เรายังมีส่วนร่วมสร้างผลผลิต “พยาบาลพันธุ์ใหม่” (พยาบาลมีองค์ความรู้ทางการพยาบาล ใฝ่รู้ ใฝ่ดี คิดเป็น ทำเป็น แก้ไขปัญหาเป็น รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์)ได้อีกหลายรุ่น (คุณสมบัติพยาบาลพันธุ์ใหม่ ประยุกต์มาจาก คุณสมบัติของบัณฑิตยุคใหม่ ที่กำหนดไว้ในเป้าหมายของการพัฒนาการศึกษาให้มีมาตรฐาน อิอิอิ)

สิ่งที่อันตรายอย่างหนึ่งจากการสอนแบบป้อนความรู้โดยที่ไม่เปิดโอกาสได้เรียนรู้ด้วยตนเองก็คือ การที่เราบอกอะไร สอนอะไร เขาอาจจะท่องจำสิ่งนั้น ๆ โดยที่อาจจะไม่เข้าใจแต่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม หากท่องจำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ก็จะปฏิบัติไม่ถูกต้องด้วย สิ่งที่ตามมาก็คือ คุณภาพการพยาบาลที่อาจจะลดลง และอาจทำให้การปฏิบัติการพยาบาลไม่แตกต่างจากการดูแลของผู้ดูแลโดยทั่วไป

ในการฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษา ต้องมีการทำ Nursing care conference ซึ่งเป็นการประชุมปรึกษาทางการพยาบาลเพื่อวางแผนการพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาน่าสนใจโดยใช้กระบวนการพยาบาล ซึ่งประกอบด้วย การประเมินสภาพ การวินิจฉัยทางการพยาบาล การวางแผนการพยาบาล การปฏิบัติการพยาบาล และการประเมินผลทางการพยาบาล ซึ่งกระบวนการดังกล่าวคล้ายๆ กับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นพยาบาลที่ดีก็ต้องมีคุณสมบัติของนักวิทยาศาสตร์ด้วยเช่นกัน นั่นคือ “ความช่างสังเกต ขี้สงสัย และมีเหตุผล” จึงจะทำให้สามารถค้นหาปัญหาของผู้ป่วยได้ครอบคลุมและสามารถให้การพยาบาลผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม การทำ Nursing care conference ของนักศึกษาครั้งนี้ ได้สะท้อนให้นักศึกษาให้มองเห็นถึงองค์ความรู้และความเข้าใจของตนเองในกิจกรรมการพยาบาลที่ปฏิบัติแก่ผู้ป่วย กิจกรรมการพยาบาลใดก็ตามหากเราอธิบายไม่ได้นั่นแสดงว่าเราขาดซึ่งความเข้าใจ แล้วเราจะยังเสี่ยงที่จะปฏิบัติเช่นนั้นต่อไปอีกหรือไม่???? ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเป็นเช่นไร???? เราจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อแก้ไขภาวะเสี่ยงจากองค์ความรู้ที่ไม่กระจ่างชัด???? การเรียนรู้จากองค์ความรู้หรือแนวคิดคนอื่นไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาของนักศึกษาได้ครบถ้วนทั้งหมด เนื่องด้วยผู้ป่วยแต่ละคนมีความแตกต่างกัน การพยาบาลแบบองค์รวม หรือแม้แต่การดูแลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ จึงเป็นสิ่งที่นักศึกษาทุกคนต้องทำความเข้าใจในความแตกต่างระหว่างบุคคล เพื่อที่จะประยุกต์ความรู้มาวางแผนให้การพยาบาลที่สอดรับกับปัญหาของผู้ป่วยที่มีในขณะนั้นจริงๆ

รอยย่นบนใบหน้าจากอาการคิ้วขมวดของนักศึกษาเริ่มคลายลงไป หลังจากครูเปิดโอกาสให้พูดคุยแสดงความคิดเห็น การให้แสดงความคิดเห็นไม่ใช่เพื่อการตัดสินถูกหรือผิด ความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เมื่อเขาได้เล่าสิ่งที่คิดเป็นการได้สะท้อนถึงความเข้าใจของตัวเขาเอง หากเข้าใจไม่ตรงกับหลักการก็สามารถอธิบายในสิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญให้เข้าใจกระจ่างชัดขึ้นได้ แต่คนที่ไม่พูดต่างหากที่น่ากลัว เพราะเราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หากเขาเชื่อมั่นว่าสิ่งที่คิดถูกต้องแล้ว การกระทำที่เกิดจากความคิดนั้นย่อมส่งผลกระทบได้มากกว่าความคิดอย่างแน่นอน การทำ Nursing care conference ครั้งนี้ อย่างน้อย ๆ ก็ได้เรียนรู้ร่วมกับนักศึกษาว่า ยังมีหลายสิ่งที่นักศึกษาไม่เข้าใจและเรียนรู้แบบท่องจำหรือเลียนแบบจากตัวอย่าง แต่ก็ต้องขอบคุณอาจารย์พยาบาลพี่เลี้ยงตึกศัลยกรรม ที่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่นักศึกษา ทำให้เกิดการเรียนรู้จากตัวอย่างที่ดีๆ เพราะ “การเรียนรู้จากตัวอย่างที่ดีมีผลต่ออนาคตของชาติอย่างแน่นอน”

การฝึกปฏิบัติงานตลอดสองสัปดาห์ ณ หอผู้ป่วยศัลยกรรมได้สำเร็จลุล่วงไปด้วย D (แต่นักศึกษาหลายคนมีโอกาสได้ A อิอิอิ) ก่อนเสร็จสิ้นการฝึกปฏิบัติงาน ได้แจ้งนักศึกษาว่าจะมีการ Post test นักศึกษาต่างกระตือรือร้นเป็นการใหญ่ ในการอ่านหนังสือเพื่อสอบ แต่เสียดายที่ข้อสอบยากกว่านั้นมากนัก (อิอิอิ) ข้อสอบเป็นข้อสอบอัตนัย มีอยู่ 4 ข้อ ให้เขียนอธิบายตอบตามความเข้าใจของตนเอง ไม่จำกัดจำนวนหน้ากระดาษ (ใช้กระดาษหน้าเดียว เพราะเสียดายต้นไม้แต่ละต้นที่ต้องโดนตัด) คำถามคือให้อธิบาย

  1. ความประทับใจจากการฝึกปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยศัลยกรรมครั้งนี้
  2. ความภาคภูมิใจที่เกิดขึ้นในการฝึกปฏิบัติงานครั้งนี้
  3. สิ่งที่อยากปรับปรุงแก้ไขตนเองให้ดีขึ้น
  4. ความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า “การพยาบาลแบบองค์รวม การดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์”

เมื่อแจกกระดาษให้นักศึกษาทุกคนตั้งหน้าตั้งตาเขียนอย่างขะมักเขม้น บางคนแอบยิ้มไปเขียนไป บางคนหัวเราะออกมาขณะเขียนคำตอบลงในกระดาษ สิ่งที่ประทับใจในการสอบครั้งนี้คือ ทุกคนไม่สนใจที่จะเหลียวมองคนรอบข้าง ไม่สนใจที่จะลอกคำตอบของใคร ทั้งๆ ที่นั่งติดกัน บางคนตอบสั้น ๆ ได้ใจความ บางคนอธิบายยืดยาวจนต้องขอกระดาษเพิ่ม เวลาผ่านไปครบกำหนด นักศึกษาทุกคนส่งกระดาษคำตอบ ครูสะท้อนความคิดว่า ถ้าคำตอบทุกคนเขียนมาจากใจ จากความรู้สึกจริงๆ ของตนเอง นั่นคือคุณภาพการพยาบาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

คำตอบของคำถามที่ 1 คือสิ่งที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกดีต่อการฝึกปฏิบัติงาน เมื่อไหร่ก็ตามที่เรานึกถึงคำตอบข้อนี้ นั่นแสดงว่าเราเกิดการเรียนรู้เพราะเราสามารถแยกแยะ วิเคราะห์สิ่งที่ดีๆ ได้ แต่ละหอผู้ป่วยยังมีอะไรดีๆ ให้เราได้เรียนรู้อีกมากมาย ความประทับใจนี้เองจะนำไปสู่ความเข้าใจและเกิดการเรียนรู้ที่ดีได้

คำตอบของคำถามที่ 2 คือสิ่งที่จะทำให้เราเกิดความมั่นใจในการฝึกปฏิบัติงาน อะไรก็ตามที่เราทำสำเร็จ เราย่อมเกิดความภาคภูมิใจและมีแรงกระตุ้นให้เราทำในสิ่งที่ดี เมื่อใดก็ตามที่มีความภาคภูมิใจเกิดขึ้น ความวิตกกังวลหรือความกลัวจะค่อยๆ ลดลง ความมั่นใจจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น เราจะมีกำลังใจในการทำสิ่งดีๆ ต่อไปอีกมากมายในอนาคต

คำตอบของคำถามที่ 3 คือประเด็นสำคัญที่จะพัฒนาตัวเราเองให้ดียิ่งขึ้น คนที่มองเห็น ยอมรับข้อบกพร่องของตนเองและพยายามจะแก้ไขให้ดีขึ้นจะเป็นคนที่มีคุณภาพในอนาคตอย่างแน่นอน และสิ่งนี้เองจะทำให้เราเป็นที่ยอมรับของบุคคลอื่นและสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

    คำตอบของคำถามที่ 4 คือหัวใจของการพยาบาล คำตอบไม่ได้อยู่ที่ว่า ความหมายของคำเหล่านี้จะตรงกับพจนานุกรมเล่มใด หรือแนวคิดที่เขียนไว้ในหนังสือ แต่ถ้าเราเขียนตอบมาด้วยความเข้าใจของเราเอง นั่นคือสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราคาดหวังว่า เราจะให้การพยาบาลต่อผู้ป่วย คำตอบที่ตอบมายังไม่ถูกต้องที่สุดหากเราไม่นำไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยอย่างแท้จริง เมื่อใดก็ตามที่นักศึกษาให้การพยาบาลแก่ผู้ป่วย ครูอยากให้คิดถึงคำตอบข้อในข้อนี้เป็นสำคัญ เราทำได้อย่างที่เราคิดหรือไม่??? อย่างไร???

    ความประทับใจในการนิเทศครั้งนี้ คือ นักศึกษาได้ประเมินผลเป็นคำพูดว่า “พวกหนูมีความสุขในการฝึกปฏิบัติงานครั้งนี้ค่ะ” คำว่า “ความสุข” แค่คำเดียวครูก็ภูมิใจแล้วว่า นักศึกษาของครูเกิดการเรียนรู้ด้วยความเข้าใจและไม่ยากเลยที่จะเป็นพยาบาลพันธุ์ใหม่ที่มีหัวใจเปี่ยมล้นด้วยความเอื้ออาทร (JJJ)

 


 

Post to Facebook

« « Prev : อุดมศึกษาร่วมสร้างประเทศไทยน่าอยู่

Next : เปลี่ยนวันธรรมดาให้เป็นวันพิเศษ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 December 2010 เวลา 12:36 pm

    ถ้าคนไข้เจอพยาบาลอารมณ์ดี โรคก็แทบหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
    บรรยากาศของหอผู้ป่วย = คุณลักษณะที่ดีมีคุณภาพของการบริการ
    คุณภาพของการปฎิบัติงาน = คุณค่าในตัวของพยาบาลและสภาพแวดล้อมที่ดี
    งานพยาบาลเป็นงานที่หนักและเหนื่อย ถ้าไม่เป็นตัวคูณของกันและกัน เฉลี่ยทุกข์สุขให้กันแล้ว จะไม่เกิดรอยยิ้มที่นำไปสู่ความสุข รอยยิ้มของลูกศิษย์ดีกว่าตัวบ่งชี้ในงานประเมินค่อนข้างชัด
    อ่านเรื่องนี้ก็ดีใจด้วย ที่ไม่ใช่แบบ >> “แมวไม่อยู่หนูร่าเริง”
    เข้าใจว่าน่าจะเป็น “หากหนูขาดแมว แล้วหนูรู้จะรู้สึก” คิดถึงอาจารย์
    ถ้าลูกศิษย์ ชอบ> พอใจ > ใกล้ชิด> คิดถึง> รัก > และศรัทธา ถือว่าสุดยอด
    ขยันเขียนขยันเล่าอีกเน้อ

  • #2 pa_daeng ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 December 2010 เวลา 6:28 pm

    เยี่ยมมากเลย อาจารย์น้อย

    ไอซียู เปี่ยมรักของป้าแดงก็พยายามทำให้เปี่ยมสุข

    ปล่อยเวลาให้เขาเกิดการเรียนรู้ แต่บางครั้งเขาเรียนรู้ช้า ป้าแดงก็จะสั่งบ้าง

    อิอิอิ

  • #3 noina ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 December 2010 เวลา 7:40 pm

    ขอบพระคุณ ทุกความดี ที่คอมเม้นท์
    ดุจน้ำเย็น ชะโลมใจ ให้ชุ่มชื่น
    มีแรงใจ ให้ขยัน ทุกวันคืน
    เพื่อหยิบยื่น สิ่งดีดี มีให้กัน

    ขอบคุณค่ะครูบา ป้าแดง ที่ให้กำลังใจนะคะ ครูน้อย…

  • #4 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 December 2010 เวลา 11:50 pm

    ไม่ได้เขียน บทกลอน มานานแล้ว
    เห็นน้องแก้ว เขียนกลอน ตอบลุงป้า
    มือเกิดคัน ต้องรีบเขียน อวดน้าน้า
    ให้รู้ว่า จอมป่วน ก็เขียนเป็น

    อิอิอิ…….ขอมั่ง

  • #5 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 December 2010 เวลา 1:07 am

    คณะพยาบาลคงจะมีการฝึกอบรมเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ ที่ช่วยตัวเองไม่ได้
    ให้กับญาติพี่น้อง

    ที่บ้านเคยมีผู้สูงอายุแบบนั้น เราต้องจ้างคนที่ผ่านการฝึกมา แต่ก็อยู่ไม่นานเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
    ซึ่งในที่สุดก็ต้องเป็นญาติพี่น้อง ลูกหลาน ก็ใช้วิธีศึกษาเอาจากเอกสาร สื่อต่างๆ ก็พอได้

    ไม่มีอะไร เล่าให้ฟังเฉยๆ

  • #6 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 December 2010 เวลา 8:41 am

    อ่านแล้วเกิดความรู้สึกว่า หากมีการผลิตพยาบาลพันธุ์ใหม่เยอะๆผู้ป่วยคงมีความสุข
    แต่พยาบาลเป็นมนุษย์ ถึงเวลาปฏิบัติงานจริง ตั้งแต่เช้ายันเลิกงานเจอแต่ความทุกข์ของคน จะให้พยาบาลอารมณ์ดีทั้งวันผมเห็นใจครับ
    พยาบาลปัจจุบันยิ่งต้องเจอกับความต้องการของคนไข้ที่ไม่มีสิ้นสุด เอาพยาบาลโรงพยาบาลรัฐไปเปรียบพฤติกรรมของโรงพยาบาลเอกชนซึ่งมันเทียบกันไม่ได้ ก็ยังอุตส่าห์เอามาเทียบกัน รัฐก็ไม่ได้สนับสนุนหมอพยาบาลเท่าที่ควร ปริมาณผู้ป่วยสูงขึ้นแต่หมอพยาบาลผลิตออกมาก็ไม่พอ แถมหมอพยาบาลเก่งๆก็มักคำนึงถึงรายได้ที่ควรได้ แต่เรื่องนี้ผมไม่โทษเพราะภาครัฐไม่มีระบบป้องกันหมอพยาบาลที่ดี แต่กระแสสังคมมีระบบสิทธิผู้ป่วยที่ดี มันก็เลยไปกันใหญ่ครับ
    มาบ่นๆเล่นๆ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.15155005455017 sec
Sidebar: 0.063730955123901 sec